怠けちゃだめよ!ขี้เกียจไม่ได้นะ ❄❄❄
ลุกจ้าทุกคนนนนนนนนนนน หน้าหนาวจะหมดแล้ว !!! 555
ภาษาญี่ปุ่นวันนี้ 今日のタイ語
✨แตกศัพท์จ้ะ✨
怠けちゃだめよ namakecha dameyo
เหมือนกับประโยค 怠けてはいけません namake tewa ikemasen เลย แปลว่า ห้ามขี้เกียจ ขี้เกียจไม่ได้นะ
แต่เป็นการพูดที่ทั่วๆไปไม่ทางการ ลดระดับความสุภาพมากกว่า
怠ける namakeru แปลว่าขี้เกียจ
~てはいけません ไวยากรณ์ tewa ikemasen = ห้าม อย่า ไม่ได้
ては dewa เมื่อใช้ในภาษาพูดจะกลายเป็น ちゃ cha
ส่วน いけません ikemasen สามารถแทนด้วย だめ dame ที่แปลว่า ไม่ได้ ได้
よ คำช่วยจบประโยค ใกล้เคียงกับคำว่า "นะ" ภาษาไทย แต่จะใช้ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลร่วมกับอีกฝ่าย มักไม่ใช้กับผู้มีอาวุโสหรือสถานภาพทางสังคมสูงกว่าเรา
✨説明✨
ขี้เกียจ khii kied 怠ける
ไม่ได้ mai daay だめ、いけません
นะ na よ
-------------------------
ไปอาบน้ำ ! 🛁🛁🛁
BeamSensei
#ภาษาญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น #เรียนภาษาญี่ปุ่น
「ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น」的推薦目錄:
- 關於ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 BeamSensei Facebook 的最讚貼文
- 關於ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 I Love Japan TH Facebook 的最佳解答
- 關於ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 BeamSensei Facebook 的最佳貼文
- 關於ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 Akibatan - ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย โอ้วโน๊ววววววว"... | Facebook 的評價
- 關於ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 คำว่า"ช่วยไม่ได้" ภาษาญี่ปุ่น 仕方がない・しょうがない - YouTube 的評價
- 關於ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 #ภาษาญี่ปุ่น ไม่ได้ ไม่โอเค ไม่เกิดประโยชน์ | ภาษาญี่ปุ่นพร้อมเสิร์ฟ ... 的評價
- 關於ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน): หน้าหลัก 的評價
ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 I Love Japan TH Facebook 的最佳解答
🎌สำนวน ห้าม✋ หรือ อย่า..🚫 ในภาษาญี่ปุ่น🇯🇵
.
1. ~してはいけません。
...shitewa ikemasen
ห้าม.... อย่า...
DON'T ~
เช่น
走ってはいけません。
Ashittewa ikemasen
ห้ามวิ่ง
.
2. ~するな。
...suruna
อย่า... ไม่ต้อง
DON'T ~
ภาษาพูด ไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่
เช่น 心配するな。
Shin
pai suruna
ไม่ต้องเป็นห่วง
.
3.~するのを止めなさい。
...suru no wo yamenasai
หยุด...
STOP ~ING
เช่น
こら、お喋りを止めなさい!
Kora, oshaberi wo yamenasai
เดี๋ยวเถอะ หยุดพูดเดี๋ยวนี้
.
4. ~禁止
...kinshi
ห้าม...
NO ~
มักเห็นตามป้ายสัญลักษณ์ หรือ ป้ายเตือนต่างๆ
เช่น
立入禁止。
Tachiirikinshi
ห้ามเข้า
.
5. ~しちゃダメ。
...shicha dame
ทำ...ไม่ได้
YOU CAN'T ~
เช่น
このケーキを食べちゃダメ!
Kono keeki wo tabecha dame
จะกินเค้กนี้ไม่ได้ อย่ากินเค้กนี้
.
6. ~はご遠慮ください。
...wa goenryo kudasI
กรุณาอย่า... กรุณาไม่...
(สุภาพ)
YOU MAY NOT ~
.
7. ~しないほうがいい。
...shinai hou ga ii
ไม่(ควร)ทำ...ดีกว่า
YOU SHOULD NOT ~
เป็นภาษาพูด
เช่น
買わないほうがいいですよ。
Kawanai hou ga ii desu yo
ไม่(ควร)ซื้อดีกว่าค่ะ
.
8. ~してほしくない。
...shite hoshikunai
ไม่อยากให้ทำ....
I DON'T WANT YOU TO ~
เช่น
まだ帰ってほしくない。
Mada kaette hoshikunai
ยังไม่อยากให้กลับ
.
9. 絶対に~しないで。
Zettai ni ... shinaide
อย่า...เด็ดขาด
NEVER ~
เช่น
絶対に諦めないで!
Zettai ni akiramenaide
อย่ายอมแพ้เด็ดขาด
=========================================
เรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ไม่อั้น กว่า60คอร์ส
เพียง 599 บาท
ทดลองเรียน ฟรี ได้ที่
www.ilovejapanschool.com
#ภาษาญี่ปุ่น #เรียนภาษาญี่ปุ่น
#ภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน #คอร์สภาษาญี่ปุ่น
ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 BeamSensei Facebook 的最佳貼文
Beam’s Story เรื่องของบีมและญี่ปุ่น (EP22)🌸⛩
【สอบเข้ามหาลัย เตรียมตัวยังไง เลือกมหาลัยอะไรบ้าง !!!】
ปล.นานแล้วนะ เกิน 10 ปี ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ 📚
แต่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับน้องๆและผู้อ่านค่ะ 🏫
บีมเตรียมอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยตั้งแต่ช่วงปิดเทอมเล็กม.4 แต่ตอนนั้นอ่านแต่ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียวนะ คือมีเวลาว่างก็พยายามอ่านทบทวน ท่องศัพท์ เอาข้อสอบเก่าๆมาทำ ทำทุกปิดเทอมเลย
ก็ยอมรับว่าขยันมากมาย ที่ขยันไปก็ไม่ใช่อะไร
นอกจากภาษาญี่ปุ่นกับคอมพิวเตอร์คือบีมไม่มีอะไรเรียนได้ดีเลยอะ 555
จนประมาณปลายเทอมม.5มั้งถึงเริ่มเรียนพิเศษวิชาที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สังคม
ใจนึงบีมแอบเสียดายนะ กับความรู้(ที่ไม่ค่อยเข้าหัว555)ในสายวิทย์ที่บีมเรียนมา หลายๆคนคิดว่าถ้าบีมเรียนภาษาก็ได้ ไปทางสายวิทย์ก็ได้มันน่าจะต่อยอดออกไปได้หลายอย่าง ได้ทั้งวิชาสายวิทย์ แล้วก็ยังได้ภาษาอีก
ซึ่งบีมก็เคยคิดแบบนั้นแหละ บีมถึงเลือกเรียนสายวิทย์มา แต่พอมาเทียบกับความสุขในอนาคตที่น่าจะไม่มี เพราะทรมานกับการเรียนในสิ่งที่ไม่ชอบแล้ว
ก็เลยตัดสินใจ "เท" ทุกอย่างไปหมด เป้าหมายอย่างเดียวคือ “ฉันต้องเข้ามหาวิทยาลัยภายได้ภาควิชาเอกภาษาญี่ปุ่นให้ได้”
สมัยรุ่นที่บีมสอบเป็นรุ่นที่เรียกว่า Admission โดยใช้ผลสอบ Anet-Onet +คะแนน Gpax ที่โรงเรียนรวมกัน บอกตรงๆว่าคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องจริงๆ คุยกับใครไม่รู้เรื่องด้วย เพราะรอบตัวเราไม่มีใครเป็นเหมือนเราเลย เพราะเราตัดใจแบบทิ้งทุกสิ่งอย่างแล้วเบนไปสายภาษา 100%
อาจารย์แนะแนวก็ช่วยแนะนำมากไม่ได้ นอกจากบอกว่าให้พยายามเข้านะ เธอน่าจะทำได้แหละ
สุดท้ายก็ช่วยกันดูกับแม่อย่างเดียวว่าเราจะเลือกที่ไหนบ้าง ใช้คะแนนสอบของอะไรบ้าง สรุปก็คือ เอกภาษาญี่ปุ่นที่บีมจะเลือกมี
1.อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย
2.ศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์
3.มนุษย์ศาสตร์ เกษตร
4.อักษรศาสตร์ ศิลปากร
สมัยบีมให้เลือกได้ 4 อันดับค่ะ ซึ่งบีมเลือกตามนี้ เรียงลำลับตามนี้เลย วิชาที่ใช้สอบคือ
A-net ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย ภาษาญี่ปุ่น
O-net ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สังคม
บีมถึงได้เทเลขกับวิทย์ได้ด้วยประการฉะนี้ 555
เทนี่คือ เทหมดหน้าตักนะคะ คือไม่แตะ ไม่อ่าน ไม่ทบทวน ไม่อะไรทั้งสิ้น
บีมขอไม่พูดถึงมหาลัยอื่นเพราะบีมจำข้อมูลไม่ได้ 555 จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า บางมหาลัยทุกคนต้องเริ่มเรียนนับ 1 ใหม่หมด บางมหาลัยต้องใช้คะแนนญี่ปุ่นเท่านั้นถึงเข้าได้ สามารถเข้าไปเรียนต่อระดับกลางได้เลย ซึ่งบีมขอยกตัวอย่างธรรมศาสตร์
ธรรมศาสตร์ในตอนนั้นหากจะเข้าเอกญี่ปุ่นรับ 2 แบบ คือ
1. มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาก่อน ใช้คะแนนญี่ปุ่นยื่น ถ้าติดก็เข้าไปเลย 25 คนของประเทศ
2. ไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นมาก่อน ใช้คะแนนอื่นที่ไม่ใช่ญี่ปุ่นยื่น ห้ามมีคะแนนญี่ปุ่น เข้าไปเอกรวม ลงเรียนวิชาญี่ปุ่นแล้วไปแข่งกันเข้าเอกทีหลัง
ซึ่งบีมเลือกแบบแรก บีมก็ใช้คะแนนญี่ปุ่นยื่นไปเลย แต่มาคิดย้อนหลังก็ใจกล้ามากนะ ไม่ได้เรียนศิลป์ญี่ปุ่นมาด้วย เรียนพิเศษเป็นงานอดิเรก แต่ประเมินตัวเองจากเพชรยอดมงกุฎที่ผ่านมา ถ้าพยายามมากขึ้นก็น่าจะติดจุฬาได้อยู่
พูดตามตรงว่า คณะที่บีมใฝ่ฝันคืออักษรศาสตร์จุฬา เพราะด้วยความที่เราได้รับอิทธิพลจากสังคมรอบข้าง ใครๆก็พูดว่าจุฬาๆๆๆ บีมต้องเข้าจุฬาให้ได้
แต่บีมไม่ได้คิดว่ามหาลัยอื่นไม่ดีนะ เพียงแต่ไม่มีข้อมูลในหัวเลยตอนนั้น ไม่มีอิมเมจเลยว่ามหาลัยอื่นเป็นยังไง รู้จักแค่อักษรจุฬาจริงๆ บีมอยากจะไปยืนจุดที่บีมคิดว่าบีมน่าจะพอใจถ้าบีมทำได้
จะพูดเรื่องการเตรียมตัวสอบ ทำไมมันยาวขนาดนี้ได้ 555
บีมค่อนข้างเป็นเด็กที่มีระเบียบกับชีวิต นอกจากการเขียนบันทึกแล้วบีมจะตั้งเวลาและตารางไว้เลยว่าวันนี้บีมจะทำอะไรบ้าง ต้องเสร็จกี่โมง และบีมจะภูมิใจมากถ้าวันนั้นการใช้ชีวิตของบีมเป็นไปตามตารางที่บีมตั้งไว้ ซึ่งทุกวันนี้บีมก็ยังมีนิสัยอย่างนั้นอยู่นะ 555 มันถึงทำเพจมาได้นานขนาดนี้อะทุกคนนน
ตั้งแต่เด็กๆพ่อแม่ไม่เคยบังคับให้บีมอ่านหนังสือเลย บีมจะอ่านเอง คือเป็นคนไม่เครียดเรื่องอะไรในชีวิตเลย ยกเว้นอย่างเดียวคือเรื่องเรียน เกรดบีมจะตกกว่า 3.8 ไม่ได้ เคยแค่เทอมเดียว ได้ 3.76 บีมร้องไห้ไม่หยุดเลย 555555 บ้าบออออออออออออออ
คือเราก็มีเป้าหมายของเราอะเนอะ เราเป็นคนที่มีนิสัยตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้สูงมากตั้งแต่ตอนเด็กๆ เป้าหมายสูงๆเพื่อทำให้ตัวเราพยายามก้าวไปให้ถึง แต่พอร่วงนี่เจ็บปวดรวดร้าวมากจ้า
ที่บ้านไม่เคยพูดว่าถ้าแกสอบไม่ได้เกิน 3.8 จะไม่ได้ค่าขนมไรงี้ ไม่มีเลย เป็นคนที่กดดันตัวเองเอง ทำตัวเองล้วนๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ดังนั้นตอนปลายๆม.5 บีมก็เริ่มจริงจังละ บีมตั้งไว้เลยว่าวันนี้บีมจะอ่านทบทวนวิชาอะไร กี่โมงถึงกี่โมง ต้องนอนกี่โมงตื่นกี่โมง
บีมวางหนังสือเรียงไว้เลย ทำตารางไว้เลยของทั้งปี คนส่วนมากทำตารางเป็นวันเป็นสัปดาห์เนอะ ของบีมคือ มีเขียนไว้ตั้งแต่ วัน สัปดาห์ เดือน ปี บ้าไปแล้ว
วางหนังสือเรียงไว้เต็มห้อง
อันนี้สำหรับอ่านวันนี้ อันนี้พรุ่งนี้ แยกชัดเจน แบ่งเวลาชัดเจน เทคนิคของบีมคือ
1. ใช้เวลาครึ่งปีอ่านทบทวนทั้งวิชาที่จะใช้ทั้งหมดก่อน ให้มีข้อมูลวนไปวนมาให้อยู่ในหัว
2. ไปอ่านที่ไหนมาไม่รู้ว่าไม่ควรอ่านหนังสือดึกๆ ควรอ่านเช้าๆเพราะจะจำได้ดี บีมทำขนาดที่ว่าบีมนอนสอง-สามทุ่ม แล้ว ตื่นตี3 ตี4 ทุกวันเพื่ออ่านหนังสือ 555 แล้วพอตี 5 ก็แต่งตัวไปโรงเรียน บังคับให้พ่อซื้อแบรนด์ซื้อวีต้ามากินด้วย ทำแบบนี้อยู่หลายเดือนเลยนะ
จริงๆบีมว่าอาหารเสริมไม่น่าช่วยอะไรหรอกมั้ง แต่ช่วยทางจิตใจได้มากเลย 55555555
3. หลังจากอ่านทบทวนทุกอย่างเสร็จ ก็เริ่มทำข้อสอบเก่าย้อนหลัง 10 ปี ของทุกวิชาที่ต้องใช้
4. การทำข้อสอบของบีมบีมไม่ได้ทำในหนังสือเลย บีมซื้อกระดาษคำตอบมาแบบที่ใช้สอบที่โรงเรียน อิใบเขียวๆอะ 555
แล้วเขียนชื่อวิชา เขียนปีของข้อสอบ แล้วกาในกระดาษคำตอบเลย (บีมยังเก็บซากไว้อยู่นะ)
5. ข้อสอบฉบับเดียวไม่ได้ทำครั้งเดียว เพื่อไม่ให้เบื่อ บีมทำสลับไป สามวิชา อังกฤษไทยสังคม ย้อนหลังประมาณ 10 ปี ข้อไหนผิดเราก็ไปอ่านเฉลยดูว่าผิดได้ยังไง จำที่เราผิดพลาด แล้ววนทำใหม่อีกนะ
สุ่มเอาว่าจะได้ทำฉบับไหน
6. ภาษาญี่ปุ่นก็เช่นกัน บีมท่องศัพท์ในหนังสือได้ทุกคำ เพราะบีมคิดว่าเรียนมาแล้วมันไม่ควรลืม โอ๊ย 555
แล้วบีมเรียนด้วยหนังสือ Minna no Nihongo นะตอนนั้น ซึ่งเด็กที่เรียนศิลป์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่เรียนด้วย Akiko to Tomodachi
ด้วยความที่บีมคิดว่าบีมอาจจะสู้เด็กศิลป์ญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะหนังสือแบบเรียนสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน บีมไปหาซื้อ Akiko to Tomodachi มาหมด 6 เล่มเลย แล้วอ่านตั้งแต่แรกยันจบ ลิสต์คำศัพท์และรูปไวยากรณ์ที่ไม่มีในหนังสืออีกเล่มที่บีมใช้เรียน
7. ในส่วนของข้อสอบชุดนึงบีมทำหลายรอบเหมือนกัน ทำวนไปโดยการสุ่ม จะได้จำไม่ได้ว่าทำไปแล้วหรือยังไม่ได้ทำ พยายามดูว่าเราผิดตรงไหน ต้องหาคำตอบให้ได้ บีมตั้งเป้าไว้ว่าบีมต้องทำคะแนนภาษาญี่ปุ่นให้ได้เกิน 90 เต็ม 100 ทุกฉบับย้อนหลัง (ตอนทำก็ได้บ้างไม่ได้บ้างนะ แต่ไม่เคยได้ 100 เต็ม ฮ่าๆๆ)
8. สามเดือนหลังบีมก็เลิกอ่านหนังสือแล้ว ทำข้อสอบเก่าๆอย่างเดียว อันไหนไม่เข้าใจค่อยไปเปิดอ่านทบทวน ซึ่งชีวิตม.6 บีมก็วนอยู่แค่นี้แหละ จนถึงวันสอบ
------------------------
เป็นไงสาวอึดมั้ย
ยอมรับว่าเป็นคนมีวินัยในตัวเองมากจริงๆ
ใครมาชมก็คือจะไม่ถ่อมตัวเลย เพราะเรารู้ว่าตัวเองมีนิสัยแบบนั้น
ก็ภูมิใจว่าความมีวินัยของเราคือสิ่งที่ทำให้เรามีวันนี้นะ ควรภาคภูมิมากกว่าถ่อมตัว 555555555555555555
อยากรู้แล้วใช่มั้ยวันสอบเป็นยังไง
น้ำตาแตกหลายรอบเลยจ้า
รออ่านตอนต่อไปนะ
*ตอนเก่าๆไถหาเอานะ*
BeamSensei
ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 คำว่า"ช่วยไม่ได้" ภาษาญี่ปุ่น 仕方がない・しょうがない - YouTube 的必吃

ภาษาญี่ปุ่น #เรียน ภาษาญี่ปุ่น # ภาษาญี่ปุ่น แสนสนุกคลิปนี้เรามารู้จักคำที่มักจะได้ยินคนญี่ปุ่นพูดบ่อยในหลายๆ เหตุการณ์ คือ คำว่า “ช่วย ไม่ได้ ” ... ... <看更多>
ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 #ภาษาญี่ปุ่น ไม่ได้ ไม่โอเค ไม่เกิดประโยชน์ | ภาษาญี่ปุ่นพร้อมเสิร์ฟ ... 的必吃

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มสนใจที่จะเรียน ภาษาญี่ปุ่น ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ค่อยๆจำวันละนิดวันละหน่อยนะคะวันนี้เรามาเลียนแบบประโยคสั้นๆง่ายๆ ... ... <看更多>
ไม่ได้ ภาษาญี่ปุ่น 在 Akibatan - ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย โอ้วโน๊ววววววว"... | Facebook 的必吃
เป็น "ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย!" 「私は日本語が全然話せません」 Watashi wa nihongo ga zenzen hanasemasen หว่ะ ต๊ะ ชิ ว๊ะ / หนิ ฮ่ง ... ... <看更多>