0901紐約時報
*【拜登為阿富汗撤軍辯護,稱行動“格外成功” 】
在白宮發表的講話中,拜登為他結束美國在阿富汗戰爭的決定進行了強力辯護,並讚揚了在兩周內將約12.5萬人運至安全地帶的美國士兵。他還指責了與塔利班達成撤軍協定的前總統川普,稱這使他和團隊陷入困境,必須在離開或升級戰爭中做選擇。
https://www.nytimes.com/2021/09/01/us/politics/biden-defends-afghanistan-withdrawal.html
*【塔利班慶祝勝利,但危機迫在眉睫】
塔利班宣佈取得對美戰爭勝利。在喀布爾機場,塔利班發言人宣佈了他們為期二十年的對美戰爭的勝利。但對許多阿富汗人來說,這並非一個慶祝時刻。他們仍在與食物和現金短缺、恐怖主義威脅和人道主義災難作鬥爭,也有人擔心塔利班的鎮壓時代會重來。
https://www.nytimes.com/2021/08/31/world/asia/afghanistan-taliban-airport.html
*【美國遇到的新困境,如何與塔利班打交道】
最終從阿富汗撤軍之際,美國也面臨著一個與20年戰爭中一樣痛苦的兩難境地:如何應對新的塔利班政府。這個問題在於如何深入合作打擊該地區的共同敵人伊斯蘭國分支(ISIS-K)。另一個問題:是否釋放在美國凍結的94億美元阿富汗政府貨幣儲備。向塔利班提供數十億美元,將意味著為其極端保守的統治機制提供資金。但是,扣留這筆錢幾乎會導致突然的貨幣危機,並停止包括食品和燃料在內的進口,饑餓的阿富汗平民正是美國承諾要保護的。
https://www.nytimes.com/2021/08/31/world/asia/taliban-usa.html
*【新聞分析:美國未兌現的承諾和阿富汗未知的命運】
隨著美國完成從阿富汗撤軍,阿富汗再次走完了一個暴力和動盪的迴圈。人們普遍擔心塔利班統治的真實面貌將會如何,他們會延續復仇?還是真正走向接受與和解的新道路?
https://cn.nytimes.com/world/20210831/us-withdrawal-afghanistan-kabul/
歐盟國家約70%成年人完全接種新冠疫苗,位列全球領先地位】
如果將兒童和青少年也納入考量,這一數字仍有55%;相比之下,英國的完全接種率為64%,以色列61%,美國則為52%。不過,在27個成員國內部,各個國家與疫苗有關的政策不同,具體數字也各有差異。比利時、丹麥和葡萄牙超過80%的成年人已完成接種,東歐國家接種率較低,羅馬尼亞僅有31%成年人完成接種、保加利亞的這一數位為20%。
https://www.nytimes.com/2021/08/31/world/eu-covid-vaccinations-70-percent.html
*【高感染率下如常生活,英國人衡量“自由的代價”】
當前英國每天報告超過3萬例新冠新增病例,公眾仍在繼續過日常生活。當前近八成成年人已接種疫苗、病毒仍在廣泛傳播,專家表示我們也許可以透過英國感受到未來的生活。
https://cn.nytimes.com/world/20210831/coronavirus-britain-uk/
*【共和黨州長們在黨內冠毒政治下爭奪權力】
共和黨州長的行動表明,在遏制 Covid 方面,該黨基礎的政治態度如何變得強硬。包括佛羅里達州在內的一些共和黨領導的州,面臨著迄今為止最嚴重的疫情,死亡總數不斷上升,但仍認為“自由是好的政策和好的政治”德州共和黨參議員克魯茲在接受采訪時說,他是阿博特州長的盟友,他提出了終止口罩法令和禁止聯邦疫苗護照的聯邦立法。某些共和黨的州長,已接種疫苗並鼓勵其他人這樣做,但仍有多數不支持並反對戴口罩的要求。
https://www.nytimes.com/2021/08/31/us/politics/republican-governors-covid-19.html
*【Covid-19實時更新】
#FDA兩名最高疫苗監管機構將於今年秋天離職,這可能會擾亂FDA決定是否為 12 歲以下兒童推薦疫苗和建議一般人群加強注射等事宜。
#疾病控制中心公佈調查,在三個州至少有 180 例冠狀病毒感染,追溯來自於伊利諾伊州的一個青少年教會營地和一個附屬的男性會議,該會議並未要求參加者接種疫苗或進行病毒檢測。
#曼哈頓檢察官表示,一名使用 Instagram 帳號@AntiVaxMomma 的紐澤西州女性,被指控在社群媒體平台串謀銷售數百張假的冠狀病毒疫苗接種卡。
#賓州州長表示,在全州範圍內對所有學校實施口罩要求。
#隨著紐約暫停驅逐的禁令即將到期,預計州議會將在週三重新召開特別會議,以延長大流行時期的驅逐禁令,此舉將保護數萬名租戶。
#學校要不要戴口罩的鬥爭已經是一個政治火藥盒,現在更加激烈:聯邦官員宣布教育部已開始對五個州進行調查。美國教育部民權辦公室通知愛荷華州、奧克拉荷馬州、南卡羅來納州、田納西州和猶他州的教育領導者,他們對戴口罩的禁令,可能會限制受聯邦法律保護的學生受到歧視。
#歐盟將美國從其居民可以前往其 27 個成員國而無需隔離和檢測等要求的國家的“安全名單”中刪除。截至週二,至少有一個國家根據旅行者的疫苗接種情況對旅行者施加了新的限制:義大利表示,將要求未接種疫苗的旅行者隔離五天;接種疫苗的旅客必須在進入前接受冠狀病毒檢測。
#GOOGLE將其重返辦公室推遲三個月,至 1 月 10 日,這一決定反映了具有高度傳染性的冠狀病毒 Delta 變體的傳播。
https://www.nytimes.com/live/2021/08/31/world/covid-delta-variant-vaccine?type=styln-live-updates&label=coronavirus%20updates&index=0
*【印度第二季度GDP增長20%,仍遠落後于疫情前水準】
經濟學家預測,今年下半年,印度經濟將在紙面上大幅增長,但疫情造成的損害可能需要數年時間才能消除。專家尤其擔心印度當前的疫苗接種速度和第三波疫情爆發,這對任何經濟復甦都可能是災難性的打擊。
https://www.nytimes.com/2021/08/31/business/economy/india-economy-covid.html
*【颶風“Ida”向北移動,密西西比州至少兩人死亡】
路易斯安那州州長敦促撤離者在基礎設施恢復之前不要返回,紐奧爾良實施了宵禁。密西西比州遭遇山洪和強風,一段高速公路坍塌,造成兩人死亡、10人受傷。
https://www.nytimes.com/live/2021/08/31/us/hurricane-ida-updates
*【消防人員不惜一切搶救太浩湖,但火還是燒到山脊上】
為搶救太浩湖,加州派出了數千名消防員、25 架直升機以及 400 多輛消防車和 70 輛水車,但火勢仍在蔓延。他們在佈滿灰燼的天空中投下阻燃化學品,推平樹木和灌木,以減緩火焰穿過內華達山脈陡峭崎嶇的地形,但顯然效不彰。卡爾多大火穿過花崗岩山脊進入太浩湖盆地,威脅著湖泊周圍數以萬計的房屋和酒店。專家們認為,這一挑戰對西方未來的大火是一個警示,並暴露出試圖完全控制最具侵略性的野火是徒勞的。
https://www.nytimes.com/2021/08/31/us/lake-tahoe-nevada-fire.html
*【韓國通過新法規,禁止蘋果和谷歌壟斷應用商店支付管道】
新規要求應用程式商店允許使用者使用協力廠商平臺進行支付,這是全球推出的首個此類法律,將對在該領域佔據主導地位的蘋果和谷歌構成打擊。
https://www.nytimes.com/2021/08/31/business/south-korea-google-apple.html
*【關起來,或者趕出去:俄羅斯如何處置反對派】
從反對派、權利活動人士到獨立記者,俄羅斯政治移民潮迎來了新的高峰。異見者在當局默許下離開祖國,拒絕流亡的下場則是入獄。許多異見者仍努力在海外參與政治。
https://cn.nytimes.com/world/20210831/russian-opposition-leaders-exile/
烏克蘭領導人會見拜登,尋求阿富汗撤軍後的安全保證
烏克蘭總統澤倫斯基週三會見拜登總統,幕僚人員表示,預計澤倫斯基將強調烏克蘭在遏制俄羅斯方面發揮的重要作用。
https://www.nytimes.com/2021/08/31/world/europe/ukraine-biden-zelensky.html
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「india economy gdp 2021」的推薦目錄:
- 關於india economy gdp 2021 在 文茜的世界周報 Sisy's World News Facebook 的最讚貼文
- 關於india economy gdp 2021 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
- 關於india economy gdp 2021 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於india economy gdp 2021 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的最佳貼文
- 關於india economy gdp 2021 在 大象中醫 Youtube 的最讚貼文
- 關於india economy gdp 2021 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
india economy gdp 2021 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
บังกลาเทศ ทำอย่างไร ให้รวยแซงหน้าอินเดียและปากีสถาน /โดย ลงทุนแมน
ในอดีต ถ้าเราเอา 3 ประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านกันในเอเชียใต้
คือบังกลาเทศ อินเดีย และปากีสถาน
มาเทียบรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของประชากรกัน
จะเห็นว่า บังกลาเทศ เป็นประเทศที่อยู่ในอันดับสุดท้าย
แต่รู้ไหมว่าวันนี้ บังกลาเทศ คือประเทศที่รวยแซงหน้าอินเดียและปากีสถานไปแล้ว
บังกลาเทศทำอย่างไร ให้รวยแซงประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดียและปากีสถาน
และในอนาคตพวกเขาตั้งเป้าจะพัฒนาประเทศเป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เรามาดูรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีของประชากรใน 3 ประเทศนี้
ในอดีตเทียบกับปัจจุบัน อ้างอิงจาก World Bank
ปี 1980
- ปากีสถาน 9,400 บาท
- อินเดีย 8,300 บาท
- บังกลาเทศ 7,100 บาท
ปี 2020
- บังกลาเทศ 69,000 บาท
- อินเดีย 60,000 บาท
- ปากีสถาน 48,000 บาท
รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวบังกลาเทศเติบโต 9.7 เท่า
ขณะที่อินเดียเติบโต 7.2 เท่า และปากีสถานเติบโต 5.1 เท่า
เรียกได้ว่า วันนี้บังกลาเทศคือประเทศร่ำรวยแซงหน้าอินเดียและปากีสถานไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อวัดจากรายได้ต่อหัวของประชากร
จริง ๆ แล้วบังกลาเทศถือเป็นประเทศที่เกิดหลังจากอินเดียและปากีสถาน
เนื่องจากในปี 1971 หรือเมื่อ 50 ปีที่แล้ว บังกลาเทศ มีชื่อเดิมคือ ปากีสถานตะวันออก ได้ประกาศแยกตัวเป็นเอกราช เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองกับปากีสถานตะวันตก
ในช่วงแรกที่ปากีสถานตะวันออกต้องการแยกตัวออกจากปากีสถานตะวันตกนั้น
ทางปากีสถานตะวันตกไม่ยินยอม และใช้กำลังทหารเข้าไปจัดการปัญหา
แต่กลับมีตัวละครอีกตัวคือ อินเดีย
ที่ได้ส่งกองทัพเข้าไปช่วยปากีสถานตะวันออกรบกับปากีสถานตะวันตก
จนสุดท้ายปากีสถานตะวันออกได้รับชัยชนะ
และประกาศเอกราชมาเป็นประเทศบังกลาเทศ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ส่วนปากีสถานตะวันตกก็เป็น ประเทศปากีสถาน จนถึงวันนี้
อย่างไรก็ตาม แม้บังกลาเทศจะสามารถแยกออกมาตั้งเป็นประเทศได้สำเร็จ แต่ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่แร้นแค้นอย่างหนัก ความไม่มั่นคงทางการเมือง มีการทุจริตในวงกว้าง ระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่พร้อม
จึงทำให้ผู้คนนับล้านคน ไม่ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พวกเขาจึงต้องอพยพเข้าไปอยู่อินเดีย และบางส่วนอพยพด้วยช่องทางที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยถูกทหารปากีสถานสังหาร
ความยากจนแร้นแค้นของประชาชน ทำให้ครั้งหนึ่งบังกลาเทศเคยเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก โดยเฉพาะช่วงแรกหลังจากประกาศเอกราชนั้น ประชากรกว่า 90% ของบังกลาเทศนั้นอาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่มีผลต่อเศรษฐกิจของบังกลาเทศเกิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เมื่อรัฐบาลได้นำเอาแผนปฏิรูปเศรษฐกิจฉบับใหม่มาใช้
โดยมีเรื่องสำคัญในแผนฉบับนั้นคือ
นโยบายการเปิดเสรีทางการค้าและบริการ หรือ “Trade Liberalization”
ซึ่งนโยบายนี้ มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อมาช่วยให้กลไกตลาดสามารถทำงานได้อย่างเสรีมากขึ้น
ผลของการเปิดเสรีทางการค้าและบริการ ทำให้การค้าและการลงทุนของประเทศนั้นเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว
อัตราการเติบโตของ GDP บังกลาเทศ เพิ่มขึ้นจาก 3.5% ในช่วงปี 1980-1989 มาอยู่ที่ 4.7% ในช่วงปี 1990-1999
นโยบายดังกล่าว ยังนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ
ที่นำไปสู่การปฏิรูปหลายภาคส่วนของบังกลาเทศ
เช่น นโยบายการค้า, ภาคอุตสาหกรรม, ภาคการเงิน รวมไปถึงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในเวลาต่อมา
ในปี 2000 มูลค่า GDP ของบังกลาเทศ เท่ากับ 1.7 ล้านล้านบาท
ในปี 2019 มูลค่า GDP ของบังกลาเทศ เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 10 ล้านล้านบาท
ทำให้บังกลาเทศถูกมองว่า เป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตเร็วมากที่สุดในโลก
และการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบติดจรวด ทำให้จากประเทศที่เคยยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะประเทศรายได้ปานกลางแล้วในวันนี้
และมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีแซงหน้าอินเดียและปากีสถาน 2 ประเทศเพื่อนบ้านที่รวยกว่าในอดีตไปแล้ว
จุดเด่นอีกเรื่องในโครงสร้างเศรษฐกิจของบังกลาเทศ คือ การมีแรงงานจำนวนมาก โดยปัจจุบันบังกลาเทศ มีจำนวนแรงงานกว่า 67 ล้านคน หรือประมาณ 41% ของจำนวนประชากร
จึงทำให้มีความได้เปรียบทางด้านค่าแรงที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย และเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกของบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง
หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากจุดนี้คือ อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
อุตสาหกรรมเหล่านี้มีสัดส่วนสูงกว่า 90% ของมูลค่าการส่งออกของประเทศ ที่เท่ากับ 1.4 ล้านล้านบาทในปี 2019
ข้อได้เปรียบด้านแรงงาน จึงดึงดูดให้บริษัทเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายระดับโลก เข้ามาลงทุนและทำธุรกิจในบังกลาเทศหลายบริษัท เช่น
- H&M แบรนด์เสื้อผ้าระดับโลกจากสวีเดน
- Primark แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายชื่อดังจากไอร์แลนด์
- ZARA แบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกจากสเปน
- GAP แบรนด์เครื่องแต่งกายจากสหรัฐอเมริกา
ที่น่าสนใจคือ ในช่วงปี 2011-2019
การส่งออกของบังกลาเทศเติบโตเฉลี่ยปีละ 8.6% ทุกปี
เทียบกับค่าเฉลี่ยโลกที่โตเฉลี่ย 0.4%
และตอนนี้บังกลาเทศ ยังกลายมาเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องแต่งกายอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่จีนประเทศเดียว
การมีตลาดแรงงานที่ใหญ่ และจำนวนประชากรของบังกลาเทศที่มีมากถึง 165 ล้านคน สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก เมื่อรวมกับการที่รายได้ชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่า ตลาดผู้บริโภคของที่นี่จะมีศักยภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายก็ออกมาบอกว่า
ความท้าทายของบังกลาเทศ ก็จะคล้ายกับประเทศกำลังพัฒนาที่เคยอาศัยข้อได้เปรียบด้านแรงงานถูก
เพราะในอนาคต ถ้าจุดเด่นเรื่องแรงงานราคาถูกค่อย ๆ หายไป
บังกลาเทศ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนไปเน้นการผลิตและส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น แทนอุตสาหกรรมที่เน้นแรงงานอย่างอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายเหมือนในวันนี้
ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลของบังกลาเทศได้เตรียมการรองรับเรื่องดังกล่าว
ด้วยการออกแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่มีชื่อว่า “Bangladesh Vision 2041” ที่จะเริ่มตั้งแต่ปี 2021 โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจคือ
- เพิ่มสัดส่วนมูลค่าการลงทุนต่อ GDP จาก 34% มาอยู่ที่ 47%
- เพิ่มมูลค่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจาก 297,600 ล้านบาท มาอยู่ที่ 4.8 ล้านล้านบาท
- เพิ่มมูลค่าเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจาก 3.1 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ 36 ล้านล้านบาท
- เพิ่มมูลค่าการส่งออกจาก 1.5 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ 9.3 ล้านล้านบาท
โดยทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายก็เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตในประเทศ
และเพื่อทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวบังกลาเทศ เพิ่มไปอยู่ที่ 496,000 บาท
จนกลายเป็นประเทศ ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มรายได้สูง ภายในปี 2041 นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.business-standard.com/article/economy-policy/bangladesh-rises-to-be-south-asia-s-standout-star-as-india-pak-fall-behind-121060100237_1.html
-https://www.piie.com/commentary/speeches-papers/evaluating-success-trade-liberalization-bangladesh
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD?locations=IN-PK-BD
-https://data.worldbank.org/country/bangladesh
-https://www.worldstopexports.com/bangladeshs-top-10-exports/
-https://data.worldbank.org/indicator/SL.TLF.TOTL.IN?locations=BD
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_GDP_(nominal)
-https://en.wikipedia.org/wiki/Bangladesh_Vision_2041
-https://blogs.worldbank.org/opendata/new-world-bank-country-classifications-income-level-2020-2021
india economy gdp 2021 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
สรุป ความขัดแย้ง จีน กับ ออสเตรเลีย ในตอนนี้ / โดย ลงทุนแมน
จีนกับออสเตรเลีย เป็น 2 ประเทศ ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นมาอย่างยาวนาน
ซึ่งมีหลักฐานปรากฏว่า ทั้ง 2 ประเทศ เริ่มทำการค้ากันมา ตั้งแต่ปี 1750 และพึ่งพาอาศัยกันเรื่อยมา
แต่ความขัดแย้งระหว่างจีนและออสเตรเลียครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2018
ดูเหมือนว่ากำลังสั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศนี้อย่างหนัก
ต่างฝ่ายต่างออกมาตรการการตอบโต้ทางเศรษฐกิจกันไปมา
ซึ่งสร้างความเสียหายมากมายให้ทั้งคู่
ความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ต้องบอกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและออสเตรเลียนั้น ที่ผ่านมาถือว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นมานานไม่ต่ำกว่า 270 ปี
ในปี 2020 มูลค่าการส่งออกทั้งหมดของออสเตรเลียเท่ากับ 7.9 ล้านล้านบาท โดยการส่งออกกว่า 3.4 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 43% ของการส่งออกทั้งหมดของออสเตรเลียนั้น มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่จีน
โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญของออสเตรเลียที่ส่งออกไปจีนก็คือ สินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่สร้างรายได้ให้แก่ออสเตรเลียอย่างมหาศาล
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงบอกได้ว่า เศรษฐกิจของออสเตรเลียนั้นพึ่งพาการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนมากพอสมควร ถ้าเศรษฐกิจจีนยังเติบโตได้ดีในอนาคต ออสเตรเลียก็น่าจะวางใจได้ในระดับหนึ่งว่า เศรษฐกิจประเทศตนเองก็น่าที่จะเติบโตไปได้ด้วยเช่นกัน
การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะแร่เหล็กและถ่านหิน ซึ่งนี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของออสเตรเลียนั้นไม่เคยประสบกับภาวะถดถอยในช่วงตั้งแต่ปี 1991-2020 หรือเป็นระยะเวลากว่า 29 ปี
อย่างกรณีของแร่เหล็กนั้น จีนก็ต้องการนำเข้าแร่เหล็กที่มีคุณภาพสูงเพื่อมาใช้ในประเทศ ซึ่งมีไม่กี่แห่งในโลก หนึ่งในนั้นอยู่ที่ออสเตรเลีย
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันมานาน ก็เริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ปี 2018 หลังจากที่ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา และเริ่มแสดงความกังวลที่มากขึ้นเกี่ยวกับอิทธิพลทางการเมืองของจีนในภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคม และเศรษฐกิจของออสเตรเลีย
ความกังวลดังกล่าว นำไปสู่การที่รัฐบาลออสเตรเลียสั่งห้ามบริษัทโทรคมนาคมของจีน ดำเนินการจัดหาอุปกรณ์สำหรับการวางโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ 5G เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศและความเสี่ยงที่จะถูกแทรกแซงจากทางรัฐบาลจีน
รวมไปถึง การที่รัฐบาลออสเตรเลีย คัดค้านต่อจุดยืนของจีนที่เกี่ยวกับข้อพิพาททะเลจีนใต้ หลังจากที่จีนได้อ้างกรรมสิทธิ์และต้องการแสดงความเป็นเจ้าของในทะเลจีนใต้
อีกประเด็นที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน จนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศย่ำแย่ลงไปอีกขั้นก็คือ การที่รัฐบาลออสเตรเลียต้องการให้ผู้นำหลายประเทศช่วยกันค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่เกิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่นของจีน
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทางรัฐบาลออสเตรเลียยังถือเป็นหนึ่งในเสียงหลัก ที่ออกมาเรียกร้องให้ทางรัฐบาลจีน
ออกมารับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการระบาดของเชื้อไวรัส
พอเรื่องเป็นแบบนี้ รัฐบาลจีนก็ได้มีการตอบโต้รัฐบาลออสเตรเลียเพื่อเอาคืนกับสิ่งที่ออสเตรเลียนั้นทำเอาไว้ โดยการนำมาตรการทางการค้ามาใช้ เริ่มตั้งแต่
- มีการประกาศว่าจะไม่ให้นักเรียนและนักศึกษาจีนเดินทางไปศึกษาในออสเตรเลีย ซึ่งนักเรียนและนักศึกษาจากจีนนั้น ถือเป็นนักเรียนและนักศึกษาต่างชาติที่มีจำนวนมากที่สุดในออสเตรเลีย ด้วยจำนวนมากถึง 200,000 คน ในปี 2019
- ห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากบริษัทแปรรูปเนื้อวัวของออสเตรเลีย 4 แห่ง ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 35% ของการส่งออกเนื้อวัวทั้งหมดของออสเตรเลียมายังจีน
- เพิ่มภาษีนำเข้าข้าวบาร์เลย์จากออสเตรเลียในอัตรา 80% เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้พฤติกรรมการทุ่มตลาด
รวมไปถึงสินค้าอีกหลายอย่าง เช่น ฝ้าย ถ่านหิน เนื้อแดง รวมไปถึงไวน์ ที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีและการสั่งห้ามนำเข้ามายังจีน
ความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศยังส่งผลให้การลงทุนของจีนที่เข้าไปยังออสเตรเลียในปี 2020 ลดลงเหลือเพียง 24,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีการฟาดฟันในการกีดกันสินค้าต่าง ๆ จากออสเตรเลีย
แต่ก็มีสินค้าส่งออกอย่างหนึ่งในปี 2020 ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ของ 2 ประเทศ
สินค้านั้นก็คือ แร่เหล็ก (Iron Ore) ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบตั้งต้นที่สำคัญในการนำไปผลิตเหล็ก ที่ยังคงมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากปี 2019
แน่นอนว่า เหล็กนั้นถือเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของจีน เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ป้อนวัตถุดิบให้แก่หลากหลายอุตสาหกรรมตั้งแต่ ก่อสร้าง รถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของประเทศ
ยิ่งการที่รัฐบาลจีนต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากไวรัสโควิด 19 ในครั้งนี้ ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ จึงทำให้ในวันนี้ จีนยังมีความต้องการนำเข้าแร่เหล็กเพื่อมาผลิตเหล็กจากออสเตรเลียในจำนวนมาก
ทำให้ในปี 2020 การนำเข้าแร่เหล็กของจีนนั้นเพิ่มสูงถึง 1,170 ล้านเมตริกตัน ทำสถิติสูงสุดตลอดกาล
ซึ่งการนำเข้าแร่เหล็กทั้งหมดของจีนนั้น มาจากออสเตรเลียอยู่มากถึง 61% เลยทีเดียว
เมื่อรวมกับการที่รัฐบาลจีนจำกัดการส่งออกเหล็กเพื่อให้อุตสาหกรรมในจีนหลายแห่งนั้น มีปริมาณเหล็กที่สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอ
แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์ที่ออสเตรเลียบางคนจะออกมาแนะนำให้รัฐบาลออสเตรเลียพยายามมองหาตลาดส่งออกใหม่ ๆ เพื่อมาทดแทนตลาดส่งออกอย่างจีนในอนาคต
แต่ดูเหมือนว่า นี่อาจไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับออสเตรเลียที่จะหาตลาดส่งออกที่สามารถรองรับมูลค่าการส่งออกมหาศาลได้เท่ากับจีนในอนาคตอันใกล้
เรื่องนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ความขัดแย้งระหว่างจีนและออสเตรเลีย สุดท้ายแล้วจะออกมาในรูปแบบไหน แต่เชื่อว่า คงไม่มีฝ่ายไหนอยากให้ประเด็นดังกล่าวมาเป็นอุปสรรคในการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ
เนื่องจากขนาดเศรษฐกิจของ 2 ประเทศนี้มีมูลค่ารวมกันกว่า 564 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 1 ใน 5 ของมูลค่า GDP ทั้งโลกเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า ในออสเตรเลียนั้น มีชุมชนคนจีนในต่างแดน หรือที่เรารู้จักกันว่า “Chinatown” ตั้งอยู่ที่เมืองเมลเบิร์นซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศออสเตรเลียรองจากซิดนีย์
โดย Chinatown ที่เมืองเมลเบิร์นเกิดขึ้นในช่วงยุคตื่นทองของออสเตรเลียในปี 1851 หรือเมื่อ 170 ปีที่แล้ว จึงทำให้ Chinatown แห่งนี้ถือเป็นแหล่งชุมชนคนจีนในต่างแดนที่มีอายุยาวนานมากที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดา Chinatown ของโลกเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.worldstopexports.com/australias-top-10-exports/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Coal_in_China
-https://www.worldstopexports.com/coal-imports-by-country/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Australia%E2%80%93China_relations
-https://www.abc.net.au/news/2020-06-03/australian-economy-gdp-recession-march-quarter-2020/12315140
-https://www.bbc.com/thai/international-53420336
-https://www.cnbc.com/2020/12/18/australia-china-trade-disputes-in-2020.html
-://www.steelorbis.com/steel-news/latest-news/chinas-iron-ore-output-increases-by-216-percent-in-q1-1196556.htm
-https://www.hellenicshippingnews.com/chinese-iron-ore-imports-hit-record-in-2020/
-https://www.reuters.com/world/china/china-bought-most-iron-ore-australia-brazil-2020-imports-india-up-nearly-90-2021-01-20/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Chinatown,_Melbourne
-https://www.statista.com/statistics/430276/number-of-chinese-students-in-australia-by-education-sector/
-https://internationaleducation.gov.au/research/datavisualisations/Pages/Student-number.aspx