ยอดขายรถยนต์ของทั้งโลก อาจเลยจุดสูงสุดไปแล้ว / โดย ลงทุนแมน
“ยอดขายรถยนต์ของทั้งโลก อาจเลยจุดสูงสุดไปแล้ว”
นี่คือคำเตือนจากนักเศรษฐศาสตร์ของ IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ)
ทำไมอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกกำลังชะลอตัว
แล้วมันเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวหรือไม่
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้โพสต์ล่วงหน้าใน Blockdit
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
ในปี 2018 มูลค่าการค้าของโลกเท่ากับ 590 ล้านล้านบาท
แต่รู้หรือไม่ว่า กว่า 30% เกิดจากอุตสาหกรรมรถยนต์
ขณะที่มูลค่าของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกนั้น ใหญ่กว่าขนาด GDP ของฝรั่งเศสที่มีมูลค่าประมาณ 80 ล้านล้านบาท เสียอีก
หมายความว่า ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์มีปัญหา ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อไม่นานมานี้ IMF ได้ให้ความเห็นว่า
สิ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโลกโตช้ากว่าที่คิด เนื่องจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์
พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า
ความเจริญรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นอาจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ชะลอตัวในปัจจุบันนั้น มีอยู่ 3 ปัจจัยหลัก
1. การตั้งกำแพงภาษี และการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนรถยนต์นั้นเพิ่มสูงขึ้น อย่างกรณีของสหรัฐอเมริกาที่ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากประเทศคู่ค้า ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์โดยเฉลี่ยของสหรัฐอเมริกานั้นเพิ่มขึ้น
2. การออกมาตรการ รวมทั้งกฎหมายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ต้นทุนในการผลิตรถยนต์ทั่วโลกนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะบริษัทรถยนต์ต้องการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีด้านเครื่องยนต์เพื่อลดมลพิษ จึงทำให้ราคารถนั้นสูงขึ้น จนกระทบต่อผู้บริโภค
3. การเกิดขึ้นของ Sharing Economy
ซึ่งคือสังคมเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน ที่เกิดจากความคิดที่ว่า ผู้ที่มีทรัพยากรต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ในรูปแบบของค่าเช่าหรือค่าบริการ
การเกิดขึ้นของ Uber, Lyft, Grab ซึ่งเป็นการใช้รถยนต์ร่วมกันระหว่างผู้มีรถยนต์ และผู้ต้องการใช้รถยนต์ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ความต้องการรถยนต์นั้นลดลง
ปัจจัยที่กล่าวมานี้ ทำให้ยอดขายรถยนต์ในแต่ละประเทศที่เคยทำจุดสูงสุดไว้ ยังไม่เคยทำลายสถิติอีกเลยนับจากนั้น
สหรัฐอเมริกา ยอดขายรถยนต์ทำจุดสูงสุดในปี 2016
บราซิล ยอดขายรถยนต์ทำจุดสูงสุดในปี 2014
สหภาพยุโรป ยอดขายรถยนต์ทำจุดสูงสุดในปี 2000
ญี่ปุ่น ยอดขายรถยนต์ทำจุดสูงสุดในปี 1990 หรือเกือบ 30 ปีที่แล้ว
แม้แต่ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอย่างจีนและอินเดีย ที่ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในอุตสาหกรรมรถยนต์คาดหวังว่าจะเข้ามาพยุงความต้องการรถยนต์ทั่วโลกนั้น ก็กำลังมีปัญหา
เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศนี้เป็นประเทศที่มีมลภาวะทางอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จึงทำให้รัฐบาลออกมาตรการและกฎหมายต่างๆ เพื่อลดมลภาวะจากการใช้รถยนต์
พอเรื่องเป็นแบบนี้
ยอดขายรถยนต์ในจีนเดือนกันยายน ลดลงกว่า 12% จากปีที่แล้ว
ที่สำคัญคือ ยอดขายรถยนต์ในจีนนั้น ลดลงติดต่อกันถึง 15 เดือนแล้ว
รวมทั้งที่อินเดีย ประเทศที่ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ก็กำลังประสบกับยอดขายรถยนต์ที่ปรับตัวลดลงกว่า 14% จากปีที่แล้ว
ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่หลายคนคิดไว้ก่อนหน้าว่า
รายได้ของประชากรทั้ง 2 ประเทศที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา น่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ใน 2 ประเทศนี้เติบโตต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เรื่องราวกลับตรงกันข้าม
แม้แต่ในประเทศไทยที่ตลาดรถยนต์เดือนกันยายน ลดลงกว่า 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศมีการประกาศหยุดงานบางส่วน
ความไม่แน่นอนของอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่กำลังเจอความท้าทายทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
กฎเกณฑ์ใหม่ที่ออกมาเพื่อควบคุมมลภาวะจากรถยนต์
รวมทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จนเกิดสังคมแห่งการแบ่งปันทรัพยากร
จึงทำให้หลายคนสงสัยว่า การชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราวหรือไม่ และยอดขายรถยนต์ทั่วโลกได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วหรือยัง
เรื่องนี้สะท้อนไปยังการให้มูลค่าของบริษัทรถยนต์ต่างๆ ที่อยู่ในตลาดหุ้น นักลงทุนตอนนี้กำลังให้มูลค่าบริษัทรถยนต์หลายแห่งทั่วโลกต่ำมาก
เรามาดูค่า Price to Earnings (P/E) ของบริษัทรถยนต์เหล่านี้ ซึ่งเป็นค่าวัดความถูกแพงของหุ้นที่นักลงทุนในตลาดหุ้นมักนิยมใช้
Toyota ค่า P/E อยู่ที่ 8.8 เท่า
Hyundai Motor ค่า P/E อยู่ที่ 8.0 เท่า
BMW ค่า P/E อยู่ที่ 6.8 เท่า
General Motors ค่า P/E อยู่ที่ 5.9 เท่า
Honda ค่า P/E อยู่ที่ 4.9 เท่า
Nissan Motor ค่า P/E อยู่ที่ 3.7 เท่า
ใครจะไปคิดว่าเรากำลังซื้อบริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลกทั้ง Toyota, BMW, Honda ในราคา P/E ที่ถูกกว่าบริษัททั่วไปในตลาดหลักทรัพย์ไทยเสียอีก
จากข้อมูลดังกล่าว ดูเหมือนว่าราคาหุ้นของบริษัทรถยนต์หลายแห่งนั้นถูก
แต่อีกมุมก็หมายความว่า นักลงทุนอาจไม่มั่นใจว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคตจะสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้นหรือไม่
อย่าว่าแต่กำไรเพิ่ม ที่ P/E ในระดับนี้ นักลงทุนน่าจะกำลังคาดการณ์กำไรที่ถดถอยลงจากปัจจุบันด้วยซ้ำ
เรื่องนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจให้ รัฐบาลไทย หรือ ผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์
เพราะต้องยอมรับว่าประเทศไทยในปัจจุบันก็เป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก
แต่ไม่ว่าเราจะใหญ่แค่ไหน
ถ้าอุตสาหกรรมรถยนต์ของโลกทั้งหมดชะลอตัวลง
แล้วประเทศไทยจะฝืนต่อไปได้อย่างไร..
┏━━━━━━━━━━━━┓
บทความนี้โพสต์ล่วงหน้าใน Blockdit
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛
References
-https://markets.businessinsider.com/…/auto-industry-shrinki…
-https://www.wto.org/english/news_e/pres19_e/pr837_e.htm
-https://www.bloomberg.com/…/historic-slump-in-china-car-mar…
-https://reaction.life/the-west-has-hit-peak-car-thats-bad-…/
-https://media.gm.com/…/gm-q3-2019-earnings-press-release-10…
-https://www.fircroft.com/…/the-automotive-industry-employs-…
「bmw press release」的推薦目錄:
bmw press release 在 媽媽監督核電廠聯盟 Facebook 的精選貼文
[ 英國將展開可以幫行駛中電動汽車無線充電的智慧型充電公路測試!! ](08/13/2015 Citylab)
當再生能源、節能減碳的新科技發展一日千里的時候,我們手上的選項將變得更加多元、更有彈性,新的機會,新的可能性將絡繹不絕的呈現在我們眼前,以前認為天方夜譚,不可能達成的,現在都一一被克服、被達成了...
當古羅馬詩人卡圖盧斯 (Catullus , BC87~BC54) 寫下「大口吞噬道路(devouring the road)」這樣的詩句的時候,他是在暗喻跨越漫漫的旅途。但如國英國政府一項嶄新的嘗試,打算讓行駛在公路上的電動汽車能夠直接從埋在地底的傳輸電纜以無線傳輸的方式直接接收電力來充電的話,那麼在現實的生活中我們或許還真的能夠實現所謂「大口吞噬道路」的概念。
英國公路與運輸部長安德魯 瓊斯(Highways England and Transport Minister Andrew Jones)在八月初宣布,從今年下半年開始,英國將在研究測試專用道路上正式展開為期18個月的實際道路測試這項「動態無線電力傳輸(dynamic wireless power transfer)」技術。政府測試單位將在實驗道路的路面下安裝電力傳輸裝置並且在車輛底盤上裝設無線充電設備來實際測試這項技術是否能在英國繁忙的公路上成功運作。行動中充電將解決電動車輛所面臨的最大障礙 - 在長途行駛的時候保持電池的電力充沛。
英國方面已經測試過好幾種不同的車輛行動無線充電方式,並且篩選出幾項可行的版本並且準備好要開始製造這樣的系統了。基本上這種道路無線充電系統是將電纜以及電源傳送器埋在路面之下,然後再透過裝置在汽車內的電源接收器無線接收電力。當車輛裝有行動無線充電設備,用路人開車經過這種無線充電路段的時候,就可以幫自己的純電動車或者是油電混合車的電池充電了。
英國政府的報導指出,這種充電發式未來將可能適用在所有形式的車輛之上,更因為這種地下無線傳輸的充電方式不需要在地面上建造任何的電纜或是輸電設備,這將可以避免造成碰撞和電擊的風險。這樣的無線傳輸充電方式也比現行利用地上輸配電纜方式供電的通勤火車,捷運地鐵以及正在美國洛杉磯港口地區實驗中的電氣化零排放公路(zero-emission highway ,e-highway)計畫的地面景觀來的清爽,沒有壓迫感。
如果這個行動無線充電的解決方案在英國推行成功,他將一舉突破目前電動汽車長途行駛的充電問題的窘境。舉幾個例子來說明,如果充飽電力的話,BMW i3 純電動車可以跑約130公里,日產 Leaf 純電動車可以跑約135公里遠,通用汽車的雪芙蘭 Volt油電混合車可以光靠電池跑約60公里遠,這些里程數應該可以應付大多數人一般日常的通勤里程,但是還不能滿足長途旅程所需。
即使可以做到里程零排放來保護地球,但如果必需要在公路邊耗上幾個小時的時間等待電動車的電池充飽以便再度上路繼續旅程的話,大概沒有人會因此感覺良好。要是可以邊跑邊充電的話,這大概是目前針對汽車燃料回充問題所可以做到的最酷的解決方案了。
英國公路與運輸部長安德魯 瓊斯在新聞發佈中表示英國政府除了目前已經投入的五億英鎊研發預算之外,將持續投資發展這種嶄新的運輸科技,確保英國在這個新興領域的競爭力,並且透過發展、落實這種無線充電技術增加就業機會,並且帶給人民與工商企業界更好的道路使用經驗與更乾淨的環境品質。
無線充電公路還可以跟其他新興的科技相結合:例如以太陽能光電板做為鋪面的太陽能道路系統。荷蘭今年已經開始實地測試太陽能自行車道的成效了,在美國愛達荷州,一項太陽能公路的新科技也即將要在一些人行道與停車場中展開前期測試以便將來可以套用到真正的一般公路上面。或許在不久的將來,我們就可以看到新一代的智慧型道路不但可以經由陽光產生能源,而且還可以將電力無線傳輸給熙來攘往呼嘯而過的電動汽車上了。
原始資料來源:
The U.K. Is Testing Roads That Recharge Your Electric Car As You Drive
http://www.citylab.com/…/the-uk-is-testing-roads-th…/401276/
Press release - Off road trials for “electric highways” technology
https://www.gov.uk/…/off-road-trials-for-electric-highways-…
Los Angeles Is Building an e-Highway
http://www.citylab.com/…/los-angeles-is-building-an…/380914/
======== ♡♡♡ ========
☞ 更多的相關內容請至媽媽監督核電廠聯盟臉書粉絲頁。( https://www.facebook.com/momlovestaiwan ) 以及媽媽監督核電廠聯盟官網 ( http://momlovestaiwan.tw/content/masterpage/Index.aspx )謝謝!!★