#เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก...เราจะเข้าใจ ว่าทำไมควรยกเลิก
(ความคิดเห็นส่วนตัว)
.
ตอนเด็กๆ หมอก็เคยเป็นส่วนหนึ่งในระบบที่มีห้อง king
แยกเด็กแต่ละห้องด้วยผลการสอบมาก่อน
แต่เพราะโชคดีที่เรียนเก่ง
หมอเลยไม่ใช่คนส่วนใหญ่
ที่ได้รับผลกระทบจากระบบการศึกษาแบบแพ้คัดออก
พูดกันตามตรง...ก่อนหน้านี้
หมอไม่เคยนึกถึงมุมของเพื่อนที่อยู่ห้องบ๊วย
ว่าเค้ารู้สึกอย่างไร ที่ครูเอาเวลามาติวเด็กห้อง king
(โดยเฉพาะช่วงก่อนสอบแข่งขันระหว่างโรงเรียน)
จนทำให้บางชั่วโมง พวกเค้าต้องว่าง
เวลาเหลือ ก็มาจับกลุ่มกัน ครูก็มองว่าเด็กเกเร
คำตำหนิ คำต่อว่า คำปรามาส
ทุกอย่างที่แสดงให้เห็นว่า #เค้าเป็นคนไม่เอาไหน
(สมัยหมออยู่ประถม
คุณครูคงไม่ได้อ่านเรื่อง multiple intelligences ของ ศาสตราจารย์โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ แน่ๆ)
เด็กฉลาด(ในด้านอื่นที่ไม่ใช่การสอบ)ที่ถูกมองว่าโง่
จะโต้ตอบด้วยการปิดกั้นตัวเอง สุดท้ายก็ทำร้ายตัวเอง
และในที่สุดสังคมก็ทำร้ายเค้าด้วยเช่นกัน
.
เด็กที่(คิดว่าตัวเอง)ไม่เก่ง
ยากมากที่เค้าจะทะลุกำแพงอคติออกมาได้
ในเมื่อทุกคน กำหนดให้เค้าอยู่ตรงจุดจุดนั้น
ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ😓
.
เมื่อเราเป็นแม่ สิ่งที่เรากลัว ก็คือ
#การที่ลูกของเราถูกตีตราจากคนที่มองเห็นเค้าเพียงด้านเดียว
แม้ว่าเราจะพยายามอย่างไร เป็นแม่ที่ดีแค่ไหน
แต่ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งของชีวิตลูก
เค้าต้องไปเผชิญหน้ากับคำตัดสินของคนอื่นอยู่ดี
.
ดังนั้น
การเลือกโรงเรียนให้ลูก
ก็เหมือนการส่งลูกไปใช้ชีวิตในสังคมฉบับย่อ
เค้ามีเพื่อนแบบไหน
มีครูแบบไหน
ครูปฏิบัติกับเค้าอย่างไร
นั่นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตลูก
รองจากที่บ้านเลยทีเดียว
.
หมอไม่แปลกใจ ที่พ่อแม่
อยากให้ลูกเรียนในโรงเรียนที่ดี
เราเชื่อว่าโรงเรียนที่ดี ต้องมีครูดี
มาพร้อมกับ package เพื่อนดีๆ
โดยเฉพาะโรงเรียนดี
#ที่มีค่าใช้จ่ายที่คนส่วนใหญ่เอื้อมถึง
ส่งให้อัตราการแข่งขันบางโรงเรียน สูงลิ่วถึง 1:100
.
คนสมัครเป็นพัน แต่โรงเรียนรับได้แค่หลักร้อย
นั่นแปลว่า มีเด็กเพียง 10-20% ที่สมหวัง
ที่เหลือ....คือเด็กที่เราเรียกเก๋ๆว่า #มีเพื่อนที่พร้อมมากกว่า
.
หมอได้พูดคุยกับ ครูก้า Krongtong Boonprakong
ในเรื่องนี้
หมอก็คิดว่าเด็กอนุบาล ยังไม่พร้อมจะถูกตีตรา
#ล้มเหลว ตั้งแต่อายุเท่านี้
แต่ก็เหมือนกับพ่อแม่ทั่วไป
หากมันจำเป็น
เราอยากให้ลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนนั้นจริง
เราก็คงต้องเล่นตามกติกา
ถึงจะไม่เห็นด้วยก็ตาม เพราะเราคิดว่า
#อย่างเราจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้
.
“มีคนบอกว่า หากโรงเรียนรับเด็กเข้าเรียนตามเขตพื้นที่
ก็แก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำไม่ได้อยู่ดี
เพราะจะมีคนส่วนหนึ่ง ลงทุนซื้อบ้าน ซื้อคอนโด หรือเช่า ให้ได้รับสิทธิ์เข้าเรียน”
“ถ้าไม่สอบเด็ก เค้าก็อาจจะกลัวกันว่ามีระบบใต้โต๊ะแล้วจะไม่ยุติธรรมรึเปล่าคะ”
“จะจับฉลาก อาจจะทำให้คนใกล้ไม่ได้เรียน เพราะดวงไม่ดี”
หมอแสดงความคิดเห็น
เพราะก็ยังคิดไม่ตกว่า ถ้าไม่สอบ แล้วจะ
คัดเลือกเด็กจากหลักพัน ให้เหลือหลักร้อยได้อย่างไร
ครูก้ายิ้ม มองหมออย่างอ่อนโยน (อย่างที่ปฏิบัติกับทุกคน)
“ที่ครูก้า เรียกร้องให้ยกเลิกการสอบเข้า ป.1
เราไม่ต้องการให้ความเครียดความทุกข์ มันตกอยู่กับเด็ก
เด็กไม่ควรเอาเวลาที่จะได้เล่นสนุกตามวัย มานั่งเขียนอ่าน
แต่เราไม่ได้ focus เรื่องแก้ความเหลื่อมล้ำ จะย้ายบ้าน
จะสัมภาษณ์ผู้ปกครอง จะจ่ายเงินค่าบำรุงให้โรงเรียน
นั่นเป็นปัญหาที่ผู้ใหญ่ต้องแก้ #แต่เด็กไม่ต้องเครียด”
และคำพูดนี้ ทำให้หมอรู้สึกเลยว่า
แม้ได้ชื่อว่าเป็นหมอเด็ก รักเด็ก หวังดีกับเด็ก
แต่ก็ยังห่างไกลนักกับครูก้า
ใช่เลย...เราชอบเอาปัญหามาคลุกกัน
ไม่สอบ แล้วจะทำยังไงล่ะ
นี่คือ ที่คนส่วนใหญ่คิด
แต่สิ่งที่เราควร focus คือ จิตใจของเด็กมิใช่หรือ
เรื่องความเหลื่อมล้ำ นั่นเป็นอีกประเด็นที่ต้องแก้กันต่อไป
.
เมื่อก่อนหมอก็เคยมองว่า
มันก็มีครอบครัวที่สอบเข้าไม่ได้
แต่เด็กก็ไม่ได้เครียดอะไร ไม่ได้ถูกทำร้ายจิตใจ
หรือ มันก็มีบางครอบครัว(ที่หมอเคยอ่านเจอ)
เค้ามองเรื่องการติวเป็นเรื่องบวก
ส่งผลดีให้ลูกเค้าด้วยซ้ำ
แต่
จากเด็กพันคน ในวันที่ประกาศผล
คงมีเด็กที่ดีใจ ภูมิใจที่ตัวเองทำได้ สักร้อยคน
อีก 900 คน
จะมีคนที่เฉยๆกี่คน
มีคนที่เอาความผิดหวังนี้ไปผลักดันตัวเองได้กี่คน
ที่แน่ๆ มีเด็กหลายคนที่ทุกข์ใจ...และเราไม่รู้ว่า
#ความรู้สึกว่าตัวเองทำไม่สำเร็จ
มันรุนแรง และส่งผลมากน้อยแค่ไหน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่ออกมาเล่า...คือพ่อแม่ ไม่ใช่เด็ก
.
โรงเรียนดัง สอนเด็กเก่ง ให้เก่งมากขึ้น
โรงเรียนดี สอนให้เด็กทุกคนรู้ว่าเค้ามีเรื่องที่เก่ง
.
หวังว่าจะไม่มีเด็กอนุบาลคนไหนเลยที่ต้องเอาเวลาที่ควรจะได้เล่น
ไปติว สอบจำลองสนามสอบ ไปสอบ
เพื่อที่จะพิสูจน์ว่า เค้าเป็น 20 หรือ 80% ที่เหลือ
.
หมอแพม
ตะโกนสุดเสียงให้ยกเลิกการสอบแข่งขันเข้า ป.1
「เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก」的推薦目錄:
- 關於เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的精選貼文
- 關於เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的精選貼文
- 關於เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก 在 หมอแพมชวนอ่าน - #เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของ ... 的評價
- 關於เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก 在 ดูบอลสดออนไลน์youtube - Bun 的評價
เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的精選貼文
#เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก...เราจะเข้าใจ ว่าทำไมควรยกเลิก
(ความคิดเห็นส่วนตัว)
.
ตอนเด็กๆ หมอก็เคยเป็นส่วนหนึ่งในระบบที่มีห้อง king
แยกเด็กแต่ละห้องด้วยผลการสอบมาก่อน
แต่เพราะโชคดีที่เรียนเก่ง
หมอเลยไม่ใช่คนส่วนใหญ่
ที่ได้รับผลกระทบจากระบบการศึกษาแบบแพ้คัดออก
พูดกันตามตรง...ก่อนหน้านี้
หมอไม่เคยนึกถึงมุมของเพื่อนที่อยู่ห้องบ๊วย
ว่าเค้ารู้สึกอย่างไร ที่ครูเอาเวลามาติวเด็กห้อง king
(โดยเฉพาะช่วงก่อนสอบแข่งขันระหว่างโรงเรียน)
จนทำให้บางชั่วโมง พวกเค้าต้องว่าง
เวลาเหลือ ก็มาจับกลุ่มกัน ครูก็มองว่าเด็กเกเร
คำตำหนิ คำต่อว่า คำปรามาส
ทุกอย่างที่แสดงให้เห็นว่า #เค้าเป็นคนไม่เอาไหน
(สมัยหมออยู่ประถม
คุณครูคงไม่ได้อ่านเรื่อง multiple intelligences ของ ศาสตราจารย์โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ แน่ๆ)
เด็กฉลาด(ในด้านอื่นที่ไม่ใช่การสอบ)ที่ถูกมองว่าโง่
จะโต้ตอบด้วยการปิดกั้นตัวเอง สุดท้ายก็ทำร้ายตัวเอง
และในที่สุดสังคมก็ทำร้ายเค้าด้วยเช่นกัน
.
เด็กที่(คิดว่าตัวเอง)ไม่เก่ง
ยากมากที่เค้าจะทะลุกำแพงอคติออกมาได้
ในเมื่อทุกคน กำหนดให้เค้าอยู่ตรงจุดจุดนั้น
ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ😓
.
เมื่อเราเป็นแม่ สิ่งที่เรากลัว ก็คือ
#การที่ลูกของเราถูกตีตราจากคนที่มองเห็นเค้าเพียงด้านเดียว
แม้ว่าเราจะพยายามอย่างไร เป็นแม่ที่ดีแค่ไหน
แต่ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งของชีวิตลูก
เค้าต้องไปเผชิญหน้ากับคำตัดสินของคนอื่นอยู่ดี
.
ดังนั้น
การเลือกโรงเรียนให้ลูก
ก็เหมือนการส่งลูกไปใช้ชีวิตในสังคมฉบับย่อ
เค้ามีเพื่อนแบบไหน
มีครูแบบไหน
ครูปฏิบัติกับเค้าอย่างไร
นั่นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตลูก
รองจากที่บ้านเลยทีเดียว
.
หมอไม่แปลกใจ ที่พ่อแม่
อยากให้ลูกเรียนในโรงเรียนที่ดี
เราเชื่อว่าโรงเรียนที่ดี ต้องมีครูดี
มาพร้อมกับ package เพื่อนดีๆ
โดยเฉพาะโรงเรียนดี
#ที่มีค่าใช้จ่ายที่คนส่วนใหญ่เอื้อมถึง
ส่งให้อัตราการแข่งขันบางโรงเรียน สูงลิ่วถึง 1:100
.
คนสมัครเป็นพัน แต่โรงเรียนรับได้แค่หลักร้อย
นั่นแปลว่า มีเด็กเพียง 10-20% ที่สมหวัง
ที่เหลือ....คือเด็กที่เราเรียกเก๋ๆว่า #มีเพื่อนที่พร้อมมากกว่า
.
หมอได้พูดคุยกับ ครูก้า Krongtong Boonprakong
ในเรื่องนี้
หมอก็คิดว่าเด็กอนุบาล ยังไม่พร้อมจะถูกตีตรา
#ล้มเหลว ตั้งแต่อายุเท่านี้
แต่ก็เหมือนกับพ่อแม่ทั่วไป
หากมันจำเป็น
เราอยากให้ลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนนั้นจริง
เราก็คงต้องเล่นตามกติกา
ถึงจะไม่เห็นด้วยก็ตาม เพราะเราคิดว่า
#อย่างเราจะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้
.
“มีคนบอกว่า หากโรงเรียนรับเด็กเข้าเรียนตามเขตพื้นที่
ก็แก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำไม่ได้อยู่ดี
เพราะจะมีคนส่วนหนึ่ง ลงทุนซื้อบ้าน ซื้อคอนโด หรือเช่า ให้ได้รับสิทธิ์เข้าเรียน”
“ถ้าไม่สอบเด็ก เค้าก็อาจจะกลัวกันว่ามีระบบใต้โต๊ะแล้วจะไม่ยุติธรรมรึเปล่าคะ”
“จะจับฉลาก อาจจะทำให้คนใกล้ไม่ได้เรียน เพราะดวงไม่ดี”
หมอแสดงความคิดเห็น
เพราะก็ยังคิดไม่ตกว่า ถ้าไม่สอบ แล้วจะ
คัดเลือกเด็กจากหลักพัน ให้เหลือหลักร้อยได้อย่างไร
ครูก้ายิ้ม มองหมออย่างอ่อนโยน (อย่างที่ปฏิบัติกับทุกคน)
“ที่ครูก้า เรียกร้องให้ยกเลิกการสอบเข้า ป.1
เราไม่ต้องการให้ความเครียดความทุกข์ มันตกอยู่กับเด็ก
เด็กไม่ควรเอาเวลาที่จะได้เล่นสนุกตามวัย มานั่งเขียนอ่าน
แต่เราไม่ได้ focus เรื่องแก้ความเหลื่อมล้ำ จะย้ายบ้าน
จะสัมภาษณ์ผู้ปกครอง จะจ่ายเงินค่าบำรุงให้โรงเรียน
นั่นเป็นปัญหาที่ผู้ใหญ่ต้องแก้ #แต่เด็กไม่ต้องเครียด”
และคำพูดนี้ ทำให้หมอรู้สึกเลยว่า
แม้ได้ชื่อว่าเป็นหมอเด็ก รักเด็ก หวังดีกับเด็ก
แต่ก็ยังห่างไกลนักกับครูก้า
ใช่เลย...เราชอบเอาปัญหามาคลุกกัน
ไม่สอบ แล้วจะทำยังไงล่ะ
นี่คือ ที่คนส่วนใหญ่คิด
แต่สิ่งที่เราควร focus คือ จิตใจของเด็กมิใช่หรือ
เรื่องความเหลื่อมล้ำ นั่นเป็นอีกประเด็นที่ต้องแก้กันต่อไป
.
เมื่อก่อนหมอก็เคยมองว่า
มันก็มีครอบครัวที่สอบเข้าไม่ได้
แต่เด็กก็ไม่ได้เครียดอะไร ไม่ได้ถูกทำร้ายจิตใจ
หรือ มันก็มีบางครอบครัว(ที่หมอเคยอ่านเจอ)
เค้ามองเรื่องการติวเป็นเรื่องบวก
ส่งผลดีให้ลูกเค้าด้วยซ้ำ
แต่
จากเด็กพันคน ในวันที่ประกาศผล
คงมีเด็กที่ดีใจ ภูมิใจที่ตัวเองทำได้ สักร้อยคน
อีก 900 คน
จะมีคนที่เฉยๆกี่คน
มีคนที่เอาความผิดหวังนี้ไปผลักดันตัวเองได้กี่คน
ที่แน่ๆ มีเด็กหลายคนที่ทุกข์ใจ...และเราไม่รู้ว่า
#ความรู้สึกว่าตัวเองทำไม่สำเร็จ
มันรุนแรง และส่งผลมากน้อยแค่ไหน
เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่ออกมาเล่า...คือพ่อแม่ ไม่ใช่เด็ก
.
โรงเรียนดัง สอนเด็กเก่ง ให้เก่งมากขึ้น
โรงเรียนดี สอนให้เด็กทุกคนรู้ว่าเค้ามีเรื่องที่เก่ง
.
หวังว่าจะไม่มีเด็กอนุบาลคนไหนเลยที่ต้องเอาเวลาที่ควรจะได้เล่น
ไปติว สอบจำลองสนามสอบ ไปสอบ
เพื่อที่จะพิสูจน์ว่า เค้าเป็น 20 หรือ 80% ที่เหลือ
.
หมอแพม
ตะโกนสุดเสียงให้ยกเลิกการสอบแข่งขันเข้า ป.1
เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของเด็ก 在 หมอแพมชวนอ่าน - #เมื่อเรามองเรื่องสอบเข้าประถมหนึ่งในมุมของ ... 的必吃
. คนสมัครเป็นพัน แต่โรงเรียนรับได้แค่หลักร้อย นั่นแปลว่า มีเด็กเพียง 10-20% ที่สมหวัง ที่เหลือ....คือเด็กที่เราเรียกเก๋ๆว่า #มีเพื่อนที่พร้อมมากกว่า . หมอได้พูด ... ... <看更多>