คีย์บอร์ด Mechanical Blue Switch แบบ Bluetooth/USB ราคาเบา ๆ พิมพ์สนุก มีไฟ RGB เปลี่ยนสีได้ 19 รูปแบบ และแยกสีต่างหาก มีช่องวางโทรศัพท์มือถือ สามารถสลับ Bluetooth ไปมาได้ทันที มีไฟแสดงสถานะ ที่สั่งจากจีนมาอาจจะนานหน่อยแต่ใช้แล้วชอบมาก ๆ ...
โพสต์นี้อาจจะยาวหน่อย แต่ข้อมูลเนื้อหาละเอียดและพยายามเขียนให้ครอบคลุมทุกการใช้งานที่ผมใช้ครับ...
เนื่องจากอันนี้ขอใช้ให้ชัวร์ก่อน 3-4 อาทิตย์แล้วค่อยมารีวิว เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบคีย์บอร์ดแป้นต่ำและไม่เคยเปิดใจให้ Mechanical Keyboard เลย เพราะก่อนหน้านั้นเคยลองตามร้านคอมแล้วรู้สึกว่ายังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ และคิดว่ามันเป็นคีย์บอร์ดสำหรับเล่นเกม แต่เนื่องด้วยราคามันถูกมาก ๆ (รอส่งนานประมาณ 21 วัน) แถมคุณสมบัติสเปคต่าง ๆ เป็นไปตามที่คาดหวังสำหรับคีย์บอร์ดที่ใช้งานประจำทุกอย่าง เลยทำให้ลองสั่งมาใช้งาน และหลังจากใช้มาเกือบเดือนทุกวัน ก็พอจะบอกได้ว่า นี่คือคีย์บอร์ดที่ใช้งานคุ้มค่ามาก ๆ และพิมพ์งานได้สนุกมาก ๆ เลย จึงใช้เวลานานจนให้คำตอบตัวเองได้แล้วค่อยมาเขียน...
คีย์บอร์ดนี้ เป็นคีย์บอร์ดที่ผมใช้พิมพ์เนื้อหาเกือบทุกอย่างทั้งบนเพจและตอนทำงานมาตลอดเกือบเดือนเลยครับ (แม้กระทั่งข้อความตรงนี้ก็ด้วย)...
อันนี้บอกก่อนว่า ตัวคีย์มีเสียงแบบ Mechanical Blue Swtich เพราะฉะนั้น มันจะมีเสียงดังพอสมควรในห้องเงียบ ๆ แต่ ถ้าพูดถึงความสนุกของการพิมพ์ ของปุ่มที่เด้งมือ และยิ่งคนที่พิมพ์สัมผัสเป็นล่ะก็บอกได้เลยว่า มันเป็นอะไรที่สนุกมาก ๆ เลยล่ะครับ...
ตัวเครื่องมีสีขาว และสีดำ ผมเลือกสั่งสีดำมา เพราะว่ามันดูดีมากกับไฟ RGB เวลากลางคืน แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย (แต่ถ้าเอามาเปลี่ยนปุ่ม Keycaps เป็นสีขาวอาจจะรู้สึกขัด ๆ หน่อย) ตัวกรอบคีย์บอร์ดเป็นพลาสติก ส่วนตัวแผงควบคุมจะเป็นโลหะทำออกมาได้ดูดี มีช่องวางโทรศัพท์มือถือได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน (ถ้าจะเอาให้อยู่ในมุมที่เอียงจออ่านได้ จะต้องถอดเคสออก)...
มีสวิตซ์ปิด/เปิด และ สวิตซ์เลือกระหว่าง การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth/USB มีแถมสาย USB มาให้สำหรับต่อเข้ากับ PC ในกล่อง และปุ่มดึง Keycaps กรณีที่ต้องการเปลี่ยนปุ่ม หรือถอดปุ่มมาทำความสะอาด ข้อดีของตัวมันคือ มันมีแบตในตัว สามารถชาร์จกับ USB-C ของโทรศัพท์มือถือได้ ใช้งานได้ต่อเนื่อง วันละ 8-14 ชั่วโมงได้ราว ๆ 1 สัปดาห์ แบบเปิดไฟ RGB ตลอดเวลาไปด้วย แต่ถ้าทิ้งไว้ 1 นาที ไฟ RGB จะดับลง และติดขึ้นเมื่อกดปุ่มอะไรก็ได้...
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำได้รวดเร็วมาก ๆ สามารถกดเพื่อ Active จอ MacBook ที่เชื่อมต่อที่ sleep ไประหว่างกลางคืนได้ด้วย หรือแค่เปิดก็เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อตามช่องต่าง ๆ ได้ทันที (ตั้งได้ 3 ช่อง สามารถสลับไปมาได้เลย เพราะปุ่มสลับเครื่องอยู่บนคีย์บอร์ดแยกต่างหาก พร้อมไฟสถานะ ว่าเชื่อมช่องไหนอยู่ รวมถึงสถานะของแบตเตอรี่เมือใกล้หมดด้วย)...
การใช้งาน ในช่วงแรก ๆ สำหรับผมเองที่ใช้คีย์บอร์ดแป้นต่ำแบบคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คมาตลอด แม้จะพิมพ์สัมผัสได้ จะรู้สึกว่า การก้าวนิ้วมันต้องก้าวสูงมาก ๆ แต่ จุดนึงคือ มันสนุกทุกครั้งเวลาพิมพ์ ยิ่งถ้าพิมพ์สัมผัสได้คล่อง ๆ จะรู้สึกเลยว่า ปุ่มมันตอบสนองต่อนิ้วได้ดีมาก ๆ ทุกปุ่ม (ยิ่งช่วงแรก ๆ ที่ได้ลองถึงกับสนุกจนต้องเปิด Notepad มานั่งพิมพ์สิ่งที่คิดในหัว เพราะแค่พิมพ์ตามมันก็สนุกมือมาก ๆ แล้ว)...
ตัวขาตั้งด้านหลังคีย์บอร์ด สามารถตั้งแนบกับโต๊ะได้ และยกสูงขึ้นได้ 2 ระดับ สำหรับคนที่ชอบให้คีย์บอร์ดเอียงพอดีมือ หรือคนที่เปลี่ยนปุ่ม Keycaps แบบที่มีการเอียงองศารับกับมือ ก็จะได้ใช้งานได้พอดีมือมากขึ้น...
ส่วนไฟ RGB นั้น ผมเองไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะทำอะไรได้มาก แต่ก็พบว่า มันสามารถเปลี่ยน Mode ไฟ ได้ 19 รูปแบบการเคลื่อนไหวของไฟ RGB หรือจะเลือกแค่เฉพาะทีละสีก็ยังได้ รวมถึงความช้าเร็วของอนิเมชั่นไฟต่าง ๆ ก็สามารถตั้งค่า จากบนคีย์บอร์ดในตัวได้เลย แม้ไม่ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อะไรก็ตาม ซึ่งยอมรับเลยว่าเรื่องไฟ ทำให้ผมรู้สึกว่ามันดูดีมาก ๆ และแน่นอนว่ามันสามารถปิดไฟได้สำหรับคนที่ไม่ชอบให้มีแสงไฟจากคีย์บอร์ดเลย...
ส่วนหลัก ๆ ผมใช้งานคีย์บอร์ดตัวนี้กับ MacBook และ iPad ในการพิมพ์แทบทุกอย่าง สามารถใช้งานได้ดี (บน MacBook ต้องไปตั้งค่าสลับปุ่มระหว่าง ปุ่ม Control, Option และ Command นิดนึง แต่ในแมคจะจำค่าแยกระหว่างคีย์บอร์ดกันทำให้ไม่มีผลต่อคีย์บอร์ดหลักหรือคีย์บอร์ดตัวอื่น ๆ )...
ส่วนใน iPad ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเลย ทั้ง MacBook และ iPad สามารถสลับภาษาได้ด้วยปุ่ม Capslock...
สำหรับบน PC เนื่องจากว่ามันเป็นคีย์บอร์ด 4 แถว ขาดแถวบน F1-F12 ไป จึงทำให้ปุ่มตัวหนอน หายไปด้วย ทำให้คนที่เคยสลับภาษาโดยใช้ปุ่มตัวหนอนนั้นอาจจะยุ่งยากหน่อยนึง เพราะต้องไปใช้ปุ่ม FN+Esc แทนตัวหนอนถึงจะกดได้ ผมเลยเลือกตั้งเป็น Ctrl + Shift แทนในการสลับภาษา แต่ถ้าใช้งานไปซักพักก็จะชินครับ...
ส่วนบน Android อันนี้ง่ายและสะดวก เพียงลงแอป 9420 Thai Keyboard และเข้าไปตั้งค่า "คีย์บอร์ดนอก" และตั้งค่าปุ่มสลับภาษาได้เอง ผมลองเลือกปุ่ม esc เพื่อสลับภาษา และก็พบว่ามันสามารถสลับภาษาได้ง่าย ๆ เหมือนกับการใช้ปุ่มตัวหนอนบน PC ได้เลย สำหรับคนใช้ PC และมาใช้ Android ก็จะง่ายในการสลับภาษาไทย/อังกฤษมากขึ้น...
ข้อดีอีกอย่างนึงของคีย์บอร์ดตัวนี้คือ มันเป็นคีย์บอร์ดแบบ 68 Keys ซึ่งสำหรับคนที่ต้องใช้ปุ่ม ทิศทาง ขึ้น, ลง, ซ้าย, ขวา ที่มุมขวาล่างของคีย์บอร์ดในการพิมพ์และแก้ไขงานพิมพ์สามารถใช้งานได้ รวมถึงปุ่ม Page Up/Page Down ซึ่งมันทำให้สะดวกในการพิมพ์และแก้ไขงานเอกสารได้พอสมควรเลย...
ที่เหลือตลอด 3 สัปดาห์จนเกือบเดือนที่ผ่านมา ผมรู้สึกชอบมาก ๆ กับคีย์บอร์ดตัวนี้ แม้จะย้ายโต๊ะทำงานไปมาในบ้าน ก็ยังจะหยิบไปพิมพ์ด้วย เพราะความสนุกของการพิมพ์บนคีย์บอร์ดแบบนี้นี่แหละ...
คีย์บอร์ดแบบ Mechanical Switch มันสามารถที่จะถอดปุ่มออกมาทำความสะอาดได้ (ในกล่องจะแถมคีมดึงปุ่ม Keycaps มาให้) และสามารถซื้อปุ่มแบบอื่น ๆ มาเปลี่ยนได้ไม่ยาก (แต่ปุ่มอาจจะมีราคาสูงหน่อย) ข้อดีของการเปลี่ยนปุ่ม นอกจากจะได้ความสวยงามแล้ว ในเรื่องของความสูงของปุ่มแต่ละรูปแบบก็มีความแตกต่างกันไป ทำให้คนที่ชอบการพิมพ์งานด้วยคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์นั้นมีตัวเลือกที่ลงตัวในการพิมพ์ได้มากขึ้น (ล่าสุดผมเปลี่ยนเป็นปุ่มแบบ XDA มีความสูงของปุ่มลดลงจากปุ่มที่แถมมาพอควร ทำให้พิมพ์ได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะไม่ต้องก้าวนิ้วสูงนั่นเอง)...
คือผมเองอาจจะใหม่สำหรับคีย์บอร์ดแบบ Mechanical จากที่ไม่เคยเปิดใจให้ เนื่องด้วยราคาที่สูงถึงสองสามพันบาทสำหรับ Mechanical Switch แบบ Bluetooth แต่เจอตัวนี้ที่ราคา 1,189.- เข้าไปก็ทำให้เปิดใจ และพอใช้งานก็ถูกใจสำหรับการพิมพ์งานมาก ๆ เลย...
ถ้ามีโอกาสรอบหน้าจะมาพูดถึงประสบการณ์ในการเปลี่ยนปุ่มคีย์บอร์ด Keycaps ครั้งแรก หลังจากที่คิดว่า คีย์บอร์ดแบบ Mechanical Switch ปุ่มต้องสูงอย่างเดียวเสมอไป และเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานให้ชอบมันมากขึ้นกว่าเดิมมาฝากกันครับ...
คีย์บอร์ดบลูทูธ/USB แบบ Mechanical Blue Switch 68 ปุ่ม มีไฟ RGB มีแบตในตัว ผมสั่งจากร้านจากจีนใน Lazada ครับ ร้านค่อนข้างใหญ่มีโปรไฟล์ด้านอุปกรณ์เกมโดยเฉพาะ ส่งจากจีนมาราว ๆ 21 วันถึงบ้าน แต่ก็ได้ของชัวร์แน่นอนครับ...
> https://bit.ly/3yM4AGy (1,189.-)
ส่วน Keycaps ผมสั่งจาก Shopee แบบ XDA Profile รอนานเหมือนกัน แต่ทำให้แป้นพิมพ์บางลงพิมพ์ง่ายขึ้นสำหรับคนชอบแป้นพิมพ์แบบต่ำลงมาหน่อยครับ...
> https://shp.ee/z9s37st (572.-)
*Disclosure: เนื้อหานี้ เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียน และไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานใด ๆ ...
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過0的網紅CarDebuts,也在其Youtube影片中提到,? คลิปรถใหม่ 2019-2020 มาแล้วครับ คลิกที่นี่ https://www.youtube.com/channel/UCSebcviE-UeYMxVRNozwqtw/videos Chevrolet ประเทศไทย ได้แจ้งมาทางทีมงาน C...
แถว นั้น 在 CarDebuts Youtube 的最佳解答
? คลิปรถใหม่ 2019-2020 มาแล้วครับ คลิกที่นี่ https://www.youtube.com/channel/UCSebcviE-UeYMxVRNozwqtw/videos
Chevrolet ประเทศไทย ได้แจ้งมาทางทีมงาน CarDebuts ว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวรถเอสยูวีรุ่นใหม่แบบ All-new เร็วๆนี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผยทั้งชื่อรุ่นและวันเวลาที่แน่นอนในการเปิดตัว โดยบริษัทได้พูดถึงประวัติศาสตร์การคิดค้นและบุกเบิกรถอเนกประสงค์มาตั้งแต่ปี พศ 2478 หรือ 84 ปีที่แล้ว พร้อมส่งคลิปวิดีโอรถเอสยูวีหลากหลายรุ่น มาให้ชมเป็นการเรียกน้ำย่อย ก่อนการเปิดตัว
คุณคิดว่า Chevrolet กำลังจะเปิดตัว SUV รุ่นใด และ Chevrolet จะสามารถแจ้งเกิดในตลาดรถเอสยูวีของไทยได้หรือไม่?
กรุงเทพฯ ประเทศไทย – เชฟโรเลตเป็นแบรนด์ผู้บุกเบิกรถอเนกประสงค์ หรือ Sport Utility Vehicles (SUV) เป็นเวลานานกว่า 80 ปี ซึ่งกลุ่มรถอเนกประสงค์เป็นเซกเมนท์ที่ได้รับความนิยมและกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดทั่วโลก เชฟโรเลตขอย้อนเรื่องราวประวัติศาสตร์ความสำเร็จของรถอเนกประสงค์เชฟโรเลตว่ามีที่มาและถือกำเนิดได้อย่างไร ก่อนที่จะพบกับรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ล่าสุดที่เตรียมเปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยในปีนี้
ความสำเร็จของเชฟโรเลตเริ่มต้นขึ้นในปี 2478 เมื่อเชฟโรเลตเปิดตัวรถอเนกประสงค์รุ่นแรกของแบรนด์ “ซับเบอร์แบน แคร์รี่ออล” (Suburban Carryall) ซึ่งเป็นรถขนาด 8 ที่นั่งที่สร้างขึ้นบนโครงสร้างรถกระบะ ถึงแม้ว่าในขณะนั้นจะไม่มีการใช้เรียกรถประเภทนี้ว่า รถอเนกประสงค์ หรือ Sport Utility Vehicle อย่างแพร่หลาย จนกระทั่งช่วงทศวรรษที่ 1980 แต่ซับเบอร์แบนรุ่นแรกเริ่มก็มาพร้อมคุณสมบัติสำคัญของรถอเนกประสงค์ อาทิ ตัวถังรูปทรงกล่องคู่และห้องโดยสารที่ถูกขยายให้ยาวขึ้น เบาะนั่งแบบยาว 3 แถว และมีกระจกบังลมรอบคัน ในปัจจุบัน เชฟโรเลตยังคงผลิตรถอเนกประสงค์รุ่นซับเบอร์แบนเพื่อจำหน่ายอยู่ รถรุ่นนี้จึงเป็นรถอเนกประสงค์ที่ทำตลาดยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก และเป็นหนึ่งในรถยนต์หลายรุ่นที่ทำให้เชฟโรเลตได้รับความนิยมในกลุ่มรถอเนกประสงค์ทั่วโลก
ในส่วนของเชฟโรเลต ประเทศไทย นั้น รถอเนกประสงค์เชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ที่บริษัทฯ วางแผนจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอและมอบรถที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ความชื่นชอบรถยนต์ของลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นสอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการทั่วโลก ซึ่งเปลี่ยนจากรถยนต์แบบซีดานไปสู่รถอเนกประสงค์ ข้อมูลของเชฟโรเลตพบว่า ยอดขายรถอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ นับตั้งแต่ปี 2554 ขณะที่ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลลดลง 4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ JATO Dynamics ระบุว่า ปัจจุบันรถอเนกประสงค์เป็นกลุ่มรถที่มียอดขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
รถอเนกประสงค์รุ่นที่สองของเชฟโรเลตคือ เบลเซอร์ เค5 (K5 Blazer) เป็นรถอเนกประสงค์รุ่นแรกจากหลายรุ่นที่มีชื่อใกล้เคียงกัน และเป็นรุ่นแรกที่มุ่งเน้นเรื่องความสปอร์ต เบลเซอร์ เค5 เปิดตัวในปี 2512 มีระยะฐานล้อที่สั้นกว่าซับเบอร์แบน และมีหลังคาที่สามารถถอดออกได้กลายเป็นรถเปิดประทุนที่มีความแปลกใหม่ ด้วยการผสมผสานสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดเข้ากับฟีเจอร์ความหรูหราระดับพรีเมียม เบลเซอร์ เค5 ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์กิจกรรมกลางแจ้งได้ออกเดินทางตะลุยเส้นทางออฟโรด เพื่อสัมผัสกับความสนุกและประสบการณ์การผจญภัย เบลเซอร์ เค5 เป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์รุ่นแรกๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้รับคำนิยามว่าเป็น “Sport Utility Vehicle” ในการสร้างสรรค์งานโฆษณา ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของเชฟโรเลต
ในปี 2525 เชฟโรเลตเปิดตัวรถอเนกประสงค์รุ่นใหม่ชื่อว่า เบลเซอร์ เอส-10 (S-10 Blazer หรือเบลเซอร์) หนึ่งในรถอเนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่นแรกของอุตสาหกรรมยานยนต์และได้รับการยกย่องมากที่สุดรุ่นหนึ่ง โดยในปี 2538 เบลเซอร์คว้ารางวัลรถกระบะแห่งปีของนิตยสารมอเตอร์เทรนด์ และรถกระบะแห่งปีของนิตยสารเพลย์บอย ในปี 2542 เชฟโรเลตเปิดตัวรถอเนกประสงค์เทรลเบลเซอร์ (TrailBlazer) ซึ่งเป็นรุ่นย่อยเพิ่มเติมจากรุ่นเบลเซอร์ จากนั้นเชฟโรเลตได้แยกเทรลเบลเซอร์ออกมาเป็นรถใหม่อีกหนึ่งรุ่น และรับรางวัลรถกระบะแห่งปีประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ ปัจจุบันเทรลเบลเซอร์ เจเนอเรชันใหม่จัดจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก ล่าสุดเชฟโรเลตเปิดตัวเบลเซอร์รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมรูปลักษณ์แบบรถครอสโอเวอร์ขนาดกลางออกสู่ตลาดอเมริกาเหนืออีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้
เชฟโรเลต ทาโฮ (มีการจัดแสดงรถรุ่นนี้ในงานโซล มอเตอร์โชว์ ปี 2562) เปิดตัวสู่ตลาดในปี 2538 มีรูปลักษณ์ที่มีสไตล์คล้ายกับซับเบอร์แบน แต่มีความยาวน้อยกว่า รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่รุ่นนี้ตั้งชื่อตามภูมิทัศน์ที่สวยงามและความสมบุกสมบันรอบทะเลสาบทาโฮที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา ทาโฮ เจเนอเรชันที่ 4 ในปัจจุบันได้รับความนิยมในกลุ่มอาชีพผู้รักษากฎหมาย เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา รวมถึงทาโฮยังปรากฎโฉมในภาพยนตร์ฮอลลีวูดและรายการโทรทัศน์อีกหลายรายการ ด้วยการเป็นรถยนต์ของเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ส่วนตัวละครชื่อดังอย่างนิค ฟิวรี ที่รับบทโดยซามูเอล แอล. แจ็กสันก็ขับรถทาโฮในภาพยนตร์ของมาร์เวลเช่นกัน
ในช่วงปี 2543 เชฟโรเลตได้ยกระดับประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษในการพัฒนารถอเนกประสงค์และรถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ที่นำเสนอการขับขี่ที่เหมือนกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมากขึ้น อาทิ เชฟโรเลต ทราเวิร์ส เชฟโรเลต อิควิน็อกซ์ และเชฟโรเลต แทร็กซ์ ปัจจุบันเชฟโรเลตจึงมีความพร้อมเป็นอย่างมากที่จะนำเสนอรถอเนกประสงค์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการรถยนต์กลุ่มนี้ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แถว นั้น 在 OverclockZoneTV Youtube 的精選貼文
พูดกันถึงโน๊ตบุค Gaming เทพๆ นี้ หลังจากที่มีการเปิดตัวการ์ดจอสถาปัตยกรรมใหม่จากทาง NVIDIA อย่าง Pascal นั้น ทาง MSI ก็จัดเต็มเปิดตัวมาให้ดูกันหลายรุ่นเลยทีเดียว .. ยิ่งประสิทธิภาพของการ์ดโน๊ตบุค Generation ใหม่นี้ที่เทียบเคียง Desktop ด้วยแล้ว ทำให้มันน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก / ซึ่งที่อิงค์ได้มารีวิวในวันนี้ก็จะเป็นรุ่น GT73VR 6TF Titan Pro ที่จัดสเป็คมาให้อย่างเทพ พร้อมกับจอความละเอียดระดับ 4K Ultra HD IPS-Level .. ประมวลผลด้วย CPU Intel Core i7 - 6820HK , Memory DDR4-2400MHz ขนาด 32GB สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 64GB (มีทั้งหมด 4 แถว) , การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX1080 8GB GDDR5X , Storage ระดับ SuperRAID ความเร็วการโอนถ่ายสุดตาราง ... ทำให้เจ้า Titan Pro รุ่นนี้ สามารถเล่นเกมทุกเกมในเวลานี้ได้แบบปรับสุดอย่างแน่นอน
สเป็คโดยรวม :
CPU : Intel Core i7 6820HK
Memory : 32GB DDR4 2400MHz (8GBx4)
GPU : NVIDIA GeForce GTX1080 8GB GDDR5X
จอ : 17.3" Ultra HD (4K) 3840x2160 IPS-Level
Storage : SuperRAID4 480GB + Harddrive จานหมุน 1TB
Network : Killer Gigabit LAN + Killer Wireless AC / Bluetooth 4.0
ลำโพง : 2x 3W / Subwoofer : 1x 5w
I/O : USB 3.1 Gen 2 Type - C / Thunderbolt 3 , 5x USB 3.0 Type-A
Battery : 8-Cell , 75.24whr
Adapter : 330w
น้ำหนัก : 4.14kg
ราคา : 145,900 บาท
by OverclockZone TV#2 EP.#397
http://www.overclockzone.com
FB: https://www.facebook.com/overclockzon...
TWITTER: @OverclockZoneTH
ติดต่อโฆษณา ae@overclockzone.com
แถว นั้น 在 แถวนั้นแหละ - Bangkok, Thailand - College & university 的必吃
แถวนั้น แหละ, Bangkok, Thailand. 2 likes. College & university. ... <看更多>