#幣安 #前國稅局專員 #加密犯罪調查
【幣安聘 IRS 官員為情報副總!曾為美國調查「絲綢之路、Mt. Gox」】
⚡️前 IRS 專員 Gambaryan 在聲明中說道:「 合規是第一道防線。我們的目標是將幣安確立為打擊人口販運、勒索軟體和恐怖主義融資的主要貢獻者 」
Gambaryan 領導的加密貨幣調查,包括絲綢之路、BTC-e 和 Mt. Gox 事件。
-
#同場加映
① Binance.US找到CEO了!前螞蟻金服、Uber高管Brian Shroder將肩挑幣安IPO大任
https://pse.is/3npdcj/
② 央行警告後,幣安終止提供新加坡產品!iOS、Google App全下架
https://pse.is/3mwcym/
③ 「幣安美國3年就要IPO!」CZ給出上市期限:要做Coinbase做過的事、2月內完成融資
https://pse.is/3pbjy8/
-
✅ 即時新聞Telegram頻道
https://t.me/blocktemponews
✅ 每日精選 LINE:
https://line.me/R/ti/p/%40kgx9780p
✅ #五千人投資討論群 (已滿)
https://line.me/ti/g2/htySqS7SoKOuGGFx4Gn9dg
-
✅ 動區Line2群👇👇👇
https://bit.ly/dogemoon2
同時也有3部Youtube影片,追蹤數超過5,140的網紅寶博士,也在其Youtube影片中提到,【來賓:高培勛 投資顧問】錄音時間2020.06.11 ⭐後疫情時代的債務破產危機⭐ https://medium.com/@peihsunkao/54e6eee0e3a9 📍《原則:生活和工作》作者:瑞.達利歐 https://www.books.com.tw/products/0010782...
「mt. gox」的推薦目錄:
- 關於mt. gox 在 動區動趨 BlockTempo - 由社群而生的區塊鏈媒體 - Media for Blockchain Facebook 的最讚貼文
- 關於mt. gox 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於mt. gox 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於mt. gox 在 寶博士 Youtube 的最佳貼文
- 關於mt. gox 在 聽書 ‧ BookListen Youtube 的精選貼文
- 關於mt. gox 在 飛磚夜說 Youtube 的精選貼文
- 關於mt. gox 在 門頭溝Mt Gox賠償最新進度,14萬枚BTC為什麽不會砸盤?4件 ... 的評價
- 關於mt. gox 在 After the Mt Gox crash , many people left the crypto space ... 的評價
mt. gox 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุป Crypto Wallet ทุกรูปแบบ ที่นักลงทุนคริปโท ควรรู้จัก /โดย ลงทุนแมน
ช่วงที่ผ่านมา คริปโทเคอร์เรนซี ได้กลายมาเป็นหนึ่งสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนและนักเก็งกำไร
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ หลายคนจะให้ความสนใจกับผลตอบแทนที่หวือหวา
แต่สิ่งที่เรายังต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันเลย ก็คือเรื่องของความปลอดภัย
“Crypto Wallet” เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้เรา
รักษาความปลอดภัยแก่คริปโทเคอร์เรนซีของเราได้
Crypto Wallet คืออะไร
แล้วตอนนี้ มันมีกี่รูปแบบและสำคัญอย่างไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
Crypto Wallet แม้จะแปลภาษาไทยตรงตัวว่า “กระเป๋าเงินคริปโทเคอร์เรนซี”
แต่มันไม่ได้มีลักษณะเดียวกันกับกระเป๋าเงินที่เราใช้เก็บธนบัตรหรือเก็บเหรียญเลย
หากเทียบให้เห็นชัด Crypto Wallet ในที่นี้จะเหมือนกับ “กุญแจ” สำหรับเข้าถึงตู้เซฟมากกว่า
โดย Crypto Wallet ก็เรียกได้ว่าเป็นตัวกลางที่ทำให้เราสามารถเข้าไปดูข้อมูลและทำธุรกรรมในบัญชีที่จัดเก็บคริปโทเคอร์เรนซีบนบล็อกเชนได้ นั่นเอง
ซึ่ง Crypto Wallet ประกอบไปด้วย 2 กุญแจ คือ Public Key และ Private Key
โดยทั้งสองประเภท จะเป็นชุดรหัสตัวเลขไม่ซ้ำกัน โดยแต่ละกุญแจก็มีหน้าที่แตกต่างกัน
Public Key หรือ Address เปรียบเสมือนเลขที่บัญชีธนาคารของเรา
โดยเราสามารถให้ Public Key กับคนอื่น
เพื่อที่อีกฝั่งสามารถโอนเงินมาสู่บัญชีของเราได้ถูกต้อง
Private Key ก็ตรงตามชื่อ กุญแจส่วนตัว
โดยเราจะรู้ได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
เพราะมันเปรียบเสมือนรหัสผ่านเข้าบัญชีธนาคารของเรา
ปกติ Private Key จะมีหน้าตาเป็นรหัสยาว ๆ จำยาก น้อยคนที่จะจำได้ เช่น 6bc87f0al58de02e32qc8o35 ส่งผลให้การนำไปใช้งานเป็นเรื่องที่ยาก
ปัจจุบัน จึงได้เกิดเทคนิคใหม่ในการเปลี่ยน Private Key ให้เป็นคำศัพท์ต่อ ๆ กันอย่างน้อย 12 คำ เพื่อที่ผู้ใช้งานจำได้ง่ายขึ้นและไม่ง่ายเกินไปจนคนอื่นเดารหัสได้ถูกต้อง สิ่งนี้เรียกว่า “Seed Phrase” นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น dog apple egg rain smile big eye friend you king boy love
ซึ่งหากมีใครรู้เลข Private Key ของเรา ไม่ว่าใครก็ตาม เขาคนนั้นก็จะสามารถเข้ามาทำธุรกรรมบนบัญชีเราได้
หรือหากเราลืมรหัสเสียเอง คริปโทเคอร์เรนซีที่เก็บไว้ก็จะหายไปในระบบตลอดกาล ไม่สามารถกู้รหัสผ่านเหมือนบัญชีธนาคารได้ เพราะมีเราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้
ดังนั้นการดูแล Private Key จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับคนที่ลงทุนในวงการคริปโทเคอร์เรนซี
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ ในปัจจุบันเกิด Crypto Wallet หลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองการใช้งานต่อนักลงทุนที่ต้องการแตกต่างกัน
โดย Crypto Wallet จะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Hot Wallet และ Cold Wallet
เริ่มกันที่ “Hot Wallet” คือ Wallet ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเกือบตลอดเวลา
ข้อดีคือ สะดวกต่อการใช้งาน จึงเหมาะกับกลุ่มเทรดเดอร์ที่ต้องเทรดอยู่บ่อยครั้ง
และยังเหมาะแก่การเก็บคริปโทเคอร์เรนซีจำนวนน้อย
แต่เมื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ก็จะมีความเสี่ยงจากการโดนแฮกตามมา รวมถึงไวรัสและมัลแวร์ต่าง ๆ
Hot Wallet ที่นักลงทุนนิยมใช้กันคือ Web Wallet หรือ Wallet บนเว็บไซต์เทรดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วไป
เช่น Bitkub, Binance, Zipmex และ Upbit
โดย Private Key ของเรา จะถูกดูแลโดยเว็บไซต์ที่ให้บริการ
เราเพียงแค่มี Username และรหัสผ่านของเว็บไซต์นั้นก็สามารถใช้งานได้เลย
ซึ่งความเสี่ยงอยู่ตรงนี้ หากเจ้าของบริหารไม่ดี จนคริปโทเคอร์เรนซีบริษัทถูกคนอื่นแฮกเอาไปเหมือนอย่างกรณี Mt. Gox แพลตฟอร์มซื้อขายที่เคยใหญ่สุดในโลก หรือแม้แต่เว็บไซต์เทรดขโมยเงินหนีไปเอง เหมือนอย่างกรณี Thodex แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีตุรกี เราก็จะไม่สามารถตามเงินคืนได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งกับ Mt. Gox และ Thodex
จึงเป็นที่มาของคำว่า “Not Your Keys, Not Your Coins”
หรือแปลเป็นไทยว่า “หากไม่ใช่กุญแจคุณ เหรียญที่คุณมีก็ไม่ใช่ของคุณ”
สะท้อนให้เห็นว่าแม้เราจะมีผู้ดูแลให้ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะปลอดภัย 100%
พูดถึงตรงนี้หลายคนอาจอยากสร้างความปลอดภัยแก่คริปโทเคอร์เรนซีของตัวเองกันมากขึ้น
แต่ก็อยากได้ความสะดวกสบายในการใช้งานที่ง่ายกว่า
จึงเป็นที่มาของ Hot Wallet แบบที่สอง นั่นก็คือ Mobile Wallet เป็นแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่เก็บ Private Key บนโทรศัพท์นั้นเลย ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานอย่างแน่นอน และมีฟังก์ชันให้ Back Up ข้อมูลอีกด้วย
แต่ความปลอดภัยจะขึ้นอยู่กับว่าโทรศัพท์ของเราปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตามก็ยังดีกว่าแบบแรกอย่างมาก
และ Hot Wallet แบบสุดท้ายคือ Desktop Wallet
ซึ่งจะไม่ค่อยแตกต่างจากแบบที่สองนัก เพียงแค่อยู่ในรูปแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์ ความรวดเร็วในการใช้งานจึงน้อยกว่าแบบโทรศัพท์
ข้อระมัดระวังของการใช้ Wallet ประเภทนี้ คือ ต้องไม่ลืมว่า Private Key ของเราจะอยู่บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็เคยมีตัวอย่างความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกาเบรียล เอเบ็ด นักธุรกิจ เจ้าของบิตคอยน์ 800 เหรียญ ได้ประสบพบเจอกับปัญหา เพราะไม่สามารถถอนบิตคอยน์มาใช้งานได้ เนื่องจากนำคอมพิวเตอร์ส่วนตัวไปล้างเครื่อง
ดังนั้นหากใครเลือกใช้ Desktop Wallet จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อม Back Up ข้อมูลคอมพิวเตอร์อยู่ตลอด
ตัวอย่าง Hot Wallet ที่ให้บริการทั้งบนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ เช่น Atomic Wallet, BitPay และ Exodus
และหาก Wallet ทั้งหมดที่กล่าวมา ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความปลอดภัยได้เพียงพอ
เราก็ยังมีกระเป๋าอีกประเภท คือ “Cold Wallet” หรือที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
ซึ่งความสะดวกในการใช้งานจะลดลง แต่ความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นสูงมาก
Hardware Wallet อุปกรณ์ที่หน้าตาคล้าย ๆ กับ Flash Drive
เช่น ของแบรนด์ Ledger, Trezor เป็นอีกสิ่งที่นักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีสายจริงจังชอบใช้กัน
เพราะมีความปลอดภัยสูงอันดับต้น ๆ ในบรรดาทุก Wallet
โดย Private Key จะถูกจัดเก็บบน Hardware นั้น ๆ เลย
วิธีใช้งานก็เพียงแค่เราเสียบ Hardware เข้ากับคอมพิวเตอร์
หลังจากนั้นใส่รหัสผ่าน เท่านี้ก็สามารถทำธุรกรรมได้ตามใจ
สำหรับรูปแบบสุดท้ายของ Cold Wallet ก็คือ “กระดาษ”
คนที่ใช้วิธีนี้ส่วนใหญ่มักพิมพ์ Public Key และ Private Key ในรูปของ QR Code
และเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งหากต้องการใช้ เพียงแค่สแกนเท่านั้น
แม้ว่าความเสี่ยงที่จะโดนโจรกรรมข้อมูลแทบเป็นศูนย์
แต่การเก็บเป็นกระดาษมักมีปัญหาในการรักษาอยู่เสมอ
ทั้งจากการหลงลืมและเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่เราไม่คาดคิด
สเตฟาน โทมัส โปรแกรมเมอร์ชาวเยอรมัน เป็นหนึ่งในคนที่ประสบปัญหานี้โดยตรง
เขาจด Private Key ลงบนกระดาษ ซึ่งเวลาต่อมามันก็หายไป รวมถึงตัวเองก็จำรหัสไม่ได้
ส่งผลให้เขาต้องสูญเสียบิตคอยน์จำนวน 7,002 เหรียญ
หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 10,400 ล้านบาท..
ดังนั้นหากใครสนใจการเก็บรหัสประเภทนี้
ต้องมีความมั่นใจระดับหนึ่งว่า จะสามารถดูแลรักษา Wallet ได้
ไม่ใช่เลือกเพียงแค่เพราะอยากลดต้นทุนเท่านั้น
มาถึงตรงนี้ เราก็สามารถสรุปได้ว่า Crypto Wallet มีมากมายหลายรูปแบบ
ซึ่งก็ไม่มีอันไหนที่ดีหรือแย่ที่สุด ขึ้นอยู่กับสไตล์ของนักลงทุนแต่ละราย
เพราะสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ ไม่แพ้การศึกษาหาความรู้เรื่องสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนนั้น
ก็คือเรื่องของ “ความปลอดภัย”
เพราะไม่ว่าเราจะเก่งและสร้างผลตอบแทนได้มากเท่าไร
แต่หากเราประมาทเรื่องความปลอดภัย
เงินที่เราอุตส่าห์หามาได้ มันก็อาจหายไปได้เช่นกัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.businessinsider.com/bitcoin-wallet
-https://www.nerdwallet.com/article/investing/best-bitcoin-cryptocurrency-wallet
-https://www.daytrading.com/crypto-wallet
-https://www.efinancethai.com/MoneyStrategist/MoneyStrategistMain.aspx?release=y&id=UEt6YjQya2F0QVU9
-https://www.nytimes.com/2021/01/12/technology/bitcoin-passwords-wallets-fortunes.html
mt. gox 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
สรุปการล่มสลาย Mt. Gox กระดานคริปโท ที่เคยใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ว่า 650,000 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาทในปัจจุบัน เคยโดนขโมยไปจากที่แห่งนี้ และเป็นสาเหตุทำให้กระดานคริปโทเคอร์เรนซีที่เคยใหญ่สุดในโลกต้องล่มสลาย
ก่อนหน้าที่ Binance จะกลายเป็น Exchange ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่สุดในโลกในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เคยมี Crypto Exchange รายหนึ่งเป็นเจ้าตลาดมาก่อน
โดยมีส่วนแบ่งปริมาณการซื้อขายสูงถึง 80% ของการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลก
Exchange นี้มีชื่อว่า “Mt. Gox” ที่ถูกก่อตั้งโดยผู้สร้างเหรียญ XRP
แต่สุดท้าย Exchange นี้ต้องปิดตัวเพราะถูกแฮกเกอร์ขโมยบิตคอยน์จากระบบไปจำนวน 650,000 เหรียญ หากคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันจะสูงถึง 960,365 ล้านบาท
การแฮกเป็นเพียงแค่ปลายทาง ของสาเหตุการล่มสลาย
แต่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาจริง ๆ คือ การบริหารจัดการที่ไม่ดีของผู้บริหาร
Mt. Gox ถือเป็นตัวอย่างที่ดีว่า หากผู้บริหารไม่ดี ละเลย และขาดประสบการณ์
สามารถส่งผลที่ร้ายแรงต่อบริษัทขนาดไหน
เรื่องราวของ Mt. Gox น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ปลายปี 2006 โปรแกรมเมอร์คนหนึ่งชื่อว่า Jed McCaleb คิดอยากสร้างเว็บไซต์สำหรับแลกเปลี่ยนการ์ดเกมออนไลน์ที่ชื่อว่า Magic: The Gathering Online ขึ้นมา
หลายคนคงคุ้นชื่อของคนคนนี้ ก็ไม่ต้องแปลกใจ
เพราะว่าเขาเป็นผู้ก่อตั้ง Ripple และเหรียญ XRP ที่เจ้าตัวชอบเทขายเป็นประจำ
รวมไปถึง Stellar และเหรียญ XLM อีกด้วย
ต่อจากเหตุการณ์ข้างต้น เขาจึงไปจดโดเมนเว็บไซต์เป็นของตัวเองชื่อว่า Mt. Gox
ซึ่งย่อมาจาก Magic: The Gathering Online eXchange
แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่ง McCaleb คำนวณแล้วว่าไม่คุ้มกับเวลา จึงเปลี่ยนไปทำโปรเจกต์อื่นแทน
จนกระทั่งปี 2010 เขาได้รู้จักกับชุมชนบิตคอยน์ผ่านบอร์ดออนไลน์แห่งหนึ่ง
ชุมชนออนไลน์นี้ทำให้ McCaleb รับรู้ว่าระบบการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงนั้นไม่ค่อยดีนัก
เขาจึงตัดสินใจลงไปลุยธุรกิจนี้ โดยการเปลี่ยน Mt. Gox ให้กลายเป็น Crypto Exchange
แต่เวลาต่อมา McCaleb พบว่าการพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพ ต้องใช้แรงกายและเวลาอย่างมาก
ดังนั้นการส่งมอบธุรกิจให้กับคนอื่นที่พร้อม ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
เขาเลยขายธุรกิจให้แก่ Mark Karpeles โปรแกรมเมอร์ผู้คลั่งไคล้บิตคอยน์ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น
โดยทั้งสองทำข้อตกลงเพิ่มด้วยว่า McCaleb จะยังคงได้รับส่วนแบ่ง 12% จากรายได้ตลอดไป
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว Karpeles ไม่รอช้าเริ่มเขียนซอฟต์แวร์เสริมให้กับเว็บไซต์ทันที
และเปิดให้ใช้บริการ Crypto Exchange อย่างเป็นทางการ
อย่างที่รู้กัน เมื่อใดที่เกี่ยวกับเรื่องเงิน ก็เป็นปกติที่มักจะมีผู้ไม่หวังดีอยู่เสมอ
Mt. Gox โดนแฮกครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2011
ส่งผลให้เว็บไซต์ต้องออฟไลน์เป็นเวลาหลายวัน
ในเรื่องโชคร้ายก็มีโชคดีอยู่บ้าง เมื่อ Jesse Powell และ Roger Ver สองโปรแกรมเมอร์ระดับมืออาชีพจากชุมชนบิตคอยน์อาสาเข้ามาช่วยเหลือได้ทันพอดี
จึงทำให้ Mt. Gox สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้บริษัทกลายเป็นที่ชื่นชอบของชุมชนบิตคอยน์
เพราะปกติแล้วบริษัท Crypto Exchange รายอื่น ๆ หลังจากโดนแฮกแล้ว มักจะปิดตัวลงโดยทันที
แต่ Mt. Gox ที่บริหารโดย Karpeles กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม 2 อาสาสมัครแปลกใจว่าทำไม Karpeles ถึงดูนิ่งเฉยกับเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างมาก
ขนาดที่ว่าเขายังประกาศหยุดงาน ทั้ง ๆ ที่ปัญหายังแก้ไขไม่สำเร็จ
แต่สุดท้ายทั้งสองก็ไม่ได้คิดอะไรและแยกย้ายกลับไป
หลังจากนั้นเป็นต้นมา Mt. Gox ยังคงให้บริการ Crypto Exchange เรื่อยมา
จนกระทั่งปี 2013 บริษัทได้ขึ้นแท่นมาสู่อันดับ 1 ของ Crypto Exchange
ทั้งด้านมูลค่าปริมาณการซื้อขายที่สูงที่สุดในโลก ด้วยปริมาณสูงถึง 80% ของโลก
รวมถึงเป็น Crypto Exchange ที่ได้รับความเชื่อถือจากเหล่าบริษัทต่าง ๆ
ในตอนนั้นราคาบิตคอยน์ พุ่งทะยานแตะ 30,000 บาทจาก 300 บาท ภายในเวลาเพียง 1-2 ปีเท่านั้น ส่งผลให้ Karpeles กลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วพริบตา
จากการเป็นทั้งผู้ถือเหรียญบิตคอยน์ และเจ้าของบริษัท Mt. Gox
แม้ว่าฐานะทางการเงินและผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตไปในทิศทางที่ดี
แต่ Karpeles ก็ยังดูไม่ให้ความสำคัญกับการบริหารบริษัทให้ดีนัก บางครั้งดูละเลยด้วยซ้ำ
เช่น Karpeles ไม่ค่อยลงทุนในซอฟต์แวร์ที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของนักพัฒนา
บ่อยครั้งพนักงานเหล่านี้ ต้องเสียเวลาในการเขียนโคดขึ้นมาเองใหม่หมด
อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับธุรกิจคือ Karpeles รวบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ที่ตนเอง
ส่งผลให้การจะทำอะไรสักอย่างเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและยุ่งยากมากขึ้น
อย่างเช่น Karpeles เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถอนุมัติการเปลี่ยนแปลงโคดของเว็บไซต์ได้
แสดงว่าหากเว็บไซต์เกิดปัญหาขึ้นมา จะต้องรออนุมัติจากเขาก่อน
ซึ่งจากคำกล่าวของพนักงานบางรายบอกว่า ที่ผ่านมามีหลายครั้ง พวกเขาต้องใช้เวลานานเกือบสัปดาห์ถึงจะสามารถแก้ไขโคดที่เป็นปัญหาได้
และที่หนักหนาที่สุดคือหลายครั้งที่ระบบ Crypto Exchange มีการอัปเดต
บริษัทไม่มีการทดสอบระบบ พวกเขาปล่อยให้ใช้บริการโดยทันที
นั่นหมายความว่า ระบบอาจยังหลงเหลือข้อผิดพลาด ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อลูกค้า
การบริหารที่ย่ำแย่ของ Karpeles ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะส่งผลเลวร้ายโดยทันที
แต่ค่อย ๆ สร้างปัญหาทีละเล็กทีละน้อย จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ในที่สุด
จากการไม่สนใจเรื่องกฎระเบียบระหว่างประเทศ Mt. Gox ถูกหน่วยงานของสหรัฐอเมริกายึดเงินจำนวน 166 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐบาลในฐานะตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศ
ต่อมา Mt. Gox ถูกฟ้องเป็นเงิน 2,500 ล้านบาทโดยอดีตหุ้นส่วนธุรกิจชื่อ CoinLab
ด้วยสาเหตุจากความล่าช้าของการถอนเงินจากบัญชีในระบบ
แค่ 2 เรื่องนี้ก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับวงการการเงิน
ส่งผลให้ความนิยมของ Mt. Gox ค่อย ๆ ตกอันดับลงไปอยู่อันดับที่ 3
แต่อย่างที่หลายคนคงจะคาดเดาได้ไม่ยาก Karpeles ยังไม่ใส่ใจกับการแก้ปัญหานี้เลย
เขากลับหมกมุ่นในโครงการใหม่แทนที่มีชื่อว่า The Bitcoin Cafe
โครงการร้านแฮงเอาต์สุดเก๋ โดยตั้งอยู่ในอาคารเดียวกับสำนักงาน Mt. Gox
ซึ่งทุกอย่างภายในร้าน สามารถชำระด้วยบิตคอยน์
มีรายงานว่า Mt. Gox ใช้เงินจำนวนถึง 33 ล้านบาทสำหรับโครงการนี้โดยเฉพาะ
ซึ่งหากพิจารณาโครงการนี้แล้ว จะพบว่าแทบไม่สำคัญต่อธุรกิจหลักเลย
แต่เขาก็ยังคงทุ่มเทแรงกาย แรงใจ รวมถึงเม็ดเงินไปกับโครงการนี้
เมื่อทุกอย่างถูกสะสมจนเข้าที่ เหตุการณ์เลวร้ายก็ได้เริ่มขึ้น
ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2014 Mt. Gox ก็มีข่าวเซอร์ไพรส์แก่ลูกค้า
อยู่ดี ๆ บริษัทสั่งระงับการถอนบิตคอยน์ทั้งหมด แต่ไม่ระงับการซื้อขายบนกระดาน
โดยให้สาเหตุว่า ระบบ Crypto Exchange มีปัญหาทางเทคนิคบางอย่าง จึงต้องระงับการถอนบิตคอยน์ไปก่อน
ผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ Mt. Gox ก็ยังคงไม่อนุญาตให้ผู้ใช้งานถอนเงินออกไปได้
จนทำให้เกิดการประท้วงอย่างหนักที่หน้าอาคารที่บริษัทตั้งอยู่
Mt. Gox จึงได้ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่น โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของบริษัท
ช่วงเวลานี้ราคาบิตคอยน์บนกระดาน Mt. Gox ลดลงเหลือ 20% เมื่อเทียบกับรายอื่น ๆ
ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์ของตลาดว่า บริษัทไม่น่าจะสามารถจ่ายเงินให้กับลูกค้าที่ทำการถอนได้
และแล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามนั้นจริง Mt. Gox ระงับการซื้อขายทั้งหมด
หลายชั่วโมงต่อมา เว็บไซต์ของ Mt. Gox ก็เป็นหน้าว่างเปล่า
และบริษัทก็ได้ยื่นขอล้มละลายในเวลาต่อมา ปล่อยให้ลูกค้าหลายรายต้องสูญเสียเงิน
โดยในภายหลังมีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่า
สาเหตุที่ Mt. Gox ปิดตัวลง ก็เพราะบริษัทโดนแฮกเกอร์ขโมยบิตคอยน์มาตลอดหลายปี ซึ่งเป็นจำนวนถึง 650,000 เหรียญ แต่บริษัทปกปิดปัญหาและไม่ยอมแก้ไข จึงนำไปสู่การล้มละลายในท้ายสุด
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ถูกตีเป็นมูลค่าความเสียหาย 15,000 ล้านบาท
ถือว่าเป็นอันดับ 3 ของเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายในโลกคริปโทเคอร์เรนซีเลยทีเดียว
ถ้าหากถามว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นความผิดของใคร ?
ส่วนหนึ่งก็คงตอบได้ว่าแฮกเกอร์
แต่อีกส่วนสำคัญที่ไม่แพ้กันเลยคือ การบริหารจัดการที่ล้มเหลวของ Karpeles..
ซึ่งหากเขาวางแผนและเตรียมตัวป้องกันหลังจากโดนแฮกครั้งแรก ก็คงไม่เจอกับจุดจบเช่นนี้
นี่จึงเป็นตัวอย่างที่สำคัญว่า ทำไมผู้บริหารถึงสำคัญต่อธุรกิจมาก ๆ โดยเฉพาะธุรกิจที่ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้คนเป็นจำนวนมากอย่าง ตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี นั่นเอง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เหตุการณ์ Mt. Gox ถึงแม้จะถูกแฮกไป 650,000 บิตคอยน์ แต่ถ้าเทียบกับมูลค่าในสมัยนั้นจะมีมูลค่าแค่ 15,000 ล้านบาท สำหรับเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายในโลกคริปโทเคอร์เรนซีอันดับ 1 เพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อไม่นานนี้เอง โดยเกิดขึ้นกับ Poly Network เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยมูลค่าความเสียหายในครั้งนี้มีมากถึง 20,000 กว่าล้านบาท แต่โชคดีที่คราวนี้แฮกเกอร์อ้างว่าแฮกเพื่อความสนุกเท่านั้น จึงทยอยคืนเงินในภายหลังจนใกล้ครบแล้ว...
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.wired.com/2014/03/bitcoin-exchange/
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-31/-trillion-dollar-mt-gox-demise-as-told-by-a-bitcoin-insider
-https://en.wikipedia.org/wiki/Mt._Gox
-https://en.wikipedia.org/wiki/Jed_McCaleb
-https://www.in2013dollars.com/bitcoin-price
-https://cointelegraph.com/top-people-in-crypto-and-blockchain/jesse-powell
mt. gox 在 寶博士 Youtube 的最佳貼文
【來賓:高培勛 投資顧問】錄音時間2020.06.11
⭐後疫情時代的債務破產危機⭐ https://medium.com/@peihsunkao/54e6eee0e3a9
📍《原則:生活和工作》作者:瑞.達利歐 https://www.books.com.tw/products/0010782941?sloc=main
📍紀錄片《信任機器:區塊鏈的故事(Trust Machine: The Story of Blockchain)》 https://www.imdb.com/title/tt7407496/
📍奧果區塊 Argoblocks https://argoblocks.weebly.com/
📍法律高峰論壇 https://blockchainlegalforum.com/
📍中本聰 論文《比特幣:一種點對點的電子現金系統》 http://satoshinakamoto.me/zh-tw/bitcoin.pdf
📍拜占庭問題:分散式對等網路通信容錯問題 https://poweichen.gitbook.io/blockchain-guide-zh/distribute_system/bft
📍《放膽射月!全球最聰明大學「奇點」教我的事》 https://www.books.com.tw/products/0010686526
📍交易所 Mt. Gox https://www.blocktempo.com/bitcoin-exchagne-mtgox-hacked-japan/
📍 Peter H. Diamandis & Steven Kotler 《Abundance: The Future Is Better Than You Think》 https://en.wikipedia.org/wiki/Abundance:_The_Future_Is_Better_Than_You_Think
📍庫茲威爾 教授 https://zh.wikipedia.org/wiki/雷蒙德·库茨魏尔
📍奇點大學(Singularity University) https://su.org/
🔆複習:EP02|一場森林裡的會議決定人類金融未來!? https://player.soundon.fm/p/a15ce25e-2627-48ca-9587-d4cf5e98f3a1/episodes/0a5dc0ec-6a80-46f5-9508-809371f90307
- - - - - -- - - - - -
⭐葛如鈞(寶博士)
Facebook▶️https://www.facebook.com/dAAAb
YouTube▶️https://youtube.com/c/dAAAb
- - - - - -- - - - - -
📣訂閱SoundOn
APP▶️http://www.soundon.fm/download
Facebook⏩https://reurl.cc/1QxXzQ
官網▶️https://www.soundon.fm
Instagram▶️ https://reurl.cc/XX6Z3j
- - - - - -- - - - - -
🎵片頭:Music from https://icons8.com/music/author/savvier Fame Inc by SAVVIER
🎵片尾:Music from https://icons8.com/music/author/NORDGROOVE by NORDGROOVE
- - - - - -- - - - - -
主持:北科大互動設計系 專任助理教授 葛如鈞/寶博士
感謝:北科大創新思考與區塊鏈應用社群計畫補助|北科大互動設計系 https://ixd.ntut.edu.tw |北科大創新創業情報站 https://fb.com/ntuticorner
mt. gox 在 聽書 ‧ BookListen Youtube 的精選貼文
以前,人們在深山裡淘金,現在,大家在網路裡挖礦。
曾經一文不值、被金融大老看衰的虛擬貨幣,現在1塊比特幣,市價直逼10萬新台幣!甚至一度堪比黃金!
究竟,讓人議論不斷的虛擬貨幣──比特幣是什麼?
--
┤聽書│輕鬆聽我們說,勾起對書的興趣├
訂閱 🔥 https://www.facebook.com/BookListen2017/
追蹤 ✨https://www.instagram.com/booklisten/
mt. gox 在 飛磚夜說 Youtube 的精選貼文
比特幣 要崩盤了嗎?核心開發始宣稱比特幣失敗了?!
- 《飛磚看新聞》
根據solidot奇客引用比特幣核心開發者Mike Hearm所發表的文章,直指比特幣的實施失敗了,Mike Hearm並賣掉所有的幣,還退出比特幣的計劃,他並表示,很早就告誡其他人,比特幣只是一個實驗,任何實驗都可能會失敗,他強調比特幣的基礎已被破壞,不管短期變化如何,長期趨勢將下滑。
-
影響所及,比特幣今日截至目前為止,下跌逾4%,來到400元左右,創近1個月新低價。
-
Mike Hearn並在發表的文章中分析比特幣失敗的原因包括:
1.社區垮掉,數字貨幣系統被少數人掌控
2.整個網路面臨技術崩潰
3.比特幣的手續費已超過信用卡的手續費
4.中國礦工控制了全球比特幣
5.比特幣XT用戶遭DDos攻擊
-
Mike Hearm並稱,比特幣這次的危機與Mt Gox破產危機不同,這次的危機是發生在核心系統,最後他甚至祝福所有的人好運。(財經中心/台北報導)
------------------------------------------------------
對於影片中有任何問題:
請使用line與我們連絡
飛磚咨詢服務:
------------------------------------------------------
Line ID: derek0955
-
微信 WeChat ID : flybrick
-
或是到我們的粉絲團給我們更多的支持
https://facebook.com/flyyet
-------------------------------------------------------
mt. gox 在 After the Mt Gox crash , many people left the crypto space ... 的必吃
After the Mt Gox crash , many people left the crypto space. Entire fortunes wiped with. With no trust left. BUT TM Lee & Bobby Ong decided ... ... <看更多>
mt. gox 在 門頭溝Mt Gox賠償最新進度,14萬枚BTC為什麽不會砸盤?4件 ... 的必吃
門頭溝事件來到尾聲,近14萬枚比特幣會為市場帶來砸盤風險嗎?債權人將如何獲得賠償?未來半個月,這四件大事你一定不能錯過!00:00 內容總覽00:55 ... ... <看更多>