ยิ่งขึ้นราคา ยิ่งขายดี??
เป็นไปได้จริงๆเหรอ???
===============
ตอนที่ผมสร้างคลาส iCLASS34
High Ticket Market
แล้วพูดที่หน้าเพจวันแรก
ถึงไอเดียทำการตลาดสู่กลุ่มลูกค้าPremium
ไม่ใช่แค่พี่น้องเราที่หน้าเพจ
แต่คนใกล้ตัวผม
เพื่อนๆผม
ก็แทบไม่มีใครเชื่อ
แต่ละคนบอกว่า...
“ยิ่งขึ้นราคา ยิ่งขายดีเนี่ยนะ?
หรือ
“ไม่ให้ลดราคา แล้วจะขายได้ยังไง?”
——————รวมถึงเคสหลายเคสใน1Year
ที่ผมถ่ายทอดเคสไอเดียนี้ให้กับเค้า
มาล่วงหน้าแล้ว1-2ปี
ปัจจุบันมีพี่น้อง140กว่าคนอยู่ในนั้น
หลายคนเลยที่ไม่เชื่อไอเดียนี้แต่แรก
แต่บรรยากาศมันเป็นเรื่องที่สำคัญ
สภาพแวดล้อมมีผลต่อความเชื่อ
ด้วยความที่
อยู่ด้วยกันตลอดเวลา
และแต่ละคนก็เริ่มไม่ลดราคา
เริ่มขึ้นราคาไปสู่กลุ่ม High ticket
แล้วขายดีโตเอาๆ
หลายคนโต 4เท่า
บางคนโตไปถึง20เท่า
น้องน้ำที่ทำธุรกิจสักคิ้ว
ร้าน Bellezza Brows Expert
ธุรกิจโตไป4เท่า
ทั้งๆที่ใช้สถานที่ๆเดิม
CEO เมย์
เจ้าของรีสอร์ท2หลัง
บ้านไร่ไออุ่น เพชรบูรณ์
ไออุ่นรีสอร์ท สระบุรี
โตธุรกิจรีสอร์ท20เท่า
ในพื่นที่เดิม
คุณไก่ที่ทำร้านสูท
โตธุรกิจหลายเท่าตัว
จนใกล้จะทะลุ100ล้าน
และพี่ๆน้องในนั้น
100กว่าธุรกิจใน1Yearที่โตเพราะ
การทำ High ticket
(มีโอกาสจะมาแชร์ให้ฟังวันหลังอีก)
จนกลายเป็นหลักฐาน
จนกลายเป็นมาตรฐาน
กลายเป็นเรื่องปกติ
ใน1YearCLUB
—————————คนที่ตามมาหลังๆ
แรกๆก็ทำใจยาก
มีคำถามแบบเดียวกันว่า
“ยิ่งขึ้นราคา ยิ่งขายดีเนี่ยนะ?
หรือ
“ไม่ให้ลดราคา แล้วจะขายได้ยังไง?
เหมือนกับเคสเฮียตี๋ย์
ที่เค้าทำเต็นท์รถมือ2
ที่ผมทำคลิปไปก่อนหน้านี้
ที่เค้าตัดสินใจไม่ลดราคา
แล้วกลับกลายเป็นขายดี
ลูกค้าแนะนำบอกต่อ
หลั่งไหลเข้า
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย
เป็นประวัติการณ์ตลอดตั้งแต่ขายรถมา
=============
รวมถึง
ความลับนี่ผมถ่ายทอดให้พี่น้องใน
iCLASS34 ซึ่งกำลัง ลุยกันอยู่ตอนนี้
อย่างถ้าพี่น้องเห็นในรูปบทความนี้
จะมีCommentจากพี่น้อง
ที่winningday
แชร์ความสำเร็จกันเวลาเอาเทคนิคไหนไปทำ
>>>>>
“เมื่อวันที่ 25/9/21 ผมลองนำไอเดีย In/Up/Max
มาลองใช้ในธุรกิจ ทั้ง 2 ธุรกิจ
ในธุรกิจแรก Pitch จากเริ่ม 2.4m
ใช้ STS อัพไปเรื่อยๆ
สุดท้ายมาได้ราคา Max ที่ 16.4 ล้าน เฉยเลย
ตะลึงมาก ไม่นึกว่าตัวเองจะทำได้ขนาดนี้”
และอีกข้อความ......
4 วันที่ผ่านไฟลุกมากๆค่ะอาจารย์
เรียกได้ว่าคุยกับคนที่บ้านตลอด
จนคนที่บ้านบอกว่า พักผ่อนก่อนมั้ยยยย !!!
ต้องบอกเลยว่า หยุดไม่ได้จริงๆ ค่ะ
“” 4 วันที่ผ่านมากลับไปฟังลูกค้าได้ถูกคนมาค่ะ
และยอดกลับมาพุ่งอีกแล้ววว 4 แสนไปเล้ยยยค่ะ
แถมเมื่อกี้ ก่อนเข้าเรียน 20:40 น.
ปิดดีลไปกับลูกค้าตัวจริงที่ 40K
ทุกคนต้องอยู่ ต้องจุมตัวกับพี่ๆ
กลุ่มนี้จริงๆค่ะ แล้วจะไฟลุก
แล้วจะฟินส์มากๆ แบบบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ”””
<<<<<<<<
———————คำถามคือ....
เราเห็นลัพธ์ตัวเป็นๆแล้ว
สดๆร้อนจากคนที่ได้ไอเดียนี้
คำถาม......
“มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ”
“ทำไมเป็นแบบนั้น?”
ทำไมยิ่งแพงยิ่งขายดี?
ทำไมเราขึ้นราคาแล้วขายได้?
ทำไมเราไม่ลดราคาแล้ว
เรายิ่งขายดี?
————————ตั้งใจอ่านด้านล่างนะครับ
วันนี้ผมแชร์จิตวิทยาส่วนนึง2-3มุม
จาก40-50ไอเดียในคลาสiCLASS34
High Ticket Market
สามารถเอาไปใช้กันได้เลย
Key…..
1-จิตวิทยาคือ...
เมื่อเราตัดสินใจไม่ลดราคา หรือขึ้นราคาขึ้นไปอีก
=เราเลือกที่จะไม่ได้ใช้ราคาเป็นจุดขาย
=เราไม่ได้กำลังเลือกคนที่สนใจแต่เรื่องราคาถูก
เข้ามาเป็นลูกค้าเรา
2.เพราะโดยปกติจะมีจะมีลูกค้า 80%
ที่สนแต่เรื่องราคาถูกเพียงอย่างเดียว
แต่.....
“จะมีลูกค้าถึง20%ที่ตัดสินใจเลือกเพราะ
คุณค่าอะไรบางอย่าง
ไม่ได้สนเรื่องราคา”
3.กลุ่มคน80%มีเงิน20%ของตลาด
กลุ่มคน20%มีเงิน80%ของตลาด
=หมายความว่าคนน้อยกว่า
แต่มีเงินมากกว่ามาก
(และเค้ายินดีจ่ายเงินด้วยเหตุผลอื่นๆที่ไม่ใช่ราคา)
4.กลุ่มคน80%ที่สนแต่ราคาถูก
เวลาบอกต่อคุณ
เค้าจะบอกต่อว่าร้านนี้ราคาถูก
(แต่ถ้าวันนั้นมีใครทำถูกกว่าคุณ
เค้าก็เปลี่ยนไปใช้/ไปชมร้านอื่น)
5..กลุ่มคน20% ที่สนเรื่องคุณค่า
ไม่ได้สนเรื่องราคา
ที่เค้าซื้อเพราะคุณค่าที่คุณมอบให้จริงๆ
เวลาเค้าบอกต่อ
“เค้าก็จะบอกต่อคุณค่าที่เค้าได้รับ”
(เช่นไปร้านนี้เลย บริการดีมาก ใส่ใจจริง
ไปร้านนี้เลยเจ้าของรู้จริงมากๆ
ไปซื้อที่นี่ ที่นี้เจ้าของเป็นตัวจริงเรื่องนี้)
“เค้าบอกต่อคุณ
เพราะคุณค่าของตัวคุณจริงๆ”
6.ธุรกิจที่จะโตได้อย่างยั่งยืน
ไม่ได้มาจากการทำการตลาดไปเรื่อยๆ
ยิงแอดทุกวัน โฆษณาทุกวัน
แต่ธุรกิจที่ยั่งยืนจริงๆ
“โตจากการบอกต่อ ปากต่อปาก”
ธุรกิจที่ไประดับโลก
หรือไปได้ไกล
เค้าทำโฆษณาแค่ระยะนึง
แล้วหลังจากนั้น
ลูกค้าเป็นคนทำการตลาดบอกต่อเค้า
(คุณลองดูรอบตัวคุณ
ว่าหลายอย่างคุณซื้อเพราะ
การบอกต่อ)
7.ถ้าคนบอกต่อเพราะคุณค่า
คนที่สนคุณค่านั้น
ก็จะแนะนำบอกต่อ
คนที่อยากได้คุณค่านั้น
เข้ามาหาคุณเรื่อยๆ
มากขึ้นๆๆๆ
2เป็น4 คน
4เป็น8คน
8เป็น16คน
กลายเป็น1000 10,000
เทมาหาคุณทวีคูณอย่างรวดเร็ว
“ธุรกิจคุณก็โตก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว”
8.แต่ถ้าคุณตัดสินใจทำธุรกิจ
ขายสินค้า
และบริการ
ด้วยจุดเด่นที่สุดคือ....
“ราคาถูกที่สุด”
คุณก็คงแอบเห็นภาพในหัวใช่ไหม
ว่าคนก็คงไปบอกต่อคุณว่า
“ไปซื้อกับคุณสิ
คุณขายถูกที่สุด”
แล้วคุณก็เห็นภาพธุรกิจคุณโต
มากขึ้นๆๆๆ
2เป็น4
4เป็น8
8เป็น16
กลายเป็น1000 10,000
เทมาหาคุณทวีคูณอย่างรวดเร็ว?
ธุรกิจคุณก็โตก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว???
9.Keyที่แท้จริงคือ...
“ถ้าคุณมีจุดแข็งเดียว”
“ราคาถูกที่สุด”
คำถามคือ
“ถ้าเกิดวันข้างหน้าจะมีเจ้าที่ทำราคา
ถูกที่สุดเข้ามาแข่งในตลาดคุณล่ะ?”
คุณเห็นความไม่ยั่งยืนของมันแล้วใช่ไหม?
ภาพ
2เป็น4
4เป็น8
8เป็น16
กลายเป็น1000 10,000
เทมาหาคุณทวีคูณอย่างรวดเร็ว?
ธุรกิจคุณก็โตก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว???
หายไปกับตาจริงไหม?
เพราะลูกค้าที่คุณขาย
เค้าจะแนะนำอะไรคุณให้เพื่อนเค้าอีกล่ะ?
ในเมื่อคุณไม่ได้ถูกที่สุดแล้ว
และตัวเค้าเองนั้นแหละ
ก็อาจจะย้ายไปใช้กับอีกเจ้า
10.แต่ตรงข้าม.....
ถ้าเราเลิกคิดว่าเราจะลดราคา
หรือ
เราจะขึ้นราคาขึ้นไป
เหมือนเคสเฮียตี๋ย์ /CEO เมย์ /น้องน้ำ/คุณไก่
ที่ยกตัวอย่างด้านบน
ที่ไม่ได้เอาจุดแข็งเรื่องราคามาตั้ง
11.เค้าจะเริ่มคิดถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจริงๆ
ได้ทำการบ้านจริงๆ
มองลึกในตัวเค้าจริงๆ
ว่าเค้าต้องการอะไร
แล้วตอบโจทย์
“ซึ่งเป็นสิ่งที่คนขายควรจะทำอย่างแท้จริง”
(ผมอยากให้โลกมันเป็นแบบนี้มาก
เพราะมันทำให้ทุกอย่าง win win win
คนซื้อได้สิ่งที่ดีที่สุด
คนขายรวยขึ้นๆคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ก็นำเงินไปลงทุนกับสินค้าและบริการต่อ
ก็นำของดีมาส่งมอบให้ผู้คนมากขึ้น)
(เพราะผมเบื่อกับและรำคาญ
กับการซื่อของไม่ดี ไม่ได้คุณภาพ
ผมไม่ได้อยากซื้อของถูก
คนขายไม่ดี ไม่รับผิดชอบ
เพราะเค้าเองก็ไม่มีกำไรมากพอ
จะรับผิดชอบหรือพัฒนาอะไรได้
ผมไม่อยากมาหงุดหงิดเรื่องพวกนี้)
12.ถ้าคนทำธุรกิจเค้าทำข้อ11
ก็จะโดนใจลูกค้าจังๆเพราะ
มันเป็นปัญหาที่แท้จริงของเค้า
หรือสิ่งที่เค้าต้องการจริงๆ
13.เมื่อโดนใจ
เค้าก็บอกต่อคุณค่านั้น
ออกไปสู่คนอื่นๆ
และคนอื่นๆที่มาใช้สินค้าหรือบริการ
ก็บอกต่อแนะนำคุณนั้น
14.ธุรกิจก็จะโตก้าวกระโดดไวมาก
และโตอย่างยั่งยืน
เพราะคนบอกต่อคุณค่าของคุณจริงๆ
เพราะตัวตนของคุณจริงๆ
(((และนี่ก็เป็นตัวอย่าง
เคสพี่น้องใน1Year
หรือในรูปก็เป็น
พี่น้องในคลาสiCLASS34
High Ticket Market
ที่ลงมือทำจนเห็นผลอย่างรวดเร็ว
จากการไม่ลดราคา
(ยังมีwinning dayในนั้นอีก100กว่าข้อความ)
(จากพี่น้อง200กว่าคนในคลาส)
ที่เรียนไปได้ครึ่งทาง)))))
ลุยครับ
ทุกคน
“อยากได้ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้”
และ
“ได้ใช้เรื่องนี้จริงๆ”
เพราะนอกจากธุรกิจเรา
จะโตก้าวกระโดดไวมาก
และโตอย่างยั่งยืน
เพราะคนบอกต่อคุณค่าของคุณจริงๆ
เพราะตัวตนของคุณจริงๆ
และมันยังทำให้ทุกอย่าง
“ win win win”
“คนซื้อได้สิ่งที่ดีที่สุด”
“คนขายรวยขึ้นๆคุณภาพชีวิตดีขึ้น”
“ก็นำเงินไปลงทุนกับสินค้าและบริการต่อ”
ท้ายที่สุด
“ก็นำของดีมาส่งมอบให้ผู้คนมากขึ้น”
“ win win win”
ขึ้นไปอีก
และทั้งหมดนี่คือเหตุผลของการที่....
“ยิ่งขึ้นราคา ยิ่งขายดี”
เช้านี้สวัสดีครับ
พี่น้องทุกคน
A10(เอเท็น)
同時也有17部Youtube影片,追蹤數超過87萬的網紅Necross Melphist,也在其Youtube影片中提到,สอบถามสั่งซื้อแว่น OPHTUS ได้ที่ : https://www.facebook.com/ophtus/ รับทันทีส่วนลด 100 บาทเมื่อแจ้ง Code : “NECROSS” ในการสั่งซื้อ เลือกซื้อ Line St...
「100 คำถาม」的推薦目錄:
- 關於100 คำถาม 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的精選貼文
- 關於100 คำถาม 在 สมองไหล Facebook 的最佳貼文
- 關於100 คำถาม 在 สมองไหล Facebook 的最佳貼文
- 關於100 คำถาม 在 Necross Melphist Youtube 的精選貼文
- 關於100 คำถาม 在 ชาญชัย กินให้อ้วนรวย Youtube 的最佳貼文
- 關於100 คำถาม 在 ชาญชัย กินให้อ้วนรวย Youtube 的最佳解答
- 關於100 คำถาม 在 100+ คำถาม-คำตอบ 50 เรื่องราวความรู้สึก | คำนี้ดี EP.962 Feat. ฝน ... 的評價
- 關於100 คำถาม 在 100 คำถาม แสนทรมาน - YouTube 的評價
- 關於100 คำถาม 在 ำถามน่ารู้อีกมา - Facebook 的評價
- 關於100 คำถาม 在 Blue Credit Card บัตรเครดิตเติมน้ำมัน & ไลฟสไตล์ - ธนาคารกสิกรไทย 的評價
100 คำถาม 在 สมองไหล Facebook 的最佳貼文
BMW คือ รถในฝันของผมตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และในวันนี้ความฝันของผมก็เป็นจริงแล้วในวัย 24 ปี ถือว่าเร็วเกินฝัน เพราะถ้าย้อนกลับไปสมัยเรียน หรือ ปีที่แล้ว ด้วยราคาของรถ และ ความเป็นไปได้ของรายได้ ณ ตอนนั้น ผมคิดว่าตัวเองจะได้นั่งรถ BMW อย่างเร็วสุดก็คงอายุ 40 ปี ที่สำคัญ คือ ผมถอยมันออกมาในวันที่ 13 สิงหาคม ซึ่งตรงกับวันคนถนัดซ้ายสากลพอดี (เพราะผมถนัดซ้าย)
.
อย่างไรก็ตาม หากการซื้อรถ BMW คันนึง เป็นเพียงแค่การได้เป็นเจ้าของรถหรู ก็คงไม่ใช่ สมองไหล เพราะแน่นอนว่าการพิชิตรถในฝันในครั้งนี้ มันได้ให้บทเรียนทั้งในด้าน การเงิน ธุรกิจ การตลาด และ แรงบันดาลใจ กับผมมากมาย ผมจึงกลั่นออกมาเป็น 3 ข้อคิด มาเล่าให้ทุกคนฟังในบทความนี้ครับ
.
1. เมื่อไหร่ที่คุณบอกตัวเองว่า “คุณจ่ายไหว” นั่นคือ สัญญาณว่า “คุณจ่ายไม่ไหว” เพราะถ้าคุณจ่ายไหวจริงๆ คุณต้องสามารถซื้อของสิ่งนั้นได้เลยทันทีโดยไม่ต้องถามคำถามนี้กับตัวเอง เพราะมันไม่ได้มีผลอะไรต่ออนาคตของคุณ เหมือนกับที่เวลาที่คุณซื้อหมากฝรั่งนั่นแหละ คุณไม่มานั่งคิดหรอก ว่าคุณจะจ่ายค่าหมากฝรั่งไหวไหม
.
นี่คือ คำพูดที่ M.J. DeMarco ได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ The Millionaire Fastlane ซึ่งผมคิดว่าจริงมากๆ เพราะผมเคยมีประสบการณ์ถามตัวเองว่า “จ่ายไหวไหม คงจ่ายไหวแหละ” เวลาจะซื้อของ โดยเฉพาะการซื้อผ่อน และ สุดท้ายก็ต้องผ่อนแบบทุลักทุเลจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดทุกที
.
นับตั้งแต่ผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ทุกครั้งที่ผมมีคำถามในหัวระหว่าง “จ่ายไหว” กับ “จ่ายไม่ไหว” (ซึ่งก็มักจะลงเอยด้วยการหลอกตัวเองว่า “จ่ายไหว”) ผมจะไม่ซื้อของสิ่งนั้นอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอะไรที่ไม่ใช่ทรัพย์สิน หรือ การลงทุน
.
ดังนั้น ทุกครั้งที่ผมจะซื้อของ ไม่ว่าของสิ่งนั้น จะเล็ก จะใหญ่ จะถูก หรือ จะแพง ผมจะต้องมีเงินสดพร้อม และ ไม่มีคำถามว่าจ่ายไหวไหม
.
ทุกครั้งที่ผมจะซื้ออะไรก็ตาม ผมจะต้องเลือกระหว่าง “ซื้อสด” หรือ “ซื้อผ่อน” เท่านั้น ไม่ใช่ เลือกได้แค่ “ซื้อผ่อน” แล้วมานั่งคิดว่าผ่อนไหวไหม เพราะจุดจบ คือ การใช้ชีวิตด้วยความกังวลทุกที ฉะนั้น ถ้าเป็นแบบนี้อย่าฝืนครับ ถ้าวิธีทำเงินเดิมมันซื้อไม่ได้ ก็ไปเปลี่ยนวิธีทำเงินก่อน แล้วค่อยมาซื้ออีกที
.
การซื้อรถ BMW ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมมีเงินพร้อมสำหรับซื้อสดได้ทันทีโดยไม่เดือดร้อนชีวิตในอนาคต ไม่ว่าจะเจอวิกฤตอะไรก็ตาม ซึ่งผมก็ใช้วิธีนี้มาตั้งแต่ซื้อคอมพิวเตอร์ ซื้อกล้อง และ ทุกอย่างในชีวิตแล้ว
.
ผมจึงเดินเข้าไปในโชว์รูม แล้วถามเซลล์ว่า “ช่วยอธิบายข้อเสนอ ระหว่าง ซื้อสด กับ ซื้อผ่อน (ผมขอดาวน์ 60%)ให้ผมหน่อย เพราะผมอยากรู้ว่า แบบไหนดีกว่ากัน”
.
ปรากฎว่า
- ข้อเสนอในการซื้อเงินสด คือ ได้ส่วนลด 100,000 บาท
- ส่วนข้อเสนอในการซื้อผ่อน คือ ได้ส่วนลด 50,000 บาท และ ผ่อน 0%
.
ซึ่งปกติ เวลาเราผ่อน เราจะต้องเสียดอกเบี้ยประมาณ 2-3 % ซึ่งผมอยากจะขอผ่อนแค่ 4 ปี นั่นหมายความว่า ผมสามารถประหยัดเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 120,000 บาท และ ได้ส่วนลดอีก 50,000 บาท
.
คำถาม คือ ถ้าผ่อนไม่ต้องเสียดอก แถมได้ส่วนลดน้อยกว่าซื้อสดแค่ครึ่งเดียว แล้วจะจ่ายเงินสดไปทำไม ?
.
ผมจึงเลือกซื้อผ่อน โดยขอดาวน์ 60% เพราะไม่อยากผ่อนต่อเดือนสูง (ประมาณ 2X,XXX) และ ขอผ่อน 4 ปี 1,000,000 บาท เพราะไม่อยากผ่อนยาว
.
และ แน่นอนว่า เมื่อเราซื้อของในจุดที่เราเลือกได้ว่าจะซื้อสด หรือ ซื้อผ่อน และ ไม่มีคำถามในหัวว่า จ่ายไหวไหม เราก็จะได้เป็นเจ้าของมันแบบสบายใจ ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง และ ใช้ชีวิตต่อไปด้วยความมั่นใจ
.
2. พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไรก็ตาม มันจึงทำให้บทบาทหน้าที่ของธุรกิจ โดยเฉพาะฝ่ายขาย หรือ เซลล์ ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งหากใครดื้อด้าน ยึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ ทำธุรกิจแบบเดิมๆ ทำงานแบบเดิมๆ ก็เตรียมตัวหายไปจากชีวิตของลูกค้าได้เลย
.
ยกตัวอย่าง การตัดสินใจซื้อรถ BMW ซึ่งในครั้งนี้ตัวผมได้ใส่หมวกเป็นลูกค้าและสัมผัสมันโดยตรง
.
คือ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน ถ้าคุณจะซื้อรถสักคันหนึ่ง สิ่งที่คุณทำก็คือ การถามข้อมูลจากเพื่อน ถามพ่อแม่ ถามคนใกล้ตัวที่มีความรู้ จากนั้นก็ตระเวณไปตามโชว์รูมต่างๆ เพื่อตัดสินใจอีกครั้ง
.
ซึ่งตัวแปรที่มีผลในการตัดสินใจซื้อรถของลูกค้า ก็คือ เซลล์
.
ดังนั้น โชว์รูมไหน มีเซลล์ที่ขายเก่ง พูดเก่ง นำเสนอเก่ง ให้รายละเอียดเก่ง ปกปิดจุดอ่อนเก่ง ก็จะได้เงินของลูกค้าไป ยิ่งถ้าเซลล์สามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ก่อนโดยที่ไม่ยอมให้เขาไปเจอข้อเสนออื่นที่ดีกว่าจากคู่แข่งด้วยยิ่งดี
.
แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว เพราะก่อนที่ลูกค้าจะซื้ออะไร เขาจะ “ค้นหาข้อมูล” จากออนไลน์ก่อนเสมอ ทั้งรุ่นรถ เปรียบเทียบราคา จุดเด่น จุดด้อย และ ข้อเสนอต่างๆ
.
ส่วนตัวก่อนที่ผมจะตัดสินใจซื้อ ผมได้ศึกษาข้อมูล ดูรีวิวมาเป็นเดือน บอกเลยครับว่า ไม่มีข้อมูลจากเว็บไหน หรือ คลิปไหนจากยูทูปที่ผมยังไม่ดู แต่ละคลิปผมดูซ้ำมากกว่า 5 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายละเอียดตัวรถ ความรู้สึกในการขับขี่ ความปลอดภัย ข้อดี ข้อเสีย ราคา และ ข้อเสนอต่างๆ ผมดูมาหมดแล้ว จนมาจบที่รถรุ่น Bmw 220i gran coupe m sport
.
เห็นไหมครับว่า ลูกค้าตัดสินใจซื้อตั้งแต่บนออนไลน์แล้ว เขาไม่เดินไปฟังเซลล์แล้วตัดสินใจที่หน้าร้านอีกแล้ว ที่สำคัญคือ เซลล์ที่เราเลือกจะติดต่อไป ก็คือ คนที่เขาทำคอนเทนต์ ให้ข้อมูล รีวิว ให้กับเราได้ดีที่สุด ละเอียดที่สุด น่าเชื่อถือที่สุด โดยเฉพาะคนที่บอกข้อเสียด้วย ไม่ใช่อวยอย่างเดียว
.
นั่นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรอยู่ ถ้าคุณไม่ทำ “ออนไลน์” คุณก็จะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในช่วงเวลาที่ลูกค้ากำลังตัดสินใจได้ และ ถ้าคุณไม่เข้าไปอยู่ในช่วงที่ลูกค้าตัดสินใจ มันก็ไม่มีทางเลยที่ลูกค้าจะเดินไปหาคุณที่หน้าร้าน เพื่อจ่ายเงินให้กับคุณ
.
เพราะคนเราจะซื้อของกับคนที่เรา รู้จัก ไว้ใจ และ เห็นว่าเขาโปร่งใส เท่านั้น ซึ่งการทำคอนเทนต์บนออนไลน์ ก็เหมือนการทำความรู้จักลูกค้า ที่สำคัญคือ การทำความรู้จักบนออนไลน์ มันง่ายกว่าต่อหน้า เพราะลูกค้าจะไม่มีกำแพงปิดกั้นคุณ เพราะเขาไม่ต้องกลัวว่าจะโดนคุณขายของ หรือ จะโดนคุณหลอก เขาสามารถเลือกได้ว่าจะดูคุณไหม ถ้าดีก็ดูต่อ ไม่ดีก็แค่เปลี่ยนไปดูคนอื่น มันจึงทำให้ลูกค้าเปิดใจง่ายกว่า
.
แต่การทำความรู้จักต่อหน้า ลูกค้าจะตั้งกำแพงขึ้นมาก่อน เขาจะมีอคติกับทุกคำพูดของคุณว่าจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อดี เขาจะมีข้อโต้แย้งในหัวขึ้นมาตลอดเวลา และ ไม่เปิดใจง่ายๆ
.
ถ้าลูกค้าเขาเข้ามาดู ฟัง อ่าน คอนเทนต์ของคุณในออนไลน์มากๆ มันก็เหมือนเขารู้จักคุณ คุณเป็นเพื่อนเขา ในระดับนึงแล้ว แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่จ่ายเงินให้กับคุณล่ะ จริงไหม ?
.
ต่อมาในหมวกของเซลล์ ต้องบอกว่าเมื่อพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไป บทบาทหน้าที่ของเซลล์ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน คือ เซลล์ไม่ได้มีหน้าที่ขายเหมือนแต่ก่อนแล้ว เพราะหน้าที่ขาย หน้าที่นำเสนอ หน้าที่โน้มน้าว ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อมันได้ย้ายไปอยู่ในคอนเทนต์บนออนไลน์แล้ว
.
แต่หน้าที่ของเซลล์ คือ
.
(1) อำนวยความสะดวก คือ คุณไม่ต้องพูดโน้มน้าวใดๆ เพราะลูกค้าเขาตัดสินใจมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว คุณไม่ต้องนำเสนอข้อมูลใดๆ เพราะเขาดูมาหมดแล้ว คุณไม่ต้องปกปิดข้อเสียใดๆ เพราะมันจะยิ่งทำให้เขาเห็นว่าคุณไม่จริงใจ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับสินค้าของคุณที่ลูกค้าไม่รู้
.
คุณมีหน้าที่แค่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าซื้อได้ง่ายที่สุด บริการให้ประทับใจที่สุด ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
.
อย่างตัวผม เมื่อเดินเข้าไปใน โชว์รูม สิ่งที่ผมถามเซลล์ คือ ได้ส่วนลดเท่าไหร่ ซื้อสดมีข้อเสนออะไรบ้าง หรือ ถ้าซื้อผ่อนมีข้อเสนออะไรบ้าง สามารถเปลี่ยนขุดแต่งให้ผมพร้อมวันออกรถได้ไหม ผมรู้จักกับร้าน ติดฟิล์ม และ เคลือบแก้วดีๆ อยู่แล้ว สามารถให้เขาเอารถไปติดฟิล์ม และ เคลือบแก้วเลยโดยที่ผมไม่ต้องมาโชว์รูมเองหลายรอบได้ไหม ทำให้เสร็จทุกอย่างเลย ผมมาโชว์รูมอีกครั้ง คือ วันขับรถออกเลย สามารถจัดการให้ได้ไหม ?
.
หน้าที่ของเซลล์ คือ อำนวยความสะดวกตามที่ผมขอให้ได้ และ บริการให้ผมประทับใจที่สุด
.
เห็นไหมครับว่า คำถาม มันไม่ใช่ รถรุ่นไหนดี รุ่นนี้ขับเป็นยังไง ราคาเท่าไหร่ มีข้อดี ข้อเสียตรงไหนบ้าง แบบสมัยก่อนแล้ว
.
(2) Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่ม คือ เวลาลูกค้าดูข้อมูลมา ลูกค้าดูแค่สิ่งที่เขารู้ว่าเขาต้องการเท่านั้น แต่เมื่อลูกค้าเดินมาหน้าร้าน หน้าที่ของเซลล์ คือ ทำให้เขาจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีก ในสิ่งที่เขาไม่รู้ว่าเขาต้องการ โดยแลกกับความคุ้มค่าที่ลูกค้า (อาจจะ) ไม่รู้มาก่อน
.
อย่างตัวผม ตอนแรกราคารถอยู่ที่ 2,169,000 บาท แต่พอมาซื้อจริงๆ เซลล์เสนอว่าจะเพิ่มการรับประกันรถ หรือ BSI จากเดิม 3 ปี 60,000 กิโลเมตร เป็น 5 ปี 100,000 กิโลเมตร โดยเพิ่มเงินอีกแค่ 80,000 บาทไหม เพราะรถยุโรปเวลาเข้าเช็คระยะที่ศูนย์แต่ละครั้ง ต้องเสียเงินหลักหมื่น แต่ถ้ายังอยู่ใน BSI จะเข้าศูนย์ และ ซ่อมกรณีเกิดจากตัวรถฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ที่สำคัญรถส่วนใหญ่ 3 ปีแรกไม่ค่อยเข้าศูนย์หรอก มันจะไปหนักช่วงปีที่ 4 เป็นต้นไปมากกว่า
.
ซึ่งเมื่อผมคิดคำนวณแล้ว คือ “ตกลง” ผมได้ความคุ้มค่า เซลล์ได้เงินเพิ่ม Win Win และยังไม่รวมพวกชุดแต่ง และ อื่นๆ อีก ที่ผมต้องจ่ายเงินเพิ่มจากเดิมที่ไม่ได้คิดตรงนี้ เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องการมาก่อน ซึ่งเป็นหน้าที่ของเซลล์ที่จะต้องยื่นข้อเสนอ เพื่อ Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มให้ได้ กลายเป็นว่าสุดท้ายผมต้องจ่ายเงินไปรวมๆ ประมาณ 2,2XX,XXX บาท
.
สรุปคือ คอนเทนต์ก็เหมือนเซลล์แมนที่ทำหน้าขายแทนคุณ เมื่อเขาปิดการขายลูกค้าคนไหนได้ คอนเทนต์ก็จะส่งลูกค้าที่ ตัดสินใจแล้ว และ พร้อมซื้อ มาให้คุณ ส่วนคุณมีหน้าที่แค่นั่งอยู่เฉยๆ ให้ลูกค้าเดินเข้ามาหาเอง จากนั้นก็อำนวยความสะดวก บริการ และ Upsell ให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่มด้วยความพอใจแบบ Win Win ซึ่งผมเรียกหลักการนี้ว่า “Inbound Content Marketing หรือ การตลาดโดยใช้คอนเทนต์แบบแรงดึงดูด”
.
ซึ่งผมได้สอนแบบเจาะลึกถึงรายละเอียด และ กระบวนการ เอาไว้ในคลาส Online Signature 2021 ทั้งหมดแล้ว หากคุณอยากจะนั่งเฉยๆ แล้วให้ลูกค้าวิ่งเข้าหาเองได้ ก็สามารถเข้ามาลุยด้วยกันได้ครับ
.
3. เหตุผลที่ผมเลือกซื้อ BMW ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นรถยุโรป ขับแล้วเท่ สมรรถนะเยี่ยม ที่อยากมีไว้ในครอบครองเท่านั้น แต่มันมีผลกับการทำงานในเชิงจิตวิทยาของผมด้วย
.
หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า BMW ไม่ได้เริ่มต้นธุรกิจจากการผลิตรถยนต์ แถมยังเคยตกอับถึงขนาดเอาเศษเหล็กมาทำเครื่องครัวขายเพื่อความอยู่รอดมาแล้ว
.
ย้อนกลับไปในปี 1916 ก่อนจะมาเป็น BMW บริษัทมีชื่อว่า Rapp Motorenwerke ทำธุรกิจผลิตเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน จากนั้นไม่กี่ปีต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น Bayerische Motoren Werke ซึ่งเป็นชื่อเต็มของ BMW โดยโลโก้ที่เราเห็นกันทุกวันนี้จนจำขึ้นใจ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากลักษณะการหมุนของใบพัดเครื่องบิน รวมเข้ากับสีฟ้าและขาว ซึ่งเป็นสีประจำแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) ที่ตั้งของบริษัท BMW โดยเครื่องยนต์ของเครื่องบิน BMW IIIA เป็นเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดในยุคนั้น ต่อมา เครื่องยนต์ BMW IV ก็สามารถสร้างสถิติโลกเพดาลบินสูงสุดได้
.
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า BMW กำลังไปได้ดี แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ผลจากสงครามทำให้การผลิตเครื่องยนต์เครื่องบินกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายในเยอรมนี จากผลของสนธิสัญญาแวร์ซาย
.
BMW ที่เคยผลิตแต่เครื่องยนต์เครื่องบินมาโดยตลอด ต้องหันไปผลิตเครื่องมือทำฟาร์ม และเบรกรถไฟ ซึ่งในระหว่างนั้นเอง Max Friz หัวหน้านักออกแบบของ BMW ก็ได้วางแผนออกแบบ รถมอเตอร์ไซค์ ควบคู่ไปด้วย
.
จนในปี 1923 BMW ก็เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์คันแรก ที่มีชื่อรุ่นว่า R32 ซึ่งเปิดตัวในงาน Berlin Motor Show
.
หลังจากนั้นในปี 1928 ธุรกิจผลิตรถยนต์ของ BMW ก็เริ่มต้นขึ้น โดย BMW 3/15 PS คือรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้ชื่อของ BMW และกลายเป็นที่ฮือฮาทันที เพราะสามารถชนะการแข่งขันรายการ Alpine Rally ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าร่วมแข่งขัน
.
หลังจากนั้นในปี 1933 ก็ได้เปิดตัว BMW 303 ซึ่งเป็นรถรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบไตคู่ (Kidney Grille) จนรูปแบบดังกล่าวได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของรถ BMW ทุกรุ่นในปัจจุบัน
.
แต่ก็เหมือนเดจาวู เมื่อทุกอย่างกำลังไปได้สวย BMW ก็ล้มลงอีกครั้ง เมื่อเยอรมมีแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อีกครั้ง ทั้งโรงงานรวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ พังเกือบหมด
.
BMW ต้องกลับไปผลิตของใช้ในครัวเรือน ก่อนจะกลับมาสร้างมอเตอร์ไซค์ได้อีกครั้งในปี 1948 และรถยนต์ในปี 1951
.
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง BMW กลับมาขายรถที่จัดเต็มเรื่องสมรรถนะ ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีเทคโนโลยีล้ำสุดในช่วงเวลานั้น
.
แต่ดูเหมือนว่า จุดสูงสุดของวิศวกรรมจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับจุดต่ำสุดของ BMW
.
เนื่องจากช่วงหลังสงคราม คนสนใจแต่ปากท้องของตัวเอง และคงไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อรถคันใหญ่ที่มีวิศวกรรมล้ำหน้าราคาแพง ทำให้รถของ BMW ขายได้ไม่ค่อยดี ส่วนตลาดมอเตอร์ไซค์ก็เริ่มซบเซา
.
สุดท้ายบริษัทมีปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก จนถึงขั้นที่ว่าบอร์ดของบริษัท ตอบรับข้อเสนอการควบรวมกิจการกับทาง Daimler-Benz อย่างไรก็ตาม ดีลนี้ไม่เกิดขึ้น เพราะถูกต่อต้านจากทั้งคนงานและผู้ถือหุ้นรายย่อย
.
Herbert Quandt หนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท ตัดสินใจหาเงินมาซื้อหุ้นในส่วนที่จะขายให้ทาง Daimler-Benz นั้นเอาไว้เอง ทำให้ BMW ยังคงเป็นบริษัทคู่แข่งกับ Benz ต่อไป ซึ่งผ่านมา 59 ปี ปัจจุบันคนตระกูล Quandt ก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน BMW Group อยู่
.
ต่อมากิจการของ BMW ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ BMW มีการปรับเปลี่ยนให้รถที่ทำออกมามีขนาดเล็กลง สามารถตอบโจทย์คนทั่วไปมากขึ้น และ เติบโตขึ้นผ่านการซื้อขายบริษัทอื่นๆ ตามมาอีกหลายครั้ง ทั้งแบรนด์ MINI และ Rolls-Royce จนปัจจุบัน BMW มีมูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท
.
หลายคนอาจจะคิดว่า ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เส้นทางของเขาคงจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เคยล้มเหลว ไม่เคยเจอวิกฤตอะไรมาก่อน
.
แต่สำหรับ BMW พวกเขาต้องดิ้นรนถึงขนาดต้องทำหม้อทำกระทะขายเพื่อความอยู่รอดมาแล้ว
.
แต่ไม่ว่า BMW จะเจอกับสงครามโลกกี่ครั้ง จะเจอวิกฤตกี่หน แต่เขาก็ “ไม่ยอมแพ้” และ ต่อสู้จนกลับมาเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จได้เสมอ
.
ชีวิตคนเราก็เช่นกัน ผมทั้งเคยทำธุรกิจเจ๊ง ถึงกับต้องขอยืมเงินเพื่อน 100 บาท เพื่อมาซื้อมาม่า กับ ไข่ไก่กินประทังชีวิต 1 สัปดาห์ ดิ้นรนอีกหลายเดือน และ ไปขออาศัยอยู่บ้านเพื่อน เมื่อตอนสมัยเรียน นอกจากนี้ธุรกิจของผมก็เจ๊งเพราะโควิด-19 ไม่ต่างกับใครอีกหลายคน
.
เราทุกคนล้วนมีวันที่ดี และ มีวันที่ร้ายสลับกันไป ดังนั้น ทุกครั้งที่ผมขึ้นไปนั่งบนรถของ BMW หน้ามองตรง มือจับพวงมาลัย แล้วสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอด
.
มันเหมือนเป็นเครื่องเตือนใจผมว่า “ต่อให้จะเจอวิกฤตอะไร เจอวันที่แย่แค่ไหน จงอย่ายอมแพ้ จงสู้ต่อไป ก้าวไปข้างหน้า แล้วเราจะประสบความสำเร็จได้ เหมือนกับ BMW …”
.
และนี่คือ เหตุผลที่ผมเลือก BMW เพราะทุกครั้งที่ผมเหยียบคันเร่งของรถ มันก็เหมือนผมกำลังเหยียบคันเร่งให้ชีวิตของตัวเอง
.
ปล. หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยเจอวิกฤต และไม่ยอมแพ้ BMW คือ รถที่เหมาะสมกับคุณที่สุดครับ ถ้าคุณอยากเป็นเจ้าของรถอย่าง BMW ก็ทักไปหาคุณปุ๋ย ที่ดูแลผมอยู่ได้เลย เขาดูแลดีมากๆ ครับ
.
โทร 090-6786187 | ID Line : pueybmw | เพจ : ปุ๋ย เซลรถหรู ภาคใต้ | Facebook : ปุ๋ย บี้เอ็ม ภาคใต้
.
ปล.2 ส่วนใครอยากนั่งอยู่เฉยๆ แล้วให้คอนเทนต์บนออนไลน์ ดึงดูดลูกค้าวิ่งเข้าหา ก็เข้ามาลุยกับผมและพี่น้องอีกมากกว่า 300 คน ในคลาส Online Signature 2021 ได้ครับ
.
ทักไลน์มาได้ที่ @samounglai
100 คำถาม 在 สมองไหล Facebook 的最佳貼文
รายได้ = คุณค่า x จำนวนผู้รับ
.
นี่คือ สมการที่ทำให้คนเก่งเท่ากัน แต่รายได้ และ มีคุณภาพชีวิตที่ต่างกัน
.
แค่เข้าใจสมการนี้ คุณก็สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้น 10 เท่าทุกปี ได้ไม่ยาก
.
ในสมการนี้มีตัวแปรอยู่ 2 ตัว คือ
.
1. คุณค่า คือ ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ สินค้า ผลงาน ฯลฯ
2. จำนวนผู้รับ คือ จำนวนผู้คน ที่ได้รับประโยชน์จากคุณค่าที่คุณส่งมอบ
.
ยกตัวอย่าง
.
ถ้าคุณทำงานประจำ ด้วยเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท เพื่อแลกกับความรู้ ความสามารถ ที่ตัวคุณมีให้กับบริษัท
.
ซึ่งมันก็ดูเหมือนไม่ได้แปลกอะไร เพราะนี่คือ ฐานเงินเดือนเริ่มต้นปกติอยู่แล้ว
.
แต่ถ้าสังเกตดีๆ คุณจะพบว่า หลายครั้งที่ความสามารถ หรือ ผลงานของคุณสามารถทำรายได้หลักล้านให้กับบริษัทได้
.
นั่นหมายความว่า จริงๆ แล้ว ความสามารถของคุณ มันมีมูลค่ามากกว่าเงินเดือน 15,000 บาท เพียงแต่สมการมันต่างกันเท่านั้น
.
- เพราะสมการของคุณ คือ ความสามารถ X บริษัท 1 คน = รายได้ 15,000 บาท
.
- แต่สมการของบริษัท คือ ผลงานของบริษัทที่เกิดจากความสามารถของคุณ X จำนวนลูกค้า 1,000 คน = รายได้ 1,000,000 บาท
.
นั่นหมายความว่า ต่อให้คุณจะพัฒนาตัวเองจนเก่งมากแค่ไหน แต่ถ้าไม่สามารถเพิ่ม “จำนวนผู้รับ” ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญได้ มันก็ไม่มีทางเลยที่รายได้ของคุณจะเติบโตแบบก้าวกระโดดได้
.
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คนทำงานประจำส่วนใหญ่ถึงได้รับการปรับฐานเงินเดือนเพียงเล็กน้อยในแต่ละปี ทั้งที่ตัวเองก็เก่งขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า เพียงเพราะพวกเขายังส่งมอบคุณค่าที่ตัวเองมีให้กับเจ้าของบริษัทเพียงคนเดียว
.
ดังนั้น ถ้าคุณอยากมีรายได้มากขึ้นแบบก้าวกระโดด คุณต้องหาวิธีเพิ่มตัวแปร (จำนวนผู้รับ) ให้มากขึ้น
.
ซึ่งสิ่งที่สามารถเพิ่มตัวแปรนี้ได้ก็คือ “ออนไลน์”
.
ออนไลน์ คือ เครื่องมือที่จะทำให้คุณสามารถส่งมอบ “คุณค่า” ที่ตัวเองมีไปหาผู้คนจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและต้นทุนต่ำที่สุด
.
ในช่วงแรกที่ผมทำออนไลน์ใหม่ๆ ผมเริ่มนำความรู้ความสามารถของผม ทั้งจากประสบการณ์ในที่ทำงาน จากการอ่านหนังสือ และ การทำธุรกิจโรงเรียนสอนเทควันโดเล็กๆ มาเขียนเป็นบทความให้ผู้คนในเพจสมองไหล
.
แม้ว่าช่วงแรกๆ จำนวนผู้รับคุณค่าจากผมจะมีไม่ถึง 10 คน และยังไม่สามารถทำเงินได้ แต่ผมก็ยังทำทุกวิถีทางเพื่อเปลี่ยนตัวแปรตรงนี้ให้มีจำนวนที่มากขึ้นให้ได้ ทั้งการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ การอ่านหนังสือเพิ่ม ไปเข้าสัมมนา เข้าเรียนในคอร์สต่างๆ
.
ผ่านมา 6 เดือน สมการของผมก็เริ่มเปลี่ยนไป…
.
ตัวแปรแรก คือ จำนวนผู้รับ ที่เพิ่มมากขึ้นจากหลักสิบ เป็นหลักแสน
ตัวแปรที่สอง คือ คุณค่า ที่นอกจากงานเขียนที่ตอนแรกผมทำให้ฟรี กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าอย่างหนังสือ
.
นั่นจึงทำให้รายได้ของผมเพิ่มขึ้นจาก “หลักหมื่น” เป็น “หลักแสน” ต่อเดือนทันที จึงทำให้ผมตัดสินใจลาออกจากงานประจำหลังจากทำงานไปได้เพียง 1 ปี
.
คำถาม คือ ผมเก่งที่สุดในบริษัทหรอ ผมเรียนจบมาสูงกว่าหรอ อายุงานผมมากกว่าหรอ ?
.
คำตอบ คือ “ไม่”
.
แต่สิ่งที่ทำให้ผมมีรายได้มากกว่าพวกเขา คือ ผมสามารถเพิ่มตัวแปร (จำนวนผู้รับ) ในสมการนี้ให้มากขึ้นได้เท่านั้นเอง
.
อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก เราต้องไม่เพิ่มเพียงตัวแปรเดียว แต่ต้องเพิ่มอีกตัวแปรหนึ่ง ซึ่งก็คือ “คุณค่า” ให้มี “มูลค่า” มากขึ้นด้วย
.
สมมติว่า คุณขายสินค้าได้กำไร 100 บาท ขายให้คน 1,000 คน มันก็จะเท่ากับ 100x1,000 = 100,000 บาท
.
แต่ถ้าคุณสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของคุณได้ มันก็จะเท่ากับ 1,000 x 1,000 = 1,000,000 บาท
.
เมื่อผมสามารถเพิ่ม “จำนวนผู้รับ” ได้มากพอแล้ว ผมจึงมาเริ่มพัฒนา “คุณค่า” ของตัวเองอย่างจริงจัง จนออกมาเป็น ความ สินค้า ผลงาน ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และ ธุรกิจต่างๆ เช่น
.
- หนังสืองานประจำสอนทำธุรกิจ
- คอร์สออนไลน์ Online Signature Master Class
- ที่ปรึกษาทางธุรกิจให้กับองค์กร
- ร้านกาแฟ
- ร้านสะดวกซื้อ 7-EVEVEN
- และ อื่นๆ ที่ยังเปิดเผยไม่ได้
.
ซึ่งคุณค่าทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็น สินค้า หรือ บริการ ใดๆ ผมจะทำออนไลน์ด้วยทั้งหมด ถึงแม้ภายนอกอาจจะดูเหมือนมีแค่หน้าร้านออฟไลน์ แต่ภายในผมได้แตกไลน์ธุรกิจไปทำบนออนไลน์ด้วย เพราะผมรู้ดีกว่า “ออนไลน์” จะทำให้ผมสามารถส่งมอบคุณค่านี้ให้กับผู้คนได้มากกว่า
.
ซึ่งผลก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะ 1 ช่องทางออนไลน์ สามารถทำกำไรได้มากกว่า หน้าร้านออฟไลน์ 3 สาขา รวมกันเสียอีก
.
ตลอดเส้นทางเดิน ผมได้พบเจอทั้งคนธรรมดาที่ชีวิตเปลี่ยนไปเพราะเข้าใจสมการนี้ และ คนเก่งระดับท็อปที่ชีวิตยังไม่ไปไหนเพียงเพราะไม่เคยเปิดใจเรียนรู้มัน
.
- คนแรก คือ ญาติห่างๆ ของผม เขาเรียนเก่งมากตั้งแต่ยังเด็กๆ ได้เกรดเฉลี่ยไม่เคยต่ำกว่า 3.9 เรียนจบถึงวิศวะ แต่ ณ วันนี้ 3 ปี ที่เขาทำงานรับราชการ ชีวิตก็ยังไม่พบกับความมั่นคงที่หวังเอาไว้ แม้แต่เงินที่อยากจะใช้แต่งงานยังมีไม่เพียงพอ
.
- คนที่สอง คือ เพื่อนสมัยเรียน เธอเรียนจบภาษาอังกฤษ พูดภาษาอังกฤษได้เก่งกว่าติวเตอร์หลายคนด้วยซ้ำ แต่เธอเลือกที่จะรอสมัครบรรจุเข้าโรงเรียน และ ในระหว่างที่รอก็รับสอนพิเศษตามบ้าน จึงทำให้ตั้งแต่เรียนจบมา เธอยังไม่สามารถหารายได้ที่มั่นคงได้ ลองคิดดูว่าถ้าเธอแค่ลองอัดคลิป หรือ สอนอังกฤษลงออนไลน์วันละหน่อย อนาคตเธออาจจะเปลี่ยนไปเลยก็ได้
.
- คนที่สาม คือ คุณแม่วัย 50 ปี ของเพื่อนสมัยทำงานประจำ คุณแม่เธอทำขนมเก่งมาก แต่ด้วยความที่คุณแม่อายุมากแล้วจึงไม่สามารถทำออกมาขายจำนวนมากๆ ได้ ทำให้มีรายได้ไม่พอ เพื่อนของผมที่ลำพังเงินเดือนของตัวเองก็ใช้ไม่พอแล้ว เขายังต้องส่งเงินกลับบ้านอีก
.
แต่พอผมรู้ว่าแม่เธอทำขนมเก่ง จึงขอให้เพื่อนถ่ายคลิปขณะแม่ทำขนม และ ถ่ายผลงานที่แม่เธอทำ ไปโพสต์ตามกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ผ่านไปแค่ 2 วัน ปรากฎว่ามีคนทักมาขอซื้อสูตร และ อยากจะเรียนมำขนมกับคุณแม่ เพื่อนของผมจึงเริ่มจากการเขียนสูตรเป็นไฟล์ PDF และ ถ่ายคลิปทำเป็นคอร์สออนไลน์
.
ปัจจุบันเพื่อนของผมคนนี้ลาออกจากงานประจำแล้ว เพราะรายได้ที่เทอทำกับคุณแม่บนออนไลน์ทุกช่องทางรวมกัน มันมากพอที่จะเลี้ยงตัวเธอ คุณแม่ และ ส่งน้องๆ เรียน
.
- ส่วนอีกคน คือ คุณแม่วัย 50 ของผมเอง คุณแม่ผมเปิดร้านสะดวกซื้อตั้งแต่ตอนผมเรียนอยู่ ป.3 ช่วงแรกรายได้ของคุณแม่เยอะมากๆ เพราะทั้งตำบลมีแค่ร้านของแม่ผมคนเดียว
.
แต่พอเข้าช่วงมัธยมปลาย ก็มีร้าน 7-EVEVEN มาเปิดในตำบลเดียวกัน แน่นอนว่าลูกค้าหายไปจำนวนมาก ของที่เคยขายราคาเต็มก็ต้องลดราคา คุณแม่พยายามนำสินค้าที่ 7-EVEVEN ไม่มีมาขาย เพื่อดึงลูกค้าเอาไว้ แต่ต้องยอมรับว่ารายได้ไม่เคยกลับมาเหมือนเดิมอีกเลย
.
จนไม่นานมานี้ คุณแม่เริ่มขายอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งผมก็บอกกับคุณแม่หลายครั้งว่าให้ทำบนออนไลน์จริงจัง แต่ทุกครั้งคุณแม่ก็บอกว่า ตัวเองแก่เกินที่จะศึกษาก็เลยยังวางขายที่หน้าร้านต่อไปมาหลายปี
.
จนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ด้วยความที่ผมกลับมาอยู่ต่างจังหวัดยาวๆ ก็เลยบอกคุณแม่ว่า เดี๋ยวจะทำคอนเทนต์ขายของคุณแม่ให้เล่นๆ ซึ่งตอนแรกคุณแม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอผมทำเท่านั้นแหละ ปรากฎว่ายอดขายใน 1 วัน มันมากกว่ายอดขายของคุณแม่ทั้งเดือนเสียอีก ทำเอาคุณแม่ผมยิ้มกว้าง และ นั่งแพ็คของส่งลูกค้าอย่างมีความสุขเลยทีเดียว ที่สำคัญ ยังไปหยิบสินค้าตัวอื่นมาให้ผมลองใช้เยอะแยะไปหมด เพราะอยากจะให้ผมขายให้อีก
.
จนผมบอกคุณแม่ว่า ผมทำให้ทั้งหมดนี้ไม่ได้หรอก เพราะเพจสมองไหล มันไม่ใช่เพจอาหารเสริม ถ้าอยากจะทำต่อ คุณแม่ต้องศึกษาเองแล้ว
.
คุณแม่ตอบผมว่า งั้นขอเข้าไปเรียนในคอร์ส Online Signature Master Class ด้วยแล้วกัน พร้อมแซวผมว่า “นี่เรามาถึงจุดที่คนเป็นแม่ ต้องมาเรียนกับลูกแล้วหรอ ฮา ฮา ฮา”
.
ผมก็เลยแซวกลับไปว่า “ไหนเมื่อก่อนบอกแก่เกินเรียน พอเห็นว่ามัน หาเงินง่าย กลายเป็นสาวขึ้นมาเลยนะ”
.
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า แค่เปลี่ยน “สมการ” นิดเดียว รายได้ และ คุณภาพชีวิต ก็ต่างกันราวฟ้ากับนรกเลย
.
และถ้าคุณอยากจะเปลี่ยน “สมการ” นี้ของตัวเอง ก็เข้ามาลุยกับผมในคลาส Online Signature ได้ครับ เพราะในคลาสนี้ผมจะเปิดเผยเคล็ดลับ กระบวนการ ทั้งหมดในการทำธุรกิจออนไลน์แบบไม่มีกั๊ก
.
ซึ่งตอนนี้มีพี่น้องมากกว่า 160 คน แล้ว ที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตด้วยการเปลี่ยน “สมการ” ของตัวเอง ในวันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน นี้
.
แต่ผมต้องขอบอกก่อนว่า “ตอนนี้สิทธิ์ราคาพิเศษสำหรับคนที่ Pre-order นั้นเต็มแล้ว”
.
แต่ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยน “สมการ” ของตัวเองจริงๆ นี่ คือ โอกาสสุดท้ายครับ เพราะผมจะให้ราคาพิเศษนี้ เพิ่มเติมแค่คนที่อ่านบทความนี้เท่านั้น
.
เพราะผมรู้ว่าถ้าคุณไม่อยากจะเปลี่ยนชีวิตจริงๆ ก็คงไม่อ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้หรอก
.
แต่มีข้อแม้ คือ ผมให้ได้แค่ 5 คน เท่านั้นครับ เพราะเมื่อถึงวันเปิดคลาส (19-06-21) ผมจะให้ราคาพิเศษอีกไม่ได้แล้ว เพราะผมต้องรักษาสิทธิ์ให้กับพี่น้องท่านอื่นๆ ที่กล้ามาลุยกับผมตั้งแต่วันแรกๆ
.
✅คุณมี “ของดี” อยู่ในตัวครับ แต่ที่คุณยังไม่สามารถร่ำรวยได้ เป็นเพราะคุณยังยอมทำงานหนัก ภายใต้ "สมการ" เดิมๆ อยู่
.
✅ ถึงเวลาแล้วครับ ที่คุณต้องได้รับ ในสิ่งที่คุณ “สมควร” จะได้
.
✅ คุณอยากมีอนาคตแบบไหน คุณคือ ผู้เลือก “สมการ” ของตัวคุณเอง
.
✅ ทักมาได้เลยครับที่ Line @samounglai
100 คำถาม 在 Necross Melphist Youtube 的精選貼文
สอบถามสั่งซื้อแว่น OPHTUS ได้ที่ : https://www.facebook.com/ophtus/
รับทันทีส่วนลด 100 บาทเมื่อแจ้ง Code : “NECROSS” ในการสั่งซื้อ
เลือกซื้อ Line Sticker ทั้งหมดของ Necross
https://store.line.me/stickershop/author/65553
#MARVELQ&A #รายการใหม่ #ตอนปฐมเลิก
พูดคุยกันได้ที่ Fanpage : https://www.facebook.com/Necrosscha
อย่าลืมกด Subscribe เพื่อติดตามประวัติฮีโร่ใหม่ๆ : https://goo.gl/AK5nTw
-----------------
Music by www.epidemicsound.com
100 คำถาม 在 ชาญชัย กินให้อ้วนรวย Youtube 的最佳貼文
ถึงห้วยแถลงแล้ว เเวะข้าวเหนียวร้อนๆ นะนั้งกินใต้ต้นหูกวาง อร่อยๆ “คำถามแฟนพันธุ์แท้ไก่ย่างห้วยแถลง”#ไก่ทอด รึจะสู้ #ไก่ย่างห้วยแถลง ได้ จริงไหม? ไก่ย่างบนเส้นทางสายอีสานใต้ ไก่ย่างห้วยแถลง
คำถาม : ในคลิ๊ปนี้มีไก่กี่ไม้ ข้าวเหนียวกี่ห่อ และเป็นเงินกี่บาท ?
#ปลุกความหิวไก่ในตัวคุณ #ไก่ย่างห้วยแถลง ซื้อไก่ย่างฝากแม่แล้วหรือยัง?
สูตรหมักไก่ย่างเงินล้าน เอาไปสร้างอาชีพได้เลย
พูดถึงไก่ย่าง เพื่อน ๆ ต้องเคยลองทานมาแล้วหลายแบบ หลายรสชาติ แต่ไก่ย่างที่พบเห็นและทานกันบ่อยๆ คงหนีไม่พ้น ไก่ย่างพังโคน ไก่ย่างวิเชียรบุรี หรือไก่ย่างต่าง ๆ ที่มีขายตามร้านข้างทาง ด้วยรสชาติที่หอม กรอบ อร่อย ทำให้กลายเป็นเมนูอาหารที่คนนิยมทานเป็นอย่างมาก เราก็ได้มาแจกสูตรหมักไก่ย่าง ที่มีรสชาติหอม กรอบอร่อยเช่นกัน ให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปทำทาน และทำขายสร้างรายได้เป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักกันไปเลย
100 คำถาม 在 ชาญชัย กินให้อ้วนรวย Youtube 的最佳解答
ถึงห้วยแถลงแล้ว เเวะข้าวเหนียวร้อนๆ นะนั้งกินใต้ต้นหูกวาง อร่อยๆ “คำถามแฟนพันธุ์แท้ไก่ย่างห้วยแถลง”#ไก่ทอด รึจะสู้ #ไก่ย่างห้วยแถลง ได้ จริงไหม? ไก่ย่างบนเส้นทางสายอีสานใต้ ไก่ย่างห้วยแถลง
คำถาม : ในคลิ๊ปนี้มีไก่กี่ไม้ ข้าวเหนียวกี่ห่อ และเป็นเงินกี่บาท ?
#ปลุกความหิวไก่ในตัวคุณ #ไก่ย่างห้วยแถลง ซื้อไก่ย่างฝากแม่แล้วหรือยัง?
สูตรหมักไก่ย่างเงินล้าน เอาไปสร้างอาชีพได้เลย
พูดถึงไก่ย่าง เพื่อน ๆ ต้องเคยลองทานมาแล้วหลายแบบ หลายรสชาติ แต่ไก่ย่างที่พบเห็นและทานกันบ่อยๆ คงหนีไม่พ้น ไก่ย่างพังโคน ไก่ย่างวิเชียรบุรี หรือไก่ย่างต่าง ๆ ที่มีขายตามร้านข้างทาง ด้วยรสชาติที่หอม กรอบ อร่อย ทำให้กลายเป็นเมนูอาหารที่คนนิยมทานเป็นอย่างมาก เราก็ได้มาแจกสูตรหมักไก่ย่าง ที่มีรสชาติหอม กรอบอร่อยเช่นกัน ให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปทำทาน และทำขายสร้างรายได้เป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักกันไปเลย
วัตถุดิบและส่วนผสม
• น่องไก่ 4 ชิ้น
• รากผักชี
• พริกไทย
• กระเทียม
• ซีอิ้วขาว
• เหล้าจีน
• น้ำผึ้ง
วิธีการทำไก่ย่าง
1. ล้างน่องไก่ให้สะอาด นำรากผักชี พริกไทย และกระเทียม มาตำให้ละเอียด แล้นำมาผสมกับซีอิ้วขาว เหล้าจีน และน้ำผึงในชาม (ปริมาณกะเอาให้พอดีในการหมักกับน่องไก่)
2. นำน่องไก่มาคลุกเคล้าให้เข้ากันกับเครื่องปรุง
3. นำน่องไก่ไปย่างที่เตา โดยใช้อุณหภูมิประมาณ 200 C ไม่ควรให้ไฟโดนไก่โดยตรง ย่างไปประมาณ 40 นาที จนไก่สุกทั่ว และเนื้อข้างในชุ่ม เสร็จแล้วก็พร้อมเสิร์ฟ ทานกับข้าวเหนียวร้อน ๆ และจิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว สำหรับใครที่กำลังหาอยู่ว่าจะขายอะไรดี ลองนำสูตรหมักไก่ย่างนี้ไปทำขายดูกันก็ได้นะ
นำน่องไก่ไปย่างที่เตา
100 คำถาม 在 100 คำถาม แสนทรมาน - YouTube 的必吃
อ่านก่อนคอมเม้น△△Collab with:realpeachzhevassAlisa wanomsodvibes todayการ์ตูน เอาเรื่องจริงมาล้อเล่นขอบคุณทุกๆคนที่ร่วมกันในคลิปนี้ ... ... <看更多>
100 คำถาม 在 ำถามน่ารู้อีกมา - Facebook 的必吃
100 คำถาม วิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับโลกและอากาศ ที่จะทำให้น้อง ๆ ต้องร้อง Wow!! อาทิ เราทำฝนขึ้นมาเองได้ด้วยเหรอ? ภูเขาเกิดขึ้นได้ยังไงนะ? มีทะเลสีแดงด้วยเหรอ?... ... <看更多>
100 คำถาม 在 100+ คำถาม-คำตอบ 50 เรื่องราวความรู้สึก | คำนี้ดี EP.962 Feat. ฝน ... 的必吃
รู้สึกแบบนี้พูดอย่างไรได้บ้าง? คำนี้ดี #UPLEVEL เอพิโสดนี้ให้อารมณ์พาไป ชวนคุณเปิดใจและร่วมแชร์ความรู้สึก ผ่าน 100 คำถาม -คำตอบ... ... <看更多>