เวลาเกิดเหตุภัยพิบัติต่างๆ ขึ้น สิ่งหนึ่งที่สังคมไทยเรามักจะขาด คือการนำเอาเหตุการณ์นั้น มาศึกษาวิเคราะห์ดูสาเหตุปัจจัยผลกระทบ เพื่อเป็นแนวทางในการรับมือสำหรับเหตุการณ์พิบัติครั้งต่อๆ ไป
ดังเช่น ที่เพิ่งเกิดเหตุโรงงานสารเคมีระเบิด ที่สมุทรปราการ ไปเมื่อเดือนก่อนนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นหน้างานก็คือ ทิศทางของลมที่บรรดาควันพิษจะลอยไปนั้น จะไปทางทิศทางใดกันแน่
งานวิจัยดังที่อยู่ในรายงานข่าวนี้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ที่ทำให้เราเข้าใจถึงแนวทางการประเมินทิศทาง ของผลกระทบจากมลพิษสารเคมีทางอากาศที่เกิดขึ้น ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้อีกครั้ง ในอนาคตครับ
-------
(รายงานข่าว)
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม รศ.ดร.เกษมสันต์ มโนมัยพิบูลย์ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี วิเคราะห์ทางเลือกระบบจำลองคาดการณ์มลพิษอากาศในภาวะฉุกเฉิน: กรณีไฟไหม้โรงงานสารเคมีย่านกิ่งแก้ว ระบุว่า
เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงานสารเคมีย่านกิ่งแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการที่ผ่านมาได้กระทบต่อประชาชนจำนวนมากที่อาศัยทำงานอยู่ในพื้นที่ใกล้โรงงานทั้งนี้ทางภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย และนักวิชาการก็ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญร่วมกันต่อปัญหาดังกล่าวเหตุการณ์
เริ่มจากการระเบิดของสารเคมีที่เก็บในโรงงานประมาณ 3 นาฬิกาของวันที่ 5 กรกฏาคม 2564 ต่อมาเกิดไฟลุกโชนในโรงงานอย่างรุนแรงต่อเนื่องมีควันดำขนาดใหญ่พวยพุ่งลอยขึ้นสูงในบรรยากาศและถูกพัดพาไปไกลโดยลม ไฟเริ่มซาและถูกควบคุมได้ในช่วงค่ำและเช้าของอีกวันต่อมา ที่ตั้งของโรงงาน ณ ปัจจุบัน ก็มีชุมชนที่พักอาศัย วัด โรงพยาบาล โรงเรียน และโรงงานอื่นอยู่โดยรอบซึ่งเป็นผลของการขยายตัวของเมืองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความจำเป็นที่ควรมีระบบหรือเทคโนโยลีจำลองมลพิษอากาศที่เหมาะสมเพื่อรองรับกรณีไฟไหม้รุนแรงหรือสถานการณ์ฉุกเฉินโดยสามารถคาดการณ์ความรุนแรงล่วงหน้าและใช้ประเมินกำหนดมาตรการแก้ไขลดผลกระทบได้ หากพิจารณาลักษณะรูปแบบของไฟไหม้โรงงานย่านกิ่งแก้วและพฤติกรรมของของควันตามหลักวิชาการที่เกี่ยวข้อง ก็สามารถใช้เป็นแนวทางเพื่อกำหนดคุณสมบัติของระบบจำลองที่พึงมีได้โดยผมขออธิบายและสรุปไว้ข้างล่างนี้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้องหรือสนใจ
#ข้อที่1: พฤติกรรมของการลอยตัวของควัน
การสันดาปหรือเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตโฟมของโรงงานดังกล่าว(ในที่นี้ สไตรีนโมโนเมอร์และสารเคมีกลุ่มเบนซีน) ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ระเหยและติดไฟง่าย ก่อให้เกิดควันซึ่งประกอบด้วยเขม่าดำ ฝุ่น ก๊าชต่างๆ ปะปนกับก๊าซระเหยของสารเคมีตั้งต้นรวมทั้งไอน้ำปนอยู่ (แต่ไม่มากเท่าการเผาไหม้ที่สมบูรณ์)การยกตัวของควันนั้นเกิดจากแรงลอยตัวเพราะอุณหภูมิของควันมีค่าสูงทำให้มีความหนาแน่นน้อยกว่าอากาศที่อยู่โดยรอบ เมื่อควันลอยขึ้น (Plume Rise) (รูปที่ 1) ก็จะขยายตัวใหญ่ขึ้นผ่านกระบวนการฟิสิกส์ 2 อย่าง คือ
#กฏอะเดียแบติก (Adiabatic)เพราะความดันอากาศลดลงตามความสูงของควันลอยขึ้นปริมาตรของควันจะเพิ่มและควันก็เย็นตัวลงพร้อมกัน
#ความปั่นป่วนและการดึงอากาศเข้า (Turbulence & Entrainment) เนื่องด้วยสภาพภายในของควันร้อนมาก อากาศภายในควันจึงมีสภาพปั่นปั่วนและเมื่อควันลอยตัวอย่างรวดเร็ว สภาพปั่นป่วนก็จะดึงมวลอากาศเย็นที่อยู่รอบๆ เข้ามาทำให้ควันขยายตัวเพิ่มเร็วขึ้น
#ข้อที่2: ระดับการลอยตัวและการเบ้เอียงของแนวควัน
ความสูงสุทธิที่ควันจะลอยขึ้นมีความสำคัญ หลังจากนั้น ควันก็ถูกพัดพาและแพร่กระจายต่อไป หากควันลอยสูงเป็นแนวดิ่งก็จะกระทบต่อพื้นที่ใกล้จุดเกิดเหตุไม่มาก แต่หากลมใกล้ผิวพื้นพัดแรงก็จะทำให้ควันที่ลอยอยู่เบ้เอียงลู่ตามลมและเกิดแรงเฉือน (Wind Shear) เหนี่ยวนำการแพร่กระจายของควันสู่ลงผิวพื้นได้ (รูปที่ 1 กลาง)โดยปกติแล้ว ควันจะหยุดลอย ณ ความสูงที่บรรยากาศมีความเสถียร (Stable) (ในที่นี้ อากาศโดยรอบเท่ากับหรืออุ่นกว่าในควันทำให้ไม่มีแรงลอยตัว) ควันจากไฟไหม้ที่รุนแรงสามารถยกตัวลอยทะลุผ่านชั้นบรรยากาศผกผันที่เสถียรใกล้ผิวพื้น (Low-Level Inversion Layer) ซึ่งปกติเกิดขึ้นไม่ห่างจากผิวพื้น (เช่น50-500 ม.)ตอนกลางคืนและช่วงเช้า-สายของวันใหม่ (รูปที่ 1 ขวา) อย่างที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อควันลอยขึ้นตัวก็จะเย็นลง ไอน้ำในควันจะควบแน่นเป็นละอองน้ำได้ง่าย ซึ่งช่วยให้เราสังเกตุควันได้ง่ายขึ้นแม้ว่าควันจะลอยสูงหรือถูกพัดพาไปไกลแล้ว ควันจากไฟไหม้ที่รุนแรงสามารถลอยสูงถึงฐานเมฆหากมีแรงลอยตัวเพียงพอหรืออยู่ภายใต้สภาพบรรยากาศที่ไม่เสถียรช
#ข้อที่3: การพัดพาและแพร่กระจาย
แม้ว่าลมพัดพาควันให้ลอยไปในแนวราบ แต่ความปั่นป่วนในบรรยากาศจะทำหน้าที่แพร่กระจายควันที่เข้มข้นตามแนวแกนให้เจือจางไปทั้งในแนวราบและแนวดิ่งซึ่งทำให้ขนาดควันหรือพลูม (Plume) ใหญ่ขึ้นตามระยะทาง (รูปที่ 2 และรูปที่ 3) พลูมของควันถูกเหนี่ยวนำเปลี่ยนไปตามทิศทางลมที่อาจเปลี่ยนไปตามเวลา นอกจากนั้นหากควันมีขนาดใหญ่การพัดพาก็จะได้รับอิทธิพลจากทั้งลมใกล้ผิวพื้นและลมระดับบน โดยทั่วไป พฤติกรรมของลมทั้งสองระดับไม่คล้ายคลึงกัน ลมใกล้ผิวพื้นมีความเร็วน้อยกว่าแต่แปรผันบ่อยทั้งเชิงพื้นที่และเวลาเป็นเพราะลมระดับล่างมีความอ่อนไหวต่อความขรุขระของผิวพื้น (Roughness) และต่อสมดุลพลังงานผิวพื้น(Surface Energy Balance)มากกว่านั่นเอง ควันหากลอยขึ้นสู่ถึงฐานเมฆไอน้ำที่มีอยู่ในควันก็ควบแน่นเป็นละอองน้ำ ดังนั้นควัน-ละอองน้ำที่ควบแน่น-เมฆที่เกิดอยู่ในธรรมชาติก็จะรวมปะปนกัน (รูปที่ 2 ขวาและรูปที่ 3) หากเกิดฝน ฝนก็จะชะล้างควันในบรรยากาศ (Wet Scavenging)มิฉะนั้น ควันก็จะถูกชะล้างแบบแห้ง (Dry Scavenging) สู่ผิวพื้น อาศัยการแพร่กระจายในแนวดิ่งซึ่งควบคุมโดยสภาพการปั่นป่วนในบรรยากาศ
#ข้อที่4 พลศาสตร์ของควัน
ด้วยที่สภาพอากาศมีการแปรผันตามเวลาและพื้นที่อยู่ตลอดควัน(หรือส่วนของควัน)ที่เราสังเกตุเห็นนั้นเป็นผลรวมสุทธิของควันที่ถูกพัดพาและแพร่กระจายตั้งแต่ปล่อยจากแหล่งกำเนิดมาก่อนหน้าและทีหลัง จึงมีลักษณะเป็นพลศาสตร์ (Dynamic) ไม่ใช่เป็นสภาพสถิตย์ที่ชั่วโมงหรือสถานที่ใดหลักพลศาสตร์จึงเหมาะสมสอดคล้องกับการประยุกต์ใช้ในกรณีไฟไหม้ขนาดใหญ่เพราะควันล่องลอยอยู่นานในบรรยากาศและสามารถเคลื่อนที่แพร่กระจายไปทั้งระยะใกล้ (Short-Range Transport) และระยะไกล (Long-Range Transport)
#สรุปและข้อเสนอ
จากที่กล่าวมาผ่านกรณีไฟไหม้โรงงานสารเคมีย่านกิ่งแก้ว สามารถสรุปได้ว่า ระบบหรือเทคโนโลยีจำลองที่เหมาะสมเพื่อใช้คาดการณ์มลพิษอากาศในสถานการณ์ฉุกเฉินควรมีคุณสมบัติหรือองค์ประกอบดังนี้
เป็นการจำลองแบบพลศาสตร์ ในทางปฏิบัติ การจำลองมลพิษอากาศจะสมมติให้ควันเกิดขึ้นเป็นระยะหรือเป็นชุดต่อเนื่องกัน โดยแต่ละชุดเคลื่อนตัวอย่างเอกเทศ แต่ผลสุทธิของควันก็คือผลลัพธ์รวมที่ได้ควันทุกระยะหรือทุกชุดเข้าด้วยกัน ทั้งนี้การจำลองอาจกำหนดให้ควันถูกปล่อยจากแหล่งกำเนิดเป็นก้อนหรือพัฟ (Simulated Puffs) หรืออนุภาค (Simulated Particles)แม้ว่าการจำลองที่ใช้วิธีอนุภาคจะมีความแม่นยำที่ดีแต่ก็ต้องการทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อคำนวณประมวลที่สูงมาก สำหรับการจำลองวิธีพัฟนั้น ได้มีการพัฒนาและประยุกต์ทดสอบมายาวนานจึงมีความสมบูรณ์ทางเทคนิคมากกว่า อีกทั้งต้องการทรัพยากรเพื่อการคำนวณน้อยกว่า การจำลองทั้งสองวิธีนี้แตกต่างกับวิธีพลูม (Simulated Plume) (รูปที่ 5) ที่มีข้อจำกัดหลักคือการจำลองแบบสถิตย์ซึ่งไม่สามารถใช้รองรับหรือประยุกต์สอดคล้องกับสถานการณ์ไฟไหม้ดังกล่าวได้ดี
บูรณาการกระบวนการที่สำคัญเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งได้แก่ การลอยและขยายตัวของควันลมเฉือน การเบ้เอียงของควันเสถียรภาพของบรรยากาศ ชั้นบรรยากาศผกผัน การพัดพาโดยลมและการแพร่กระจายในแนวราบและดิ่งโดยการปั่นป่วนที่ความสูงต่างๆ รวมทั้งการชะล้างแบบเปียกและแห้ง ดังนั้นการจำลองจำเป็นที่ต้องนำเข้าข้อมูลสภาพอากาศจำนวนมาซึ่งในทางปฏิบัติ สามารถใช้ผลลัพธ์จากแบบจำลองพยากรณ์อุตุนิยมวิทยาที่มีความละเอียดกริดสูง(เช่น 1-3 กิโลเมตร) และคาดการณ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน ถ้าการพยากรณ์ได้พิจารณาปัจจัยกายภาพเฉพาะของเมืองใหญ่ (Urban-Scale Modeling) ก็จะทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ในประเทศไทยกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานรัฐที่ดำเนินการพยากรณ์อุตุนิยมวิทยาที่ความละเอียดสูงเป็นประจำดังนั้น หากเชื่อมโยงข้อมูลพยากรณ์ดังกล่าวกับการจำลองมลพิษอากาศก็จะเป็นการต่อยอดการประยุกต์ใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ
同時也有58部Youtube影片,追蹤數超過2萬的網紅林欣彤 Mag Lam,也在其Youtube影片中提到,林欣彤 最新作品 〈林中鳥〉 由林家謙監製並度身譜曲 在漩渦中尋找快樂,在黑暗中發芽生長。 掠過狂風暴雨,總會找到一片雲彩。 需要堅持多久,才能夠飛出樹林? 面對撲面而來的亂流, 又如何才能夠承受? 在航道上,晴天和雨天都是必然。 而正正是這些所遇過的, 成為了生命上特別的風...
turbulence 在 Facebook 的最佳解答
「地獄空」攝影集即將在八月中元節前出版,由知名設計師與攝影家黃子欽設計,內附在下二位高徒精美繪製符咒、心經版畫書籤、愣嚴咒牌、尊勝咒語...等,感恩十方大德助印,希望疫情退散,平安喜樂,後記如下:
野放台灣五十餘年,貪狼獨坐,三方四正殺破狼格局,少年多舛,白手起家,隨展覽雲遊四海,如閒雲野鶴常持各類底片機流連廢墟、山川、宮廟忘返,遂設幻影堂自詡堂主,一日三省「凡所有相皆是虛妄」,常宅於暗房沖片放大通宵、鍾情黑白世界之單純,彩色照片俗世繽紛花俏做作甜美甚至比現實更現實故少拍也。知天命之年有餘,了悟人生一瞬、眨眼即逝,雖非仙人,亦無道骨,初聞離垢地生清淨心,但離華嚴「不動地」尚遠,待修持也。
2017年盛暑拍畢《巨神連線》,心律不整差點心肌梗塞向閻羅王報到,意識死神隨伺在側,人生苦短,如何了生脫死、盡斷煩惱、無所罣礙、遠離顛倒……總不得解,蒙釋迦摩尼佛開示飆淚三晝夜,聞佛法數載始知自我渺如塵埃,甚感慚愧。閒暇乃參訪名寺古剎,禮敬焚香佛陀菩薩羅漢諸神天仙王爺媽娘,台灣宮廟千奇百怪、宗派錯綜複雜(佛教、道教、一貫道、天主教、基督教、齋教、回教&大同教、儒教鑾堂、天帝教&天德教、慈惠堂&勝安宮、軒轅教、道院、理教、萬國道德會、會靈山……)、神棍橫行(依人不依法、偶像崇拜、斂財、邪淫),因歷史變遷、社會動盪、政治鬥爭、意識形態等因素導致佛道混雜,但地獄造景稀少,後專注拍攝各殿閻王、判官、陰司、獄卒、七爺、八爺乃至一切罪人,各寺造景巧妙、耐人尋味,意境乖張溢於言表,造型扭曲非常人所能塑也,然匠心獨運、自成一格,專研西方藝術數十載方知真誠樸拙最美,絲毫不輸喬托(Giotto di Bondone,1267~1337)乃至米開朗基羅(Michelangelo Di lodovico Buonarroti Simoni 1475 ~ 1564)矣。
創立於1986年的石門金剛宮風景優美可眺望北濱,雖主祀四面佛,儒釋道眾神尊也不含糊,可過七星橋解厄、繞行五百黝黑羅漢敲鑼印心、跪拜亞洲最大臥佛涅槃像,安太歲自不在話下,甲子太歲爺雙眼長出手掌印象甚深,1994年經閻羅王指示廟公建造一條肚內設極樂世界及陰曹地府之神龍,行走暗黑通道觸動感應機關,只見面容猙獰受刑者呼天搶地喊冤、身邊盡是血肉糢糊殘肢敗屍腦漿塗地,十殿閻羅各司其職、威儀攝人。新北市林口區青嶺湖北文紫祥宮包公廟則以壁面彩塑地獄浮雕獨步全台,粉嫩色彩搭配卡漫風格,尤為造型簡直恐怖到可愛透頂,該廟主祀森羅殿閻羅天子包拯(包青天),陽世冤屈者可至此參拜祭解,求破懸案者眾,逢中元普渡皆以紙紮船渡亡魂至彼岸,全台唯一閻羅天子巨像籌備中,四周環繞墓地,適合修不淨觀也。台灣首尊彰化八卦山大佛旁南天宮(1971)地府則是首座電動地府,規模精小但驚嚇度破表,略顯破敗但五光十色仍蠻凶悍,出自已故台南大道長金登富之作,而電動神明起始可追溯至1960年代北港朝天宮。倒是嘉義水上鄉白人牙膏觀光工廠「戴相府」、「將軍府」設置十殿地府出乎意料之外,乾淨亮麗、ㄧ殿ㄧ間、簡單樸實。由高雄蓮潭龍虎塔龍口入內可見全臺唯一交趾陶地獄牆面,尊尊栩栩如生,續入龍身乃進聞聲救苦白衣觀音大士三十三化身浮雕隧道,造型設色甚為古錐。高雄大岡山超峰寺入口處「西方三聖蓮池海會」(阿彌陀佛、觀世音菩薩、大勢至菩薩巨像)旁設靜態十殿閻羅(1970年代初),雖略為陳舊然韻味猶存,續往上行可抵「證菩提道-釋迦如來應化事迹」雕塑園區,一攬世尊畢生精華。如來年邁時,琉璃國王為報長期被釋迦族輕蔑之傲慢心,世尊雖三次單獨伽跌坐 阻擋大軍進攻之路,但因緣果報無法逆轉,昔日婢女所生王子瞋恨無以復加,還是滅了祖國。自持神通第一目犍連不忍無辜百姓慘遭屠殺,遂以缽盛救度五百族人,最終卻化為血水,佛言神通廣大仍不敵千百劫業力,因緣果報屢試不爽。其母死後墜入餓鬼道飢餓難耐,目犍連遂展神通救渡,但所食尚未入口皆化為赤火,佛陀囑咐農曆七月十五日僧眾解安居自恣日,於盆中設甘露美食供養十方僧眾,因此超度亡母。後世「盂蘭盆法會」乃至「水懺法會」、「瑜珈焰口法會 」皆為消業障、斷塵垢之超渡儀軌,既渡亡魂也自懺悔。
台南麻豆代天府規模宏大、造型豔麗,不但可遊十八層地獄尚可逛天堂(1979年興建,1983年開放),燈光絢爛、聲響駭人,獨自漫步宛如觀落陰、地獄走一回。先過「心頭山」、入「清心池」、進「陰陽界」、抵「交簿廳」、達「鬼門關」、遊「補經所」、探「枉死城」、行「奈何橋」,至ㄧ殿泰廣王照「孽鏡台」現造惡原形,睹抱柱、火床等小地獄。二殿楚江王開「陰查簿 」判案定奪,觀糞尿泥、餓鬼、舞池、寒冰、膿血、鞭韃、舌犁、劍葉、戟腹拋接、砧截……等小地獄。三殿宋帝王刑罰為倒吊、銅鐵刮臉、挖眼、搗樁、倒烤、吸血、穿肋、抽筋、蛆蛀等小地獄……兼遊「四生(胎、卵、濕、化)回魂府」。四殿五官王掌管腰斬、拔舌、沸湯、刺嘴、剝皮、箭樹、車崩、射眼……等十六小地獄。隨五殿森羅王豋「望鄉臺」回眸親人最終眼後觀擊膝、誅心、刀山、飛刀火石……小地獄。六殿卞城王別稱「大叫喚大地獄」,轄火牛、虎啖、噬腎、鉗嘴含鍼、釘喉、磨摧、砍頭……等小地獄。七殿泰山王為「熱惱大地獄」,窺烙手指、抽腸、頂石蹲身、油釜滾烹、割舌穿腮……等十六小地獄。八殿都市王掌管「大熱惱大地獄」兼火狗、鐵汁、鐵蛇、鋸劈斷肢、釘板、灸脊、鐵丸、磅秤……等小地獄。九殿平等王直轄十八層「阿鼻大地獄」,直透地心、內中陰森、不見五指、滿溢地漿,皆為極犯,另轄紫赤毒蛇鑽孔、夾頂、鐵鴉、針雨、蜂蠍……等小地獄。至十殿輪轉王上「觀生臺」、「轉劫所八司」(查驗司 、稽善司 、考過司 、恩怨司 、壽命司 、支配司、掌劫司 、授生司)後至「孟婆亭」飲「醧忘湯」忘盡前塵往事,依前世功德過金、銀、玉、石、木、竹六種橋樑至「轉輪臺(紫河車)」入六道輪迴轉生投胎。據《十八泥犁經》記載,人過世後七七四十九天為「中陰生」,經閻羅王審判善惡業力判定去留或懲罰百千萬劫,犯五逆重罪則墮入「無間地獄(阿鼻地獄)」永劫不復。地藏王乃幽冥教主,統轄十殿閻羅,逢三曹普渡便在各殿設「講道所」超度尚存善根之鬼魂。
人類居於五趣(阿修羅、人、傍生、餓鬼、地獄)雜居地五濁惡世之堪忍世界,犯十惡業(殺生、偷盜、邪淫、妄語、兩舌、惡口、綺語、貪慾、嗔恚、愚痴)者必墮三趣惡道。如何出「三界」(欲界、色界、無色界)二十八天?凡人無此意識,別說能破「十二因緣」(無明、行、識、名色、六入、觸、受、愛、取、有、生、老死)還滅門,更別想斷除「四聖諦」(苦、集、滅、道)集地八十一品見惑與八十八使思惑(五利使-身見、邊見、邪見、見取見、戒禁取見、五鈍使-貪、瞋、癡、慢、疑),了悟「五蘊」(色、受、想、行、識)本空、「十二入」(眼、耳、鼻、舌、意、色、聲、香、味、觸、法)空、「十八界」空,破俱生我執與分別我執、法執甚至空執,生十一處「善心所」(信、精進、慚、愧、無貪、無瞋、無痴、輕安、不放逸、行捨、不害),降二十六處「惡心所」(貪、瞋、癡、慢、疑、惡見、忿、恨、覆、惱、嫉、慳、誑、諂、害、憍、無慚、無愧、掉舉、惛沉、不信、懈怠、放逸、失念、散亂、不正知),須知善根斷盡則陷永劫輪迴、無垠轉世之苦。
地獄可能空滅嗎?若地獄空乏人間多鬼怪,地獄淨空世間何嘗非淨土?若能證空性何處現地獄?
地獄曠古來便廣泛流傳各部族間,老死生滅為自然運行之基礎、宇宙意識之核心,然今文明昌盛如咱城邦並非慾望消弭之所,惡性所及實無可根除,礙於憲法國家法律社會軍隊企業公司學校家庭團體之層層束縛不亞於十八層,乃遁於壓抑、束己情懷,暗埋心底、日久貪嗔痴慢疑怨噌會疊穢。而六塵未熄,心多妄念,妖魔鬼怪魑魅魍魎孤魂閃靈出沒於荒郊乃至人間,會靈於曠野密林以增性靈乃出世高人修煉之舉,我等凡人擅闖宛如迪士尼般之人造地獄,三魂七魄尚不足以出竅,驚邪恐怖淒厲猙獰倒滿足了自以為是的慚愧,豈不謬哉?
病毒肆虐年半有餘,全球確診者逼近一億八千萬,枉死者近四百萬,堪比戰爭規模,望眾生發慈悲心、令往生者安息、善待其他物種、平等有情眾生。地獄本空,唯妄念生起一切羨慕嫉妒恨而地獄現前。盡以此書作為世界新冷戰獨裁者、超限戰者、暗網駭客、陰險狡猾冷嘲熱諷落井下石者之良知備忘錄矣。
姚瑞中寫於2021年端午節
Postscript
I have been living recklessly in Taiwan for more than fifty years. According to Zi Wei Dou Shu (Purple Star Astrology), Tan Lang is the sole star in my house of Self. This star, which represents xxx, forms an equilateral triangle with that star Qi Sha and Po Jun on the square chart and constitutes a Sha Po Lang pattern. The pattern indicates a kind of turbulence and change, a life of wandering with ups and downs and it tells a lot about my life. After my ill-fated youth, I started from scratch and traveled around the world with exhibitions that I participated. Like a flaneur, I wandered around ruins, nature, and temples with every type of film camera obliviously. Thus, I founded the Hall of Illusion and claimed to be the master of the hall. Several times a day, I pondered a quote from the Diamond Sutra, “Everything with form is unreal.” In addition, I usually stayed in the darkroom developing film and enlarging those negatives overnight. However, I treasured the simplicity of the black and white world. The earthly, gaudy, garish, phony and pleasing qualities within colored photos make the images even more realistic than the real world. It is not my cup of tea, so I seldom took colored photos. In Confucian thought, the age of fifty marks the stage knowing the mandate of Heaven. I am now at my fifties and realize how ephemeral human life is. However, I am not an immortal, nor having sagelike characteristics. I just learned that the stage of stainless (the second bhūmi) and develop a pure mind that is free from doubt and defilement. However, I’m still far from the immovable state and need to practice.
In the summer of 2017, after filming the work Incarnation, I experienced a severe heart rhythm problem which almost triggered myocardial infarction and could have killed me. Consequently, I realized that death was waiting for me and the life is too short to figure out how I can liberate myself from the cycle of Birth and Death. I couldn’t comprehend how to be free from all afflictions and worries and how to avoid delusive ideas. I wept for three days and nights after being enlightened by Shakyamuni Buddha. Up to the moment, I felt ashamed that I failed to realize that the self is as insignificant as dust after these years learning and practicing Buddhism. Since then, I have visited famous temples and monasteries in my spare time, worshiping Buddha, Bodhisattvas, arhats, and all the deities and immortals. Taiwan’s temples are myriad with a enormous number of sects, including Buddhism, Taoism, Yiguandao, Catholicism, Christianity, Chinese religions of fasting, Islam& Baháʼí Faith, Confucianism, Tiandiism& Tian-De Teachings, Xiwangmu cult, Yellow Emperor Sect, Precosmic Salvationism, Liism, World Wide Ethical Society, séance cult, etc. Some people even claim that they can mediate communication between the deities or spirits of the dead with human beings, having their believer rely on themselves instead of the orthodox dharma or dogma and pay excessive respect and admiration for the mediums or objects, accumulating wealth through such an unfair means or even harassing their believer sexually. Due to Taiwan’s historical changes, social turbulence, political struggles, and ideological issues, Buddhism and Taoism are somehow mixed. However, there are few emphases on the concept of the hell. As I took photographs of Yama of each court, judges, wardens of the underworld, jailers, General Fan and Hsieh (the ghost escorts) and all sinners, I found few temples cleverly created hellish scenes that are intriguing, exaggerating, and extraordinary. However, the creations are unparalleled unique. I have been studying Western arts for decades and then I came to realize that simplicity makes the most beautiful works of art. These hellish scenes can even compete with works of Giotto di Bondone (1267-1337) and Michelangelo Di lodovico Buonarroti Simoni (1475-1564).
Jingang Temple Shimen District, founded in 1986, overlooks the beautiful North shore. Although the temple is mainly dedicated to Phra Phrom (the Thai representation of Mahabrahma), spirits of Confucianism, Buddhism, and Taoism can also be founded in the temple. The worshipper can go cross the Seven Star bridge to relieve bad luck, walk along the five hundred arhat statues and knock on the gong to affirm one’s Buddha nature. Furthermore, the worshipper can also prostrate themself before Asia’s largest statue of Buddha in Nirvana (the Reclining Buddha statue) and pacify the Taoist Tai Sui deity of the year. I was impressed by the Jia-Zi Tai Sui General that a pair of palms grow out of his eyes. In 1994, the biō-kong (the person taking charge of the temporal affairs of a temple) received a divine inspiration from Yama (the King of Hell) that he had to build a sacred hall in the shape of a divine dragon, with the interior designed according to the World of Ultimate Bliss and the Underworld. When the visitor walks in the dark hallway, they will see the tortured people (dioramas, of course) scrunching their faces and crying bitterly and loudly in excessive grief as the visitor triggers the mechanism. One will even find them in the midst of flesh, body liquid and blood, mutilated limbs, and rotten corpses. While each of the ten Yamas are focusing on their own duties, showing their sacred dignity that collect visitors’ attention. The Baogong Temple in Linkou District, New Taipei City exclusively features colorful depiction of hellish scenes in relief in Taiwan. With its pastel shades and cartoon-like style, the relief is both grotesque and adorable at the same time. This temple is dedicated to Bao Zhen (also known as Justice Bao) representing the incarnation of Yama. Living people who have been treated unjustly can come worshipping Bao Gong and receive exorcism. Therefore, many people come here for seeking to solve unsolved cases. In Zhongyuan Festival (the ghost festival), the temple will burn the Zhizha (paper craft) boat to ferry the ghosts to the other shore, which is the shore of enlightenment. The only giant statue of Yama in Taiwan is still in the making. The temple is surrounded by a cemetery, suitable for meditating on the loathsomeness and impurity. Nantian Temple (1971), located next to the Eight Trigram Mountains Buddha in Changhua, features the first animatronic underworld. Despite the small size, the animatronic underworld is intensely shocking. Though it’s slightly worn, the colorful dioramas are still brutally ferocious. The creator was the late venerable Dao Zhang (Taoist priest) Jing Deng-fu while the origin of animatronic deities can be traced back to the 1960s Beigang Chaotian Temple. On the contrary, the Whiteman Toothpaste Tourism Factory in Shuishang Township, Chiayi, features ten Yamas with individual booth. The place is unexpectedly clean and polished yet keeps a simple and modest tone. Then, the Dragon Pagoda of the Dragon and Tiger Pagodas at Lotus Lake in Zuoying, Kaohsiung, holds the only relief of hellish scenes made of Kochin ceramic. All the figures are vivid and life-like. If one goes further into the pagoda, they will see a relief tunnel of the thirty-three incarnations of the white-robed form of Guanyin (Avalokiteśvara) on a white lotus, with a lovely and interesting design. Another Hall of Yama is built in the 1970s next to the entrance of Dagangshan Chaofeng Temple, located in the Alian District of Kaohsiung. Visitors will also see three statues of the Three Holy Ones of the Western Pureland (Amitābha, Avalokiteśvara, Mahāsthāmaprāpta) which assemble at a lotus pond. Although the hellish scene looks somewhat antiquated, you may still find its previous charm. If one goes further, they will reach the sculptural garden of “Attaining the Bodhi Way: the Incarnation of Sakyamuni Buddha,” where the visitor can see the essence of Bhagavato’s (meaning the Blessed one, one of the common epithets for Buddha) life. When Tathāgata (another epithet for Buddha) was old, the king of Kosala wanted to avenge the arrogance of the tribe of Shakyas who had long despised him, regarding him as a son of a maiden. Although Buddha has sat in lotus position alone three times to stop the army from attacking his tribe. However, one can never reverse the cause and following karma. The prince born of a maiden was so furious that he eventually destroyed his homeland. Maudgalyāyana (one of the Buddha’s closest disciples), who is said to have had supernatural abilities that surpassed the other disciples, could not bear to see the slaughter of innocent people. Thus, he saved five hundred people of his tribe with a pātra (an eating utensil of Buddhist monks). Unfortunately, everything he did was in vain, those who were saved eventually turned into a puddle of blood. The Buddha said that the supernatural abilities cannot surpass the power of karma. The cause and effect work all the time. When Maudgalyāyana’s mother fell into the path of hungry ghost, he used his supernatural abilities to save his mother from hunger. However, all the food turned into fire before being fed to his mother. Later, the Buddha commanded the monks to put nectar and dishes in a basin on the 15th day of the seventh month in the lunar calendar for the monks from all directions to free his mother from reincarnation. In later times, the Ullambana Dharma Service, the Compassionate Samadhi Water Repentance, and the Yoga Collection for Feeding the Searing Mouths Dharma Service are rituals to eliminate karmic hindrance and to cease to worldly delusions. Through such practices, one can free the dead as well as confess their repentance.
Madou Daitian Temple is a magnificent and colorful temple in Tainan. Not only can the worshippers visit the eighteen levels of Hell but also the Heaven (it was built in 1979 and inaugurated in 1983) here. The lighting and sound effects are stunning and frightening. When walking alone in the space, one may feel like taking a Guan Luo Yin trip (a Taoist necromancy which leads people’s spirits to hell and communicate with the dead ones) to visit the underworld prison. Before arriving the first court of the underworld, the visitor will walk through the Mountain of Heart Summit, the Pure Heart Pond, the Frontier between the Living and the Dead Realms, the Soul Registry Hall, the Portico of Demons, the Center for Complementary Teaching of Canonical Books, the Citadel of Premature Death, and the Bridge of Vanity. When one arrives at the first court, they will see King Chin-guang, who is in charge of the court, using the Mirror of Retribution to show the earthly form of evil creatures and also witness the sub-hell of Pillar-Holding and Fire Bed, etc. At the second court, King Chu-jiang collates the register of sins the souls of the dead have committed to impose the punishments. Here, you will see the sub-hell of Excrement and Urine, Hungry Ghost, Burning Dance Floor, Ice, Pus and Blood, Whipping, Tongue-Raking, Sword Blade, Stomach-Piercing, Chopping, etc. Next, the dead at the third court, ruled by King Song-di, will receive the punishments including inversion tortures, face-skinning with steel and copper knife, eye-wrenching, pounding, blood-sucking, rib-piercing, roasting, tendon-taking, being eaten by maggots. The visitor can pay a visit to the Palace of Soul-Resuscitation for the Four Forms of Creatures (birth from an egg, birth from a womb, birth from moisture, and birth by transformation). King Wu-guan is in charge of the fourth court. There are sixteen sub-hells at the fourth court including Waist Chop, Tongue Removal, Boiling Pond, Mouth-stabbing, Skin-peeling, Sword Tree, Burning Wheels and Cart, Eye-shooting, etc. Next, at the fifth court, sinful souls are allowed to ascend the Tower of Hometown-Viewing to take a final look of their family. The visitor will witness sub-hells of Knee-striking, Heart-slicing, Blade Mountain, Flying Swords and Burning Stones, etc. The King of Bian City takes charge of the sixth court, which is also known as the “Great Hell of Screaming,” with sub-hells including Fire Cattle, Tiger-Biting, Kidney-Eating, Mouth-Poking, Throat-Nailing, Iron Mill, Decapitation, etc. The King of Tai-shan is in charge of the seventh court, the “Great Hell of Heat and Fire.” The sixteen sub-hells at this court include Finger-Searing, Bowel-Hauling, Stone-Bearing, Boiling Oil, Tongue-Removal and Cheek-Piercing, etc. Next, the King Du-shi is in charge of the eighth court, the “Great Hell of Intense Fire and Heat,” and the sub-hells including Fire Dogs, Molten Iron, Iron Snakes, Dismemberment, Steel Spikes, Burning-Marrow, Iron Ball, Scale, etc. The ninth court is ruled by the King Ping-deng. It is known as the biggest court, Avici Hell (the Hell of Incessant Suffering), which if the lowest level of the hell realm and the interior is gloomily and terrifyingly dark. Those who committed the most serious evil deed will be sent to the Avici Hell. Sub-hells such as Poisonous Snake, Brain-Removal, Crow-Gnawing, Raining Needles, Wasps and Scorpions are included at this court. After arriving the tenth court, ruled by the Great King of the Reincarnation Palace, one can visit the “Observatory of Life on earth” and the “eight bureaus of the Reincarnation Palace” (including the Bureau of Judicial Control, the Bureau of Good-Actions, the Bureau of Bad-Actions, the Bureau of Debts, Gratitude, and Vengeance, the Bureau of Longevity and Destiny, the Bureau of Familial Ties, the Bureau of the Reincarnated, and the Bureau of Birth). The sinful one will be sent to the Pavilion of Mengpo and made to drink the Soup of Forgetfulness to forget all past affairs. According to the sinful one’s merits of previous life, they will go across one of the six bridges (gold, silver, jade, stone, wood, bamboo) to the “Reincarnation-Wheel (Wheel on the Crimson River).” Finally, one is able to reborn in the six realms. According to the Aṣṭadaśa nāraka sutra ( the Eighteen Hells Sutra), after one passes away, they will enter an intermediate and transitional state between death and rebirth, known as antarābhava in Sanskrit, for forty-nine days. The being will be evaluated by Yama, who will decide if one should get reborn or get punished at the hell. Those who committed the Five Grave Offenses (killing one’s father, killing one’s mother, killing an Arhat, shedding the blood of a Buddha, and creating a schism within the community of Buddhist monks and nun who practice for attaining enlightenment.) will be sent to the Avici Hell and stay there eternally. Kṣitigarbha is the Lord of the Nether World, ruling the ten court of Hell. The lord will set up the “Hall of Teaching” at each court to salvage those sinful ones who still obtain few merits at the offering rituals.
Human beings live the Sahā world (sahāloka in Sanskrit, meaning “endurance of suffering,” a concept of mundane world in Mahāyāna Buddhism) where they share with other reincarnations (including beings of the hells, of the preta, and of malevolent nature spirits) with five turbidities (the Kalpa turbidity, the view turbidity, the affliction turbidity, the living beings turbidity, and the life turbidity). Those who commit the ten evil deeds (killing, stealing, adultery, lying, using immoral language, slandering, equivocating, coveting, anger, and false views) must fall into the three evil paths (animals, preta, and hell). However, how can one escape from the three realms/ twenty-eight heavens (including the six heavens of the desire realm, the eighteen heavens of the form realm, and the four heavens of the formless realm)? Worldly people who don’t have such an awareness cannot leave the cycle of the twelve nidanas (meaning causes or motivations), let alone eliminate the eighty-one afflictions (that have been produced due to misunderstanding regarding reality) and the eighty-eight illusions (including five afflictions of advanced practitioners, also known as five views: view of self, extreme view, evil view, view of attachment to views, and view of morality; and five unintelligent temptations: desire, anger, stupidity, arrogance, and doubt) of thought within the three realms and four Arya satyas (noble truths, including suffering, arising, ending, and path). They cannot realize that the essence of the five skandhas (referring to aggregates of clinging, including the matter of form, sensation, recognition, mental formation, and consciousness) , the twelve ayatana (meaning sense base, including six internal bases: eye, ear, nose, tongue, body, and mind and six external bases: visible objects, sound, odor, taste, touch, and mental objects), and the eighteen dhātavah (meaning compositional elements of human existence, including six consciousness, six faculties, and their objects) are the emptiness and the void. Furthermore, they cannot dispel the two reasons for clinging to the idea of the self and the attachment to elemental constructs and even believe in the two (false) tenets that that karma and nirvana are not real and that the ego and phenomena are real. As a consequence, they fail to develop the eleven wholesome mental factors (faith, energy, conscience, being ashamed, non-attachment, non-aggression, non-delusion, calmness, equanimity, conscientiousness, and non-injuriousness) and cease the sixteen unwholesome mental factors (desire, greed, anger, delusion, arrogance, doubt, wrong view, wrath, enmity, hypocrisy, vexation, jealousy, parsimony, deceit, flattery, harming, ambitiousness, stupidity, lacking of faith, idleness, being unrestrained, forgetting, distraction, non-discernment, ). One must bear in mind that once all our virtuous roots are discontinued, they will be trapped in the never-ending reincarnation and the suffering of infinite continuity.
Is it possible that the hell will be empty one day? If the beings in hell will become extinct while evil spirits inhabit the mundane world, the world could be considered as a pure land. If we could witness the nature of the void, then hell will exist no more.
Since ancient times, the concept of hell has been widely spread among all tribes. Aging, death, beginning, and end are the basis of nature and the core of cosmic consciousness. However, the prosperous civilization as our island is not a place where desire can be eliminated. It’s impossible to eradicate evil nature. Since fetters brought by the constitution, the state, the law, society, the military, corporations, schools, families, and groups are not less than the eighteen levels of hell, the mortals repress themselves, bury their feelings. Day after day, greed, anger, stupidity, arrogance, doubt, and resentment are stacking. However, since the six dust (visible objects, sound, odor, taste, touch, and mental objects) has not yet been extinguished, people in the mundane world are still full of delusions. The demons, devils, evil spirits, and the wondering dead exist in the wilderness, while only advanced practitioners with transcendent would attempt to make contact with the dead in the wasteland and forest. Worldly people like us trespass in Disneyland-like man-made hell. It is absurd and ridiculous that the hellish scenes cannot stop us from perpetrating evil deeds, but the horrific and cruel scenes yet satisfy our self-righteous shame.
The pandemic has been boiling over for more than a year and a half. The number of infected patients worldwide is nearly a hundred and eighty million, and the death toll has risen to four million, which is equivalent to a war crisis. I hope that we can all be compassionate, give peace to the dead, treat all sentient beings well and equally. The hell is innately empty; however, deluded and misleading thoughts would give rise to all jealousy and hatred and then manifest the hell before us. This book merely serves as a memorandum of conscience for dictators of the world’s new cold war, supporters of unrestrained warfare, dark web hackers, and those who are cunning and contemptuous and maltreat others when knowing they have problems.
June 2021,
Yao Jui-chung
turbulence 在 練黑龍 Facebook 的最佳解答
【 鈊 】儘量去彌補,難逃那煩惱。
#黃偉文 #dearjane #亂流下平安 #銀河修理員 #親愛的珍 #peace #平安 #和平 #iwillnowrecapinenglish #dawn #黎明 #曙光 #turbulence
turbulence 在 林欣彤 Mag Lam Youtube 的精選貼文
林欣彤 最新作品 〈林中鳥〉
由林家謙監製並度身譜曲
在漩渦中尋找快樂,在黑暗中發芽生長。
掠過狂風暴雨,總會找到一片雲彩。
需要堅持多久,才能夠飛出樹林?
面對撲面而來的亂流,
又如何才能夠承受?
在航道上,晴天和雨天都是必然。
而正正是這些所遇過的,
成為了生命上特別的風景,
讓我們成為獨一無二的林中鳥。
— 〈林中鳥〉填詞人 馮松興
林欣彤最新歌曲〈林中鳥〉是一首盛載着盼望的歌曲。歌曲由林家謙監製和作曲,這次亦是他首次獨自為其他歌手擔任監製。林家謙分享他無論在作曲或尋找填詞人馮松興作詞的時候已經視林欣彤為歌曲的主人,特意為她度身譜出一首音域較闊的歌曲,歌詞亦是描繪著林欣彤的心聲。我們總會經歷不同天氣,不論是晴天或雨天,都成為了我們生命中的一個里程,讓我們成為更好的自己。在漩渦中尋找快樂,在黑暗中發芽生長。一隻林中鳥經過狂風暴雨飛過萬里,總會找到一片雲彩。
願我們都能在黑暗中尋找快樂,
掠過各種天氣,自由自在的隨風飄散。
Listen: https://MagLam.lnk.to/Turbulence
曲:林家謙
詞:馮松興
編:Vigilant Nation / 林家謙
監:林家謙
我的一生 有過太多心聲 要去寄存 再寄存
置身風中 見過太多風景 每趟旅程 都太短
等雨路過 哭聲笑聲也路過
晴空也路過 其實落雪亦有快樂
漩渦中我都不怕
狂風中更加瀟灑看吧
聽著雨下降吧
如航道之中暗得可怕
離不開便開心飛舞吧
努力試著放下
Wanna fly
林外的高處景致如畫
隨願隨風飄散得優雅
和種子在某天發芽
我的心境 透過這些歌 唱過友情 與愛情
你的天空 有了我身影 每趟旅程 好看嗎
等你為我 艱苦也都快樂過
毋須掛念我 遙望著我亦已不錯
漩渦中我都不怕
狂風中更加瀟灑看吧
聽著雨下降吧
如航道之中暗得可怕
離不開便開心飛舞吧
努力試著放下
Wanna fly
林外的高處景致如畫
隨願隨風飄散得優雅
和種子在某天飛散吧
橫越幾公里 幾千里 滿面塵埃
追趕著 新生活 從鬧市離開
未來 可以 發亮 照耀嗎
漩渦中我都不怕
狂風中更加瀟灑看吧
聽著雨下降吧
如航道之中暗得可怕
何要怕在黑暗下發芽
就算荒野仍要走過
迷惘的我都想過離開
飛過岩石掠過海
如若隨風飄散於一片雲海中
更顯得高貴吧
耀眼 像星塵
---------------------------------------
Connect with Mag Lam
Facebook: https://www.facebook.com/maglamstudio/
Instagram: https://www.instagram.com/maglam_/
Weibo: https://www.weibo.com/n/Mag林欣彤
Website: http://www.warnermusic.com.hk
© 2021 Warner Music Hong Kong Ltd.
turbulence 在 半瓶醋 Youtube 的最佳貼文
#危機任務 #TURBULENCE
其他出沒地區
►【半瓶醋】LBRY頻道
https://odysee.com/$/invite/@bpf1980:5
►Twitch【半瓶醋】
https://www.twitch.tv/bpf1980
每週五晚上九點半的【半瓶醋夜未眠】
►【半瓶醋】臉書粉專
https://vinegarfilmcafe.pros.is/QDDQT
這邊其實是每天都在出沒的區域
►【半瓶醋】IG
https://www.instagram.com/baofuzhang/
其實一直沒有很習慣用IG...
►YouTube頻道【半瓶醋】
https://pros.is/RDVPU
Podcast
基本上就是把【半瓶醋夜未眠】當中的精選討論片段放上去,不想看畫面只想聽聲音的朋友可取用。
►iTunes Podcast【半瓶醋】
https://pros.is/SRYWZ
►Spotify Podcast【半瓶醋】
https://vinegarfilmcafe.pros.is/SN9AN
部落格:之前有很多個部落格,不過目前縮減到只有兩個還在更新
►GQ【半瓶醋】
https://vinegarfilmcafe.pros.is/THT4V
►巴哈姆特【半瓶醋】
https://vinegarfilmcafe.pros.is/SPSUU
專欄:媒體合作的供稿,不定期出影評
►派特88【半瓶醋】
https://vinegarfilmcafe.pros.is/T3HRD
All videos on my channel are only used for commentary.
Copyright Disclaimer Under Section 107 of the Copyright Act 1976, allowance is made for "fair use" for purposes such as criticism, comment, news reporting, teaching, scholarship, and research. Fair use is a use permitted by copyright statute that might otherwise be infringing. Non-profit, educational or personal use tips the balance in favor of fair use.
turbulence 在 空姐報報Emily Youtube 的最佳解答
#空姐 #Emily報報 #podcast
男女約會的時候,比較喜歡偏向男生付錢,或是各自付一半的AA制呢?
他沒幫妳付錢,就是不夠喜歡妳?男生請客是大氣或是負氣?
究竟女生應該要怎麼做,才不會傷了男生的自尊心
為彼此在對方心中留下好的印象,開啟一段美好的緣分開端!
本集精華:
📍主動AA制就是好女孩嗎?
📍約會應該多數都要男生付帳才是?
📍他沒幫妳付錢,就是不夠喜歡妳?
📍男生請客是大氣或是負氣?
📍女生怎麼做才不會傷了男生的自尊心?
📍吵架為何要翻有關錢的舊帳?
📍怎樣當個體貼但又有底氣的女孩?
✈️這集節目的航空小知識單元:Turbulence
👱🏻♀️高端服務力 - Emily報報的飛行觀察 《早鳥優惠499元》:https://lihi1.com/yiGsk
你如果喜歡這一集的節目,也歡迎大家在itune store給我五顆星的評價:https://lihi1.com/TQDRa ,也可以留言鼓勵我喔
有什麼意見或是想法
記得留下你的意見告訴我喔!
♥影片關鍵字♥
台灣空姐/Emily/crew/cx/cathaypacific/國泰/國泰空姐/空姐報報
♥聯絡空姐報報Emily♥
我的連絡信箱:emilyposthk@gmail.com
♥Emily♥
追起來Instagram,有許多有趣的飛行小故事和彩蛋分享:https://www.instagram.com/emily_cpy/
讚起來Facebook,會有我的精彩寫作和直播內容:https://www.facebook.com/emilyposthk/
訂起來Youtube,有關於我的空服員工作大解密,以及考空姐教學:https://www.youtube.com/channel/UCb5tjEJ7ecUniOwxKPYqlVA
聽起來Podcast,有關於自我成長、工作甘苦、世界文化與旅遊時事等相關內容:https://lihi1.com/CIGQ9
turbulence 在 turbulence - 擾動 - 國家教育研究院雙語詞彙 的相關結果
請輸入您的使用者帳號密碼 · 擾動 · Disturbance · 名詞解釋: 任何改變生物群聚穩定狀態的因子。擾動通常可分為物理因子和生物因子二大類。物理因子包括火災、風災、山崩、 ... ... <看更多>
turbulence 在 亂流- 維基百科,自由的百科全書 的相關結果
亂流(英語:turbulence),也稱為紊流,是流體的一種流動狀態。當流速很小時,流體分層流動,互不混合,稱為層流,或稱為片流;逐漸增加流速,流體的流線開始出現波浪 ... ... <看更多>
turbulence 在 turbulence中文(繁體)翻譯:劍橋詞典 的相關結果
turbulence 翻譯:騷亂, 騷亂,騷動;動盪,混亂, 氣體/水的活動, (氣體或水形成的)紊流,湍流。了解更多。 ... <看更多>