“ถ้าถามว่าคนกรุงศรีจะเสียดายอะไรถ้าต้องออกจากกรุงศรีไป ผมว่าอะไรบางอย่างที่บอกถึงความเป็นกรุงศรี นี่แหละครับ”
วันก่อนผมมีโอกาสได้คุยกับ ดร.วศิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เรื่องการบริหารคน บริหารองค์กรนี่แหละครับ ซึ่งเรื่องที่ทำให้ผมสนใจ แล้วก็โชคดีมากที่มีโอกาสได้พูดคุยถึงกรุงศรีว่า ทำอะไร และทำอย่างไรถึงได้เป็นองค์กรที่คนมากมายอยากจะไปร่วมงานด้วย
แน่นอนผมไม่ได้พูดลอย ๆ เพราะทั้งองค์กรและสถาบันที่มีชื่อเสียงหลายสถาบันเลยได้การันตีว่า กรุงศรีคือ ธนาคารที่มีการบริหารคน บริหารองค์กรอย่างดีเยี่ยม และนั่นแหละครับคือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้กรุงศรีเป็นธนาคารที่หลายคนนึกถึง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หรือคนทำงานก็ตาม
รางวัลต่าง ๆ ที่กรุงศรีที่ได้มา ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแน่ ๆ แต่มาจากการคิด การวางแผน และการลงมือทำอย่างจริงจังและต่อเนื่องที่ไม่ได้มีเฉพาะผู้บริหาร หรือ HR เท่านั้นที่เกี่ยวข้อง พนักงานทุกคนของกรุงศรีเองก็มีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จนี้
“สิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ทำโดยมีเป้าหมายเพื่อหวังรางวัลอะไร เราตั้งใจแค่อยากให้คนของกรุงศรีรับรู้และสัมผัสได้ว่าที่นี่คือที่ทำงานที่น่าอยู่ ทุกคนโดยเฉพาะคนเก่ง ๆ เลือกได้อยู่แล้ว และเราเชื่อว่าคนเก่งจะ Decide Right to Design Life เพราะฉะนั้นกรุงศรีก็ต้องเป็น The Right หรือตัวเลือกที่ถูกต้องให้กับคนเก่งเช่นกัน”
นี่คือสิ่งที่ตรงใจผมมาก ผมเองอินและทำเรื่องนี้มาไม่น้อย และสิ่งที่ผมบอกกับหลายองค์กรอยู่เสมอคือ คนอยากจะมาทำงานกับองค์กรของเรา ต้องเริ่มจากเราดูแลคนในปัจจุบันให้ดีจนเค้ารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้ อย่าไปตั้งเป้าไว้เพียงแค่อยากติดอันดับ หรืออยากได้รางวัลอะไรมาการันตี เพราะนั่นไม่ใช่จุดสิ้นสุด องค์กรยังต้องปรับต้องจูนอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่เราทำได้ดีตอนนี้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์ในวันถัด ๆ ไปก็ได้
“กรุงศรีก็ไม่ได้ทำได้ดีที่สุดในทุกเรื่อง ยังมีบางเรื่องที่เราก็ต้องปรับต้องแต่งกันไป ยิ่งธุรกิจต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ แล้วต้องปรับให้เร็วกว่าเดิม เราเชื่อในเรื่องความแตกต่างและสิ่งที่กรุงศรีทำอยู่เสมอคือ เราเชื่อและให้คุณค่าในความแตกต่างของแต่ละคน”
ถึง ดร.วศิน จะบอกว่า กรุงศรียังไม่ได้ทำได้ดีที่สุดในทุกเรื่อง แต่รางวัลการันตีจากสถาบันและองค์กรในระดับโลก ระดับประเทศหลายสถาบันไม่ได้เชื่ออย่างนั้น เท่าที่ผมรู้มา กรุงศรีเป็นธนาคารที่ได้รับรางวัล Best Company to Work for ของ Asia ในปี 2020 จาก HR Asia เท่านั้นยังไม่พอ กรุงศรียังได้รับรางวัล Thailand Best Employer Branding 2020 โดย The Employer Branding Institute
หรือถ้าไม่ต้องวัดจากสถาบันไหน ผมเองก็เป็นคนนึงที่เคยยื่นใบสมัครกับกรุงศรีมาก่อนด้วยเหมือนกัน
อีกรางวัลนึงที่ผมสนใจ คือ Thailand และ Global MIKE Award ซึ่งธนาคารกรุงศรีเป็นธนาคารไทยธนาคารเดียวที่ได้รับถึง 3 รางวัล ได้แก่ 1) รางวัล The 5 Most Outstanding Winners of the Global MIKE Award 2020 หรือ หนึ่งใน 5 องค์กรที่มีความโดดเด่นในการบริหารจัดการนวัตกรรมและองค์ความรู้ ซึ่งนับเป็นรางวัลสูงสุดของงานดังกล่าว ซึ่งกรุงศรีเป็นเพียง องค์กรไทยหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ 2) รางวัล Global MIKE Winners และ 3) รางวัล Thailand MIKE AWARD 2020 (Gold level – ระดับความเป็นเลิศเทียบเท่าสากล) จาก Global Most Innovative Knowledge Enterprise (MIKE) Award 2020 ซึ่งมอบให้กับองค์กรชั้นนำที่มีการบริหารจัดการนวัตกรรมและองค์ความรู้ยอดเยี่ยมระดับโลก ซึ่งตระหนักถึงความสำคัญในการนำความรู้มาสร้างคุณค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าเพราะเป็นองค์กรที่มีการจัดการเรียนรู้ดีที่สุด มีทั้งหลักสูตรให้คนของกรุงศรีได้เรียนรู้อย่างหลากหลาย มีแพลตฟอร์มที่ทันสมัย หลากหลาย เข้าถึงง่าย และแน่นอนว่าเป็นประโยชน์ต่อคนทำงาน
ผมเองก็เคยไปจอยด้วย เป็นการสอนที่ผมบอกเลยว่า ผมเองก็ตื่นเต้นและสนุกไปด้วยเลย
อีกเรื่องนึงที่ผมคุยกับ ดร.วศิน โยงไปในสถานการณ์ของโควิดที่เราเจอกันอยู่ เพราะผมเองก็อยากรู้ว่ากรุงศรี ทำอะไรบ้าง
“สิ่งที่กรุงศรีให้ความใส่ใจอย่างมากคือการลดความกังวลให้กับคนของเรา ทั้งสุขภาพใจและสุขภาพกาย ในขณะที่เราก็ต้องเดินหน้าทำหน้าที่ของเราต่อไป เพราะลูกค้าของเราก็ยังต้องการบริการที่ดีจากคนของกรุงศรีอยู่”
เรื่องใหญ่ ๆ ที่กรุงศรีใช้เป็นหลักการในการบริหารคือ ทุกคนต้อง Work From Home ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงที่สถานการณ์โควิดมีความรุนแรง แม้มีนโยบายในการรักษาระยะห่างแต่ก็ยังคงต้องมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงรักษาระดับการสื่อสารให้เกิดประโยชน์ทั้งในด้านผลลัพธ์การทำงานและความสัมพันธ์ระหว่างกัน การจัดรูปแบบของออฟฟิศก็เปลี่ยนให้เหมาะสม ระบบ Hot Seat นั่งตรงไหนก็ได้ ไม่ต้องมีที่นั่งประจำ เน้นความปลอดภัยและความสะดวกเป็นสำคัญ รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกเรื่องระบบการทำงานต่าง ๆ ที่ช่วยให้เข้าถึงงานที่ต้องรับผิดชอบได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ในอนาคตเราก็อาจจะเห็นการทำงานแบบ Work From Everywhere ในแบบของกรุงศรี
แต่ครับแต่ ไม่ว่าจะทำงานจากที่ไหนก็ตาม ความเป็นธนาคารกรุงศรีเป้าหมายหลักที่วางไว้คือ การเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า และเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคเอเซียน สิ่งที่คนของกรุงศรีจะต้องคิดอยู่เสมอในการให้บริการคือ ไม่ว่าจะอีกกี่สิบปี ลูกค้าของกรุงศรีก็ยังอยากที่จะอยู่กับกรุงศรีต่อไป และแน่นอนว่าพนักงานของธนาคารกรุงศรีทุกคน มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดที่จะทำให้เป้าหมายนี้เกิดขึ้นได้จริง ๆ
ดร. วศิน บอกผมว่า ตอนนี้ธนาคารกรุงศรีมีสาขาทั่วประเทศกว่า 650 สาขา ตัวเลขผลประกอบการหลายตัวติดอันดับ Top 3 ของธนาคารในประเทศไทย ทั้งเงินกองทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก ไม่แปลกใจที่กรุงศรีจะอยู่ในฐานะสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ที่น่าสนใจมากคือ เป็นธนาคารที่มี NPL Ratio อยู่ที่ 2.00% ต่ำที่สุดในธนาคารกลุ่มเดียวกัน
สิ่งที่จะเป็นอนาคตของธนาคารกรุงศรีคือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น การทำงานของสาขาก็ปรับเปลี่ยนไปในด้านของการให้คำปรึกษามากกว่าการเข้าไปเพื่อทำธุรกรรม เพราะเทคโนโลยีช่วยให้ลูกค้าจัดการหลายเรื่องด้วยตนเองอยู่แล้ว ดังนั้นคนของกรุงศรีก็ต้องเก่งมากขึ้นในเรื่องใหม่ ๆ
สิ่งหนึ่งที่ผมชื่นชมความเป็นกรุงศรี คือการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เสริมทักษะและความรู้ให้เท่าทันกับสถานการณ์อยู่เสมอ และการพัฒนาคนเก่งของกรุงศรีให้มีความเก่งที่หลากหลาย คิดนอกกรอบ ลดขั้นตอนและปรับกระบวนการให้เหมาะสม รวมไปถึงการให้โอกาสกับพนักงานได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ได้เรียนรู้วิธีการทำงานที่ต่างประเทศหรือย้ายไปประจำเพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่มากขึ้น
ทั้งหมดนี้คือความเป็นธนาคารกรุงศรี ที่ผมสัมผัสได้จากการพูดคุยกับ ดร. วศิน
แล้วถ้าถามว่าผมเสียดายอะไรหลังจากที่ได้คุยกับ ดร.วศิน ผมก็คงตอบว่า ผมเสียดายที่ไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของธนาคารกรุงศรีนี่แหละครับ
#DecideRightToDesignLife
#ธนาคารกรุงศรี
#HRTheNextGen
