【#轉角國際podcast:🇲🇽 國土鍊成陣後來怎麼了?】
#周末回顧:「您已挖出了世界奇觀。」墨西哥砸重金130億美元、原本要在首都建設新機場——特斯科科機場(Texcoco)——在總統羅培茲.奧布拉多(AMLO)主政下緊急腰斬,取而代之的是在首都北部以軍用基地為基礎,再擴建打造一座新的聖露西亞機場。不過從去年進行機場用地開挖以來,陸續發現了珍貴的史前動物骸骨,數量超過200頭的長毛象,以及為數眾多的馬、牛、駱駝等各種生物遺骸,是目前極為罕見、數量最多的考古發現。
根據當地考古團隊的說法,這些古代生物大約生活在1萬到2萬5,000年前,依靠當時湖泊所在地充足的水源生活,豐富的物種、大型哺乳類在此得以世世代代繁衍下去。專家也指出,這次的大量遺骸發現,會是研究長毛象滅絕的重要資料;不過由於數量龐大有遍佈在新機場地盤各地,要處理骸骨保存就要耗費上不少工程時間,後續的機場建設可能也將面臨延宕。
墨西哥的首都新機場,是近年來總統AMLO上任後的爭議事件。原本預定2020年10月啟用的特斯科科機場,是為了緩解首都不堪負荷的空中交通、帶動國家經濟再起飛的國家新門面,但因為前任總統的機場工程圖利財團、嚴重破壞生態的等爭議,而後慘遭腰斬;建設方案才轉向了新的聖露西亞機場。
特斯科科機場的造型仿阿茲特克文明的人形圖騰,奇觀景象引起不少話題;已完工超過50%的機場工地,現今則被改為大型的自然濕地湖泊公園,作為保護環境、永續利用的綠化之地。但AMLO秉持的政治理念,卻也面臨了墨西哥的金融危機——被腰斬的工程,是錯失未來的鍊金術?還是力挽狂瀾的正義?
#墨西哥 #機場 #首都 #AMLO #特斯科科機場 #Texcoco #聖露西亞機場 #SantaLucíaAirport #長毛象 #猛瑪象 #考古 #動物 #史前時代
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「texcoco」的推薦目錄:
texcoco 在 The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก Facebook 的最讚貼文
เรื่องจากกรุ๊ป การสังเวยของชาวแอซเท็ก
#การสังเวยชีวิตและบูชายัญมนุษย์ของชาวเอซเทค Aztec sacrifice
ประวัติแรกเริ่มของชาวเอซเทคนั้นไม่มีความชัดเจนเท่าใดนัก แต่คาดว่าน่าจะเป็นพวก nomadic tribe จากตอนเหนือของแมกซิโกที่เรียกว่า Aztlan หรือ “White Land” ในช่วงศรรตวัตที่ 13 มีเมืองหลักคือ Tenochtitlan จึงเรียกตัวเองว่าชาว Tenochca หรือ Mexica
เล่าขานกันมาว่า เมื่อชาวเอซเทคเห็นนกอินทรีไปเกาะต้นกระบองเพชร ในพื้นที่น้ำขังทางตอนใต้ของทะเลสาบ Texcoco พวกเขาถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีที่จะตั้งรกราก จึงหาทางระบายน้ำออกแล้วสร้างพื้นที่เพาะปลูกที่เมือง Tenochtitlán ในปี 1325 โดยมีพืชผลหลักคือข้าวโพด ถั่ว มันฝรั่ง มะเขือเทศและอโวคาโด รวมไปถึงการล่าสัตว์ เช่น กระต่าย งู ไก่งวงป่า ตกปลา มีเทคนิคทางการเกษตรขั้นสูง และกองทัพที่ยิ่งใหญ่จนสามารถตั้งจักรวรรดิได้ จากเดิมที่เป็นแค่รัฐ มีความโดดเด่นทางโครงสร้างสังคม การเมือง ศาสนา และการชวนเชื่อที่แข็งแกร่งอันนำมาซึ่งรัฐศาสนาภายใต้อำนาจของเอซเทคช่วงศรรตวัตที่ 15 ก่อนจะถูกสเปนภายใต้การนำของ Hernan Cortes โจมตีและยึดเมือง Tenochtitlan ไว้ได้ในปี 1521 จึงเป็นที่สิ้นสุดของวัฒนธรรม Mesoamerica นับแต่นั้น
ชาวเอซเทคมีความเชื่อว่า มนุษย์ทุกคนติดค้าง”หนี้เลือด/ชีวิต”ต่อพระเจ้า และเพื่อหลีกเลี่ยงภัยหรือความเลวร้ายต่างๆ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องสังเวยอะไรสักอย่างคืนให้พระเจ้าไป ดั่งเพลงโบราณของชาวเอซเทคที่ว่า ”Huitzilopochtli (พระแห่งสงครามและดวงอาทิตย์)มาก่อนอื่นใด เขาไม่เหมือนใคร ข้าไม่อาจจะสรรเสริญพระองค์ได้ดีมากพอแม้จะยืนแถวหน้าด้วยเครื่องแต่งกายของบรรพบุรุษเรา – ข้าจึงเปล่งประกาย” จาก The Hymn of Huitzilopochtli แปลโดย Daniel G. Brinton
พระเจ้าของชาวเอซเทคมักจะเกี่ยวข้องกันกับเวลา ทิศทาง หรือสีสัน โดยทั่วๆไปแล้วชาวเอซเทคกลัวเรื่องวันสิ้นโลก และเรื่องเหนือธรรมชาติสำหรับพวกเขาที่พวกเขายังหาคำตอบไม่ได้ในเวลานั้น วิธีบูชาเล็กๆ ก็อาจจะแค่เอาอะไรทิ่มแทงตัวให้มีเลือดออก แต่การสังเวย Huitzilopochtli หรือองค์ที่มีความยิ่งใหญ่และสำคัญอื่นๆ จำต้องถึงชีวิต เพื่อให้ทุกสิ่งยังคงดำเนินตามปรกติ เช่น สังเวยเพื่อให้พืชผลงอกงาม เพื่อให้ฝนตก หรือเพื่อให้พรุ่งนี้พระอาทิตย์ขึ้นเหมือนเดิม เป็นต้น และการนับปฏิทินของพวกเขานั้น มีพื้นฐานมาจาก Mayan calendar อันประกอบด้วยรอบพิธีกรรมทุกๆ 260 วัน และรอบปรกติที่ 365 วัน รอบพิธีนั้นมี 2 วงโคจร มีหน้าที่บอกชื่อวันจำนวน 20 วัน และจัดลำดับวันที่ 1-13 ในวงจรของ 13 วันนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรมทางศาสนาอันเกี่ยวเนื่องกับเทพแต่ละองค์ ซึ่งเป็นที่มาหรือเกี่ยวพันกับชื่อของวัน ส่วนรอบปฏิทินปรกตินั้นมี 20 วันต่อ 1 เดือน และ 18 เดือนต่อ 1 ปี แต่ละเดือนก็มีรายละเอียดที่ต่างออกไป เช่น เดือน IX (9) Tlaxochimaco เทพHuitzilopochtli, Tezcatlipoca และ Mictlantecuhtli จะต้องบูชาด้วยการอดอาหาร หรือเดือน XII(12) อันเป็นเดือนแห่งเทพ Xochiquétzal จะต้องทำพิธีสังเวยด้วยไฟ เป็นต้น และทุกๆปีนั้นจะมีวันที่เพิ่มมา 5 วันเรียกว่า nemontemi หรือวันซวยแห่งปี และทั้งสองปฏิทินจะมาโคจรวงจนบรรจบครบกันทุกๆ 52 ปี เรียกว่า New Fire Ceremony ซึ่งจะมีการฉลองใหญ่
ดังนั้นมันจึงฟังเหมือนกับว่าการบูชาเทพเจ้าของชาวเอซเทคคือสิ่งจำเป็น ตัวผู้ถูกสังเวยจะถูกทาสี นำตัวไปยังแท่นแล้วควักเอาหัวใจออกมา ก่อนจะชูไปที่ท้องฟ้าเพื่อให้องค์ Huitzilopochtli พอใจ ส่วนร่างที่เหลืออาจจะถูกโยนลงไปในปิรามิดหรือวิหาร เอาไปให้สัตว์กิน เป็นของขวัญแก่ผู้มีอำนาจ หรือเก็บเฉพาะส่วนหัวไว้ตกแต่งสถานที่ การสังเวยอาจจะไม่ใช่แค่วิธีควักหัวใจอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นการยิงผู้ถูกสังเวยด้วยธนู จับกดน้ำ เผา หรือทำให้เป็นชิ้นๆ การต่อสู้แบบ Roman gladiators ก็มีเช่นกันเพื่อบูชาเทพเจ้าเหล่านี้ ซึ่งน่าจะมีราวๆ ร้อยกว่าเทพ จึงเป็นสิ่งสำคัญดั่งตั๋วเบิกทางเพื่อจะได้ไปโลกหน้าและมีชีวิตหลังความตายได้สะดวกขึ้นและเป็นพร ส่วนการกินเนื้อมนุษย์ของชาวเอซเทคนั้นมีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะเพราะร่างเหล่านั้นได้ “สัมผัส” กับเทพแล้วจึงถือว่า “holy” และเป็นเกียรติแก่ผู้ได้ลิ้มรส
ในฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นเด็กๆที่ถูกสังเวยต่อองค์ Tlaloc เทพแห่งการเกิดใหม่และการเกษตร เพื่อขอให้ฝนตกและพืชผลเจริญเติบโต หากเด็กเกิดร้องในพิธีขึ้นมา แปลว่าจะมีฝนตลอดปี ดังนั้นจึงต้องหาอะไรแหลมๆ มาแทงเด็กเรื่อยๆ เพื่อให้ร้องไห้
ส่วนการบูชาเจ้าแม่ข้าวโพด ( the maize goddess ) นั้น ผู้หญิงจะแต่งตัวเป็น Xilonen ตามแบบดั้งเดิมแล้วก่อไฟเผาชาย 4 คนที่เป็นเชลยตรงหน้าทั้งเป็น แล้วตัวเธอจะถูกสังเวยต่อด้วยการโดนตัดหัวบนร่างของ 4 คนที่โดนเผานั้น เพื่อให้เลือดเธอโชติช่วงอยู่ในกองไฟ
สำหรับเทพ Tezcatlipoca ซึ่งเป็นเทพแห่งพลัง ราตรี โชคชะตา และทิศเหนือ ผู้ถูกสังเวยจะต้องสู้แบบโรมันกับอัศวินจากัวร์และนักรบอินทรีที่มาพร้อมเกราะเต็มยศถึง 4 คนด้วยอาวุธเห่ยๆ จึงเป็นอันสรุปได้ว่าไม่น่าจะรอด ผู้ถูกสังเวยต่อเทพ Tezcatlipoca อีกแบบอาจจะเป็นคนรุ่นๆ ที่ต้องแต่งตัวเลียนแบบเทพองค์นี้ตลอดทั้งปี เสมือนดั่งตัวแทนเทพมาจุติบนโลก อาจจะได้รับรางวัลเป็นหญิงสาว 4 คนไว้ปรนิบัติจนกว่าจะถึงเวลาบูชายัณ
ว่ากันว่า แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่ามีผู้ที่สังเวยชีวิตไปเท่าไหร่กันแน่ แต่ในปี 1487 มีการบูชาครั้งใหญ่เป็นเวลา 4 วันที่ the great Templo Mayor มีการประเมินคร่าวๆตั้งแต่ 10.000 จนอาจจะถึง 80.400 รายเฉพาะภายในระยะเวลาดังกล่าว แต่จากการคาดคะเนคิดว่าน่าจะหลักหลายพันถึงหมื่นต่อปี
คนที่จะถูกนำไปสังเวยนั้นเป็นคนของอาณาจักรเอซเทคเอง ทั้งสมัครใจและไม่สมัครใจ หรืออาจจะเป็นเชลยก็ได้ มีการทำสงครามกันแต่จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อแย่งดินแดนแต่อย่างใด หากแต่มุ่งไปที่ทรัพยากรมนุษย์เพื่อเอามาบูชาเทพเจ้า ดังนั้นจึงจะไม่ฆ่าเชลยที่ถูกจับมาให้ตาย แต่จะเอามาเพื่อบูชายัญแทน (the Aztec flower war / flowery war ) เช่นตอนที่เอซเทคไปตีเมือง Tlaxcala แทนที่จะเข้าไปครอบครองก็กลับเลี้ยงไว้เพื่อทำฟาร์มมนุษย์สำหรับการนี้ ก็น่าจะเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้แพ้ทหารสเปนในเวลาต่อมา เพราะไม่ได้เคยสู้เต็มรูปแบบจริงๆสักที หากแต่ว่าต้องการเอาคนเป็นๆมาทำพิธีมากกว่า ดังนั้น ตอนที่พวกสเปนบุก จึงเป็นชาว Tlaxcala นั่นเองที่ร่วมกันสมคบกับสเปนไปตีเอซเทคจนราบคาบ
ผู้ถูกสังเวยอาจจะเป็นทาสที่ไม่มีปากมีเสียงใดๆ ทาสเหล่านี้อาจจะถูกขายออกมาเองจากครอบครัวของทาส หรือขายตัวเองมาเป็นทาสก็ได้ เพราะมักจะฐานะยากจน ทาสคนไหนขี้เกียจหรือทำผิด หรืออาจจะเป็นนักโทษ เจ้านายหรือผู้มีอำนาจก็จะส่งตัวทางไปร่วมพิธีสังเวยแทนเป็นการลงโทษ ส่วนเด็กๆ ที่ถูกฆ่าเพื่อบูชาเทพ Tlaloc นั้น นักบวชอาจจะซื้อมาจากครอบครัวใดครอบครัวนึง หรืออาจจะเป็นลูกของผู้มีฐานะหรือ high born ก็ได้เช่นกัน หากชายใดเกิดร้องไห้ หรือเป็นลม กลัว ระหว่างที่รอพิธีสังเวยนั้นก็จะถูกด่าว่า “ทำตัวเป็นผู้หญิงไปได้” จึงเป็นข้อสังเกตว่า หากผู้ถูกสังเวยเป็นหญิงแล้วมีอาการกลัวดังกล่าวคงไม่น่าจะโดนตำหนิแต่อย่างใด
สถาบัน National Institute of Anthropology and History (INAH) ได้ค้นพบซากกระดูกและกระโหลกที่ยังคงหลงเหลือภายใต้ตัวตึกของบ้านซึ่งเคยตั้งอยู่ในช่วงเอซเทค ที่ปัจจุบันกลายเป็นสนามหญ้าของวิหาร Mexico City's cathedral ในปี 2015 วางเรียงเป็นแถวอย่างมีระเบียบและขนาดของพื้นที่สามารถจุได้มากกว่า 1000 กระโหลก จึงอาจกล่าวได้ว่าเอซเทคคือแหล่งอุตสาหกรรมการบูชายัญที่ไม่เหมือนที่อื่นใดในโลก ปัจจุบันพวกเขากำลังศึกษารายละเอียดย่อยของแต่ละชิ้นเพื่อหวังว่าจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับการสังเวยในช่วงเวลาดังกล่าวและความเป็นมาเกี่ยวกับช่วงก่อนที่ผู้สังเวยจะมาจบชีวิตลงที่ the Templo Mayor มากขึ้น
#PaulskiMNP5245
texcoco 在 Earth from Space: Texcoco - YouTube 的必吃
... <看更多>