ถึงเจ้าของธุรกิจทุกคน ถ้าวันนี้คุณยังต้องใช้เวลา 80% ของชีวิต ไปกับการระแวงเรื่องค่าแอดว่ามันจะแพงจนเกินเพดานกำไรไหม และ ใช้เวลาอีก 20% ไปกับการเฝ้าสังเกตว่าวันนี้เฟซบุ๊ก จะปรับอัลกอริทึมหรือลดการมองเห็นยังไงบ้าง นี่คือ บทความที่ควรค่าแก่การตั้งใจอ่านอย่างยิ่งครับ
.
เพราะสิ่งที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ จะเปลี่ยน “ค่าแอด” ที่คุณต้องเสียไป ให้กลายเป็น “กำไร” ที่คุณควรได้รับ และ จะทำให้การ ยิงแอด เป็นแค่ “ทางเลือก” ไม่ใช่ “ทางรอด” อีกต่อไป
.
.
นี่คือ เคล็ดลับที่ผมใช้กับการทำธุรกิจออนไลน์มาตลอด 2 ปี ซึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของผม และ พี่น้องในคลาส Online Signature จากคนธรรมดา ให้กลายเป็นมนุษย์เงินล้านมานับไม่ถ้วนแล้ว
.
ที่สำคัญ คือ มันไม่ใช่เทคนิคยอดมนุษย์ใดๆ แต่มันเป็นเพียงวิธีการอันเรียบง่าย ที่ได้ผลลัพธ์โคตรทรงพลัง เพราะมันจะทำให้คุณไม่ต้องคอยนั่งระแวงเรื่องค่าแอด และ การปรับอัลกอริทึมของเฟซบุ๊กอีกเลย
.
.
ถ้าคุณติดตามเพจสมองไหลมาสักระยะ คุณจะไม่เคยเห็นผมออกมาบ่นเรื่องค่าแอด หรือ วิ่งตามการปรับอัลกอริทึมของเฟซบุ๊กเลย นั่นก็เพราะตลอดเวลา 2 ปีที่ผมทำธุรกิจออนไลน์มา ผมไม่เคยได้รับผลกระทบจากมันเลยสักครั้งเดียว ที่สำคัญคือ มันไม่ได้เกิดขึ้นกับผมแค่คนเดียว เพราะพี่น้องใน คลาส Online Signature ตอนนี้ก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน
.
พวกเขาใช้เวลา 80% ของชีวิต ไปกับการคิดกลยุทธ์ในการต่อยอด และ แตกไลน์ธุรกิจ ว่าจะโตธุรกิจยังไง ให้ยอดขายแตะหลักล้านต่อเดือนได้ ส่วนอีก 20% คือ เวลาที่ใช้ไปกับการทำตามเคล็ดลับที่ผมกำลังจะนำมาเปิดเผยในบทความนี้
.
.
Seth Godin นักการตลาดชั้นนำของโลก ได้กล่าวเอาไว้ตั้งแต่ปี 2008 ว่า “Content Marketing จะเป็นการตลาดเพียงอย่างเดียวที่เหลืออยู่ต่อจากนี้” เพราะผู้คนจะวิ่งหนีโฆษณากันมากขึ้น ถ้าไม่เชื่อก็ลองมองย้อนดูตัวเองก็ได้ครับ ว่าทุกวันนี้เวลาคุณจะตัดสินใจซื้อสินค้าอะไรสักอย่าง คุณเชื่อโฆษณา หรือ เชื่อคอนเทนต์ เชื่อรีวิว มากกว่า ?
.
นั่นหมายความว่า ถ้าวันนี้ธุรกิจของคุณยังพึ่งยอดขายจากการยิงแอด ธุรกิจของคุณก็กำลัง “อ่อนแอ” ลงเรื่อยๆ
.
ดังนั้น สิ่งแรกที่คุณต้องทำ คือ การปรับหน้าเพจ จากที่เคยโพสต์รูปสินค้า เขียนแคปชั่น ร่ายคุณสมบัติ แล้วก็ยิงแอด (ซึ่งไม่ได้ผล) ให้อยู่ในรูปแบบนี้เฟซบุ๊กชอบและเปิดการมองเห็นแบบออแกนิคมากที่สุด โดยแบ่งเป็น
.
- คอนเทนต์ให้คุณค่า 80%
- รีวิว 15%
- และ โพสต์ขาย 5%
.
ถามว่าทำไมต้องเป็น 3 องค์ประกอบนี้ นั่นก็เพราะคุณต้องเข้าใจก่อนว่าหน้าที่เดียวของเฟซบุ๊ก นั่นก็คือ การคัดในสิ่งที่คนไม่ชอบทิ้ง แล้วนำส่งเฉพาะสิ่งที่คนชอบไปให้ผู้คนเห็น
.
และในเมื่อผู้คนกำลังหนีโฆษณาสินค้า จึงไม่แปลกที่เฟซบุ๊กจะต้องคัดคอนเทนต์ประเภทนี้ทิ้ง (ถ้าอยากให้คนเห็นก็ต้องจ่ายเงินยิงแอดมา) เพราะถ้าเฟซบุ๊กไม่ทำอย่างนี้ สุดท้ายผู้คนจะพากันเลิกใช้เฟซบุ๊กกันหมดเสียก่อน เพราะมันมีแต่สิ่งที่คนไม่ชอบเต็มไปหมด
.
เพื่อไม่ให้คุณถูกคัดทิ้งก่อนจะไปถึงสายตาของลูกค้า คุณจึงต้องทำแต่คอนเทนต์ที่เฟซบุ๊กเปิดการมองเห็น และ สนับสนุน ตั้งแต่แรก ดังนี้
.
1) คอนเทนต์ให้คุณค่า
.
ถ้าเปรียบเหมือนร้านขายเสื้อผ้า คอนเทนต์ให้คุณค่าก็เหมือน เสื้อผ้าที่แขวนโชว์อยู่ในร้าน ให้ลูกค้าได้เดินเลือก เดินชม ตามใจชอบ
.
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว เวลาที่เราตัดสินใจซื้อสินค้า เราก็มักจะตัดสินใจซื้อ เพราะได้เดินเลือกดูจนถูกใจด้วยตัวเอง ไม่ใช่ตอนที่พนักงานขายเดินตามหลังแล้วพยายามยัดเยียดขายสินค้าให้กับเราจริงไหม ?
.
แต่น่าแปลกที่พอมาอยู่บนออนไลน์ คนส่วนใหญ่มักชอบเอาแต่ทำโพสต์ขาย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการส่งพนักงานไปเดินตามหลังลูกค้า จนสุดท้าย ลูกค้าก็ไม่ชอบ แล้วก็เดินหนีออกจากร้านไป
.
ดังนั้น สิ่งที่คุณต้องทำ คือ การสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ สามารถสร้างความอยาก และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เอาไว้หน้าเพจให้ลูกค้าเข้ามาเดินชม เลือกดู ด้วยตัวของเขาเอง แล้วเมื่อไหร่ที่ลูกค้าถูกใจ เขาก็จะทักแชทไปขอซื้อสินค้าเอง เหมือนกับการที่เขาหยิบเสื้อผ้าที่ชอบแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์นั่นแหละ
.
.
2) รีวิว
.
เหตุผลที่เราต้องทำคอนเทนต์ประเภทรีวิว ก็เพื่อให้คอนเทนต์คุณค่าที่เราทำไปแล้วนั้นมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะสิ่งที่เราต้องไม่ลืมก็คือ คำพูดจากลูกค้าด้วยกัน มีน้ำหนัก มากกว่า คำพูดของเรา เสมอ
.
แต่คำว่า รีวิว ในที่นี้ ก็ไม่ได้หมายถึงการแคปเจอร์คำชมของลูกค้า แล้วไปโพสต์เฉยๆ นะครับ เพราะรีวิวแบบนั้นมันมีพลังในการโน้มน้าวที่น้อยมาก ถ้าคุณอยากจะให้รีวิวช่วยเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือ และ โน้มน้าวลูกค้าได้จริงๆ คุณจำเป็นต้องทำคอนเทนต์รีวิวให้อยู่ในระดับที่เข้มข้นมากกว่านี้
.
โดยการทำคอนเทนต์รีวิวนั้นแบ่งออกเป็น 4 Level ตามความเข้มข้น คือ
.
Level 1 คือ รูปภาพ และ ข้อความ บอกสถานะต่างๆ เช่น ยอดขาย รูปส่งของ แชทการสั่งซื้อ
Level 2 คือ รูปภาพ และ ข้อความ ที่บ่งบอกถึงผลลัพธ์จากการใช้งานสินค้าหรือบริการจากลูกค้า
Level 3 คือ รูปภาพ และ ข้อความ ที่มีคำอธิบาย เรื่องราว ที่มาที่ไป และ อารมณ์ร่วม
Level 4 คือ วิดีโอ ที่มีคำอธิบาย เรื่องราว ที่มาที่ไป และ อารมณ์ร่วม พูดง่ายๆ ก็คือ เหมือน Level 3 แต่ทำมาในรูปแบบของ วิดีโอ
.
สาเหตุเพราะรีวิว ในรูปแบบของวิดีโอนั้นจะดูน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะรูปภาพ หรือ ข้อความ สามารถที่จะปลอมแอคเคาท์กันได้ แต่สีหน้า แววตา และ คำพูด ของผู้ใช้งานจริงๆ มันหลอกกันยาก
.
ถ้าที่ผ่านมาคุณทำคอนเทนต์รีวิว แค่ Level 1 กับ 2 ก็ให้ลองทำแบบ Level 3 กับ 4 ดูครับ แล้วคุณจะพบว่าผลลัพธ์ของมันจะดีขึ้นมากกว่าอย่างสิ้นเชิง
.
.
3) โพสต์ขาย
.
พอพูดถึงโพสต์ขาย หลายคนอาจจะคิดว่ามันคือ การเอารูปสินค้า เขียนแคปชั่น บอกคุณสมบัติ เสนอโปรโมชั่น แต่ความจริงแล้ว มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยครับ เพราะการเขียนโพสต์ขายที่ได้ผลมากที่สุด คือ ต้องเขียนโดยใช้ศาสตร์ Copy Writing หรือ ที่ผมมักจะเรียกว่า “การเขียนโพสต์ขายแบบป้ายยา”
.
อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับโพสต์ขายก็คือ “โพสต์ขาย” ไม่ได้มีหน้าที่ “ขาย”
.
อ้าว !! ชื่อก็บอกอยู่ว่า “โพสต์ขาย” ถ้าไม่ได้มีหน้าที่ขาย แล้วมันมีหน้าที่ทำอะไร ?
.
คุณลองนึกภาพร้านเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่ๆ เวลาคุณไปซื้อเสื้อผ้า คุณตัดสินใจซื้อเพราะตัวเอง หรือ ตัดสินใจซื้อเพราะพนักงานขายครับ ?
.
ใช่ครับ !! ส่วนใหญ่ คือ คุณเดินเลือก (คอนเทนต์) และ ทดลองใส่ (รีวิว) จนกว่าจะถูกใจ แล้วก็เดินไปจ่ายเงินซื้อด้วยตัวเอง
.
เว้นเสียแต่ว่า พนักงานขายเขาเห็นคุณยืนเลือกนานไปหน่อย ไม่ยอมตัดสินใจซื้อสักที เขาก็เลยเดินมาบอกคุณว่า “ถ้าคุณซื้อภายในวันนี้ คุณจะได้รับโปรโมชั่นส่วนลด 30% หรือ ไม่ก็บอกคุณว่าสินค้ากำลังจะหมด ถ้าไม่รีบซื้อตอนนี้ คุณอาจจะไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมันอีกแล้ว”
.
เมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณก็เลยรีบหยิบเสื้อผ้าที่ยืนดูอยู่นานแสนนาน แล้ววิ่งไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ทันที
.
เห็นไหมครับว่า พนักงานขายของร้านเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มียอดขายหลักล้าน เขาไม่ได้มายืนตะโกนขายของให้คุณเหมือนในตลาดนัด แต่เขาแค่มา “กระตุ้น” ให้คุณรีบ “ตัดสินใจซื้อ” ก็เท่านั้น
.
โพสต์ขายก็เช่นกันครับ มันไม่ได้มีหน้าที่ขายเหมือนแม่ค้าที่ตะโกนใส่ลูกค้า แต่โพสต์ขายมีหน้าที่ “กระตุ้น” ลูกค้าที่มี “ความต้องการ” อยู่แล้ว แต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ (ซึ่งเกิดจากการที่ลูกค้าได้เข้ามาอ่านคอนเทนต์ ดูรีวิว ก่อนหน้านี้) ให้รีบตัดสินใจซื้อทันทีนั่นเอง
.
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมพยายามบอกว่า อย่าเอารูปภาพมาโพสต์ขายแห้งๆ ตรงๆ เพราะมันก็เหมือนการไปยืนตะโกนใส่หูลูกค้า สุดท้ายลูกค้าก็มีแต่จะเดินหนีไปเปล่าๆ
.
.
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงจะพูดขึ้นมาในใจว่า “ก็รู้แหละ ว่าต้องทำคอนเทนต์ ต้องทำรีวิว ต้องทำโพสต์ขาย แต่ปัญหา คือ มันคิดไม่ออกว่าจะทำคอนเทนต์ยังไง แต่ถึงจะคิดออก แล้วทำออกมาได้ ก็ไม่มีใครทักมาซื้ออยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้น บางคนทักมาถามราคา พอบอกก็เงียบหายไปเลยก็มี”
.
สาเหตุที่เป็นอย่างนั้น ก็เพราะหลายคนรู้แต่เพียงโครงสร้างการทำคอนเทนต์ แต่ไม่รู้วิธีทำให้คอนเทนต์นั้นทำงานได้ยังไงล่ะครับ ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับรถยนต์ที่มีแต่โครงสวยงาม แต่ปราศจากเครื่องยนต์ที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้คุณไปถึงที่หมาย
.
หากคุณอยากให้คอนเทนต์สามารถทำงานหาเงินให้กับคุณได้ ประดุจมีท็อปเซลล์มือทองอยู่ข้างกาย คุณจำเป็นต้องนำจิ๊กซอว์อีก 3 ชิ้น มาเติมเต็มให้สมบูรณ์เสียก่อน
.
.
# จิ๊กซอว์ตัวแรก คือ การขาย
.
คุณอาจจะแปลกใจ ว่าการขายมันเกี่ยวอะไรกับการทำคอนเทนต์ การรีวิว และ โพสต์ขาย เพราะนี่มันในออนไลน์ เราไม่ต้องไปเดินขายลูกค้าแล้วหนิ แค่เรียนการทำคอนเทนต์ก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรอ
.
ผมบอกเลยครับว่ามันเกี่ยวข้องกันเต็มๆ และนี่คือ เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไปเรียนเขียนคอนเทนต์มาเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถทำให้คนซื้อผ่านคอนเทนต์ได้สักที
.
สาเหตุก็เพราะคอนเทนต์มันก็เหมือนกับเซลล์แมนที่คุณฝึกให้มันออกไปขายของแทนคุณ แต่คำถาม คือ ถ้าตัวคุณเองยังขายไม่เป็น แล้วคุณจะฝึกเซลล์แมนของคุณให้ขายเป็นได้ยังไง
.
ดังนั้น ถ้าวันนี้คุณยังขายของต่อหน้าไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยครับว่าจะเขียนคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อได้ เพราะขนาดต่อหน้ายังขายไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับการขายผ่านตัวอักษรล่ะ จริงไหม ?
.
คุณอยากรู้ไหม ว่าคนที่เขียนคอนเทนต์แค่โพสต์เดียว แต่สามารถทำยอดขาย 7 หลักต่อเดือนได้ โดยไม่ต้องไปตามง้อลูกค้า แถมยังใช้คอนเทนต์เดียวทำเงินให้เรื่อยๆ แบบ Passive Income ได้อีก 5 ปี เขามีเคล็ดลับยังไง ผมบอกเลยครับว่าความจริงแล้วมันเป็นเพียงจิตวิทยาง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ฝึกฝนกันได้
.
เมื่อคุณได้เรียนรู้กระบวนการของมันจริงๆ ละก็ คุณจะมีทรัพย์สินที่คอยทำเงินให้กับคุณไปแบบยาวๆ โดยที่คุณไม่ต้องออกแรงทำงานเลย
.
.
# จิ๊กซอว์ตัวที่สอง คือ การตลาดแบบสมองไหล
.
แม้ว่าจะทำทุกอย่างที่ผมกล่าวมาข้างต้นจนหมดแล้ว แต่สิ่งที่มักจะทำให้หลายคนมาตายตอนจบ ก็คือ การโดนคู่แข่งตัดราคา จนหลายคนถึงกับคิดว่าตลาดออนไลน์มันแดงเดือนจนเกินไป จะเข้ามาทำตอนนี้ก็มองไม่เห็นกำไร และ ถึงแม้จะพอขายได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็สู้ราคาคู่แข่งไม่ได้อยู่ดี
.
หากคุณติดตามเพจสมองไหลมาสักระยะ คุณจะพบว่าผมไม่เคยลดราคาหนังสือแข่งกับใครเลย แถมยังคิดค่าส่งแพงอีกต่างหาก แต่ทำไมยอดขายยังเพิ่มขึ้นทุกเดือน ทั้งที่ไม่ได้มีเพจสมองไหลเพจเดียว ที่ทำคอนเทนต์แนวนี้ และ ไม่ใช่เพจเดียวที่ขายหนังสือ ที่สำคัญ คือ ลูกค้าก็รู้ทั้งรู้ว่าที่อื่นขายถูกกว่า แต่ทำไมเขาถึงยังยอมจ่ายแพงกว่าให้ผม
.
ผมบอกเลยครับว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันเกิดจากการวางกลยุทธ์และรากฐานมาอย่างเป็นระบบแล้ว ที่สำคัญ คือ กระบวนการของมันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด จะเรียกว่าเส้นผมบังภูเขาเลยก็ว่าได้ เพราะมันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่น้อยคนนักที่จะมองเห็นแล้วใช้ประโยชน์จากมัน
.
ซึ่งผมได้เปิดเผยเรื่องนี้กับพี่น้องในคลาส Online Signature แบบหมดเปลือกไปแล้ว และ ทันทีที่พวกเขารู้เรื่องนี้ ปัญหาคู่แข่งล้นตลาด และ การโดนตัดราคา ก็ไม่ใช่ปัญหาโลกแตกของพวกเขาอีกต่อไป
.
.
# จิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย คือ ดาต้า
.
หากวันนี้คุณทำธุรกิจออนไลน์แล้วไม่เคยเอาดาต้ามาใช้ประโยชน์ บอกเลยครับว่าคุณกำลังนั่งทับทรัพย์สมบัติมูลค่ามหาศาลอยู่ เพราะข้อมูลต่างๆ ที่ลูกค้าให้คุณมา ทั้งข้อความในแชท รายชื่อลูกค้า ที่อยู่การจัดส่ง รายการสินค้า ยอดโอน ฯลฯ ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่นำมาใช้เพิ่มยอดขาย 2-10 เท่าได้สบายๆ ขอแค่รู้จักนำมันมาใช้ประโยชน์ก็พอ
.
และความลับอีกข้อหนึ่งที่ผมจะบอกก็คือ ดาต้า เหล่านี้สามารถนำมายิงแอดแบบเฉพาะเจาะจงได้ นั่นหมายความว่าการยิงแอดของคุณจะตรงกลุ่มเป้าหมายในระดับบุคคลที่เป็นลูกค้าจริงๆ ไม่มีการสุ่มยิงทิ้งยิงขว้างอีกต่อไป ที่สำคัญ คือ ในยุคนี้การใช้ดาต้ามันง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก ใครๆ ก็ทำได้ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่เคยมีความรู้ด้านนี้มาก่อนเลยก็ตาม
.
.
ซึ่งทั้งหมดนี้ผมได้เปิดเผยแบบหมดเปลือกในคลาส Online Signature Master Class 2021 จนล่าสุดมีนักเรียนหลายคนทักมาบอกผมว่า...
.
.
# “ผมใช้วิธีการขายแบบเสียงย่างเนื้อ ก็สามารถทำยอดขายประกันได้ 3 ล้านภายในเดือนเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากช่องทางออนไลน์ทั้งหมด”
.
คุณอานนท์ ซึ่งทำอาชีพขายประกัน ทักมาบอกผมทันทีที่เรียนจบคอร์สไปเพียงไม่ถึง 1 สัปดาห์
.
.
# คนต่อมาที่เติบโตแบบก้าวกระโดดไม่แพ้กัน คือ คุณชมพู เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายตัวหนึ่ง เธอบอกกับผมว่า
.
“ตอนเริ่มต้นทำแบรนด์ คือ ตอนอายุ 20 ค่ะ แต่ตอนนั้น ทำไปเพราะแค่อยากมีรายได้ ไม่มีทุนโปรโมต ไม่มีการวางแผนอะไรทั้งนั้น ลองผิดลองถูกเอา คือ ตอนนั้นสั่งของมาทดลองใช้เอง ใช้แล้วผิวดีขึ้น ก็เริ่มโพสต์ขายเลย ดั้นด้นขายแบบออแกนิคมา 2 ปีค่ะ ขายใน Shopee เฟซบุ๊ก และ ไอจี ซึ่งตอนนั้นก็ทำแบบขำๆ ตัดภาพเองแบบตลกๆ ก็เลยไม่ค่อยน่าซื้อเท่าไหร่ และในช่วง 2 ปีนี้ ก็มีลองยิงแอดบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาได้ดีเท่าไหร่
.
จนมา ปีที่ 3 ปีนี้ (ปัจจุบัน) เป็นปีการเปลี่ยนแปลง ช่วง ต้นปี 64 เดือนมกราคม ก็ยังโพสต์ขายอยู่ แบบเรื่อยๆ เดือนมกราคมยอดไลค์ ยอดผู้ติดตามอันน้อยนิด แบบ 2 ปีที่ผ่านมาเลย
.
แต่พอได้มาเรียนในคอร์สนี้ แล้วลองทำ ลองโพสต์ และลองทำตามเทคนิคไปสักระยะ บวกกับมาลองยิงแอดอีกครั้ง คือ งง มาก มันปังค่ะพี่ เป็นครั้งแรกที่ได้แตะออเดอร์วันละ 100 บ้าน ด้วยงบยิงแอดแค่ 90 บาท พอรู้สึกว่ามันดี ก็เลยไปสอนตัวแทนขายต่อค่ะ สอนเค้าแบบบ้านๆ เลย .
.
สรุปคือ ตัวแทนทำตาม นางขายได้ แลดูจะเข้าใจง่ายด้วย คือ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
.
**ผลลัพธ์ในปัจจุบัน
.
2 ปีที่ ขายมา
ปีแรก 62 มีเงินเก็บแค่ 10,000 บาท/ปี
ปีสอง 63 มีเงินเก็บถึง 50,000 บาท/ปี
(ดั้นด้นเอง มึนๆ มั่วๆ)
.
ปีที่สาม (ปัจจุบัน 64) แค่ช่วง 5 เดือนนี้ มีเงินเก็บ เกือบ 1 ล้านบาท (ไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ค่ะ)
.
**ความต่างที่ชัดคือ ในระยะ 5 เดือนนี้ ที่ตัดสินใจเติมความรู้ เหมือนได้เบิกเนตร คือ มันต่อยอดได้แบบสุดจริงค่ะ**
.
.
# อีกคนหนึ่งคือ น้องภัค สาวน้อยวัย 19 ปี ที่เข้ามาในคลาส Online Signature ทั้งที่ยังไม่ได้ทำธุรกิจใดๆ แต่เมื่อเรียนไปถึงบทที่ 3 ผมก็ให้ทุกคนทำ Workshop ชิ้นหนึ่ง คือ ให้ขายสินค้าของตัวเองโดยใช้เทคนิคที่สอนไป แต่ถ้าใครยังไม่มีธุรกิจของตัวเอง ก็ให้หยิบของในบ้านมาทำ Workshop ไปก่อน ซึ่งน้องภัคก็ไปหยิบสเปรย์ระงับกลิ่นกายของตัวเองมาขาย
.
ผลปรากฎว่ามีเพื่อนๆ ในคลาสดูการบ้านที่น้องภัคทำส่ง แล้วก็สั่งซื้อจริงๆ เธอก็เลยลองไปเปิดเพจขายจริงดู จนล่าสุดเธอมาบอกผมว่า “ลองเริ่มขายไปได้แค่เดือนเดียว ยอดขาย 5,000 บาท แล้วค่ะ ตอนนี้กำลังจะลองยิงแอดตามเทคนิคที่สอนในคลาสเพิ่ม เพื่อกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้นอีก”
.
.
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพี่น้องอีกกว่า 300 คน เท่านั้น ที่ผมหยิบยกมาเล่าให้ฟัง ซึ่งถ้าจะให้ผมเล่าเคสทั้งหมดทุกคน ก็คงเขียนเป็นหนังสือเล่มนึงได้ เอาเป็นว่าหากคุณอยากจะรู้ว่าพี่น้องแต่ละคนในคลาสเขาเติบโตก้าวกระโดดขนาดไหน ก็เข้ามาลุยกับพวกเราในคลาส Online Signature ได้ครับ
.
เพราะที่นี่เราอยู่กันแบบสังคมที่สนับสนุนการเติบโตซึ่งกันและกัน ไม่มีใครในคลาสนี้บั่นทอนความฝันของคนอื่น ไม่มีใครหัวเราะหากมีเด็กคนหนึ่งประกาศกร้าวว่าจะทำเงินล้าน มีแต่เชียร์ว่า “ลุยเลย !! เอาเลย !! ” เพราะการทำเงินหลักล้านในสังคมแห่งการเติบโตนี้มันเป็นเรื่องปกติมากๆ
.
ทุกคนในนี้พร้อมที่จะเติบโตสวนกระแสท่ามกลางคนภายนอกที่เอาแต่บ่นว่าเศรษฐกิจไม่ดี จะไปทำอะไรได้...
.
แต่พี่น้องชาว Online Signature คิดเสมอว่า “ในเวลาที่คนอื่นหยุด คุณแค่เดินไปช้าๆ ก็ยังนำหน้าเขาไปได้ตั้งหลายก้าว เพราะถึงจะอยู่ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทรุด แต่เรายังโอกาสพัฒนาตัวเองและธุรกิจให้ก้าวหน้าได้ และเมื่อไหร่ที่เศรษฐกิจกลับมาสู่สภาพเดิม เราจะกลายเป็น ผู้นำ ทันที”
.
.
และสุดท้าย แอบกระซิบบอกสำหรับคนที่อยากจะเข้ามาลุยด้วยกันว่า “ผมมีสอนสูตรลับการยิงแอดร้อยให้ได้ล้าน ที่ใครได้เรียนไปแล้ว ก็ไม่เคยกลับมาบ่นเรื่องค่าแอดแพงอีกเลย” อันนี้เอาไว้เป็นทางเลือกถ้าอยากจะเพิ่มยอดขายให้มากขึ้นอีก (แต่หลายคนแทบไม่ได้ใช้ เพราะขนาดไม่ยิงแอดยอดขายก็รับไม่ทันแล้ว)
.
ที่สำคัญ สำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์ ผมเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการทำรูปคอนเทนต์แบบง่ายๆ จากมือถือด้วย Canva มาสอนให้ด้วย จะได้ไม่ต้องกังวลว่า “ทำไปแล้วจะไม่มีรูปพรีเมี่ยมใช้”
.
.
# คอร์ส Online Signature Master Class 2021 จากปกติราคา 46,000 บาท ช่วงโปรโมชั่นเหลือเพียง 18,000 บาท
.
แต่เดี๋ยวก่อน !! เฉพาะคนที่แชร์โพสต์นี้ และ สมัครเข้ามา 20 คนแรก คุณสามารถเข้ามาลุยในคอร์สนี้ในราคาเพียงพิเศษ 10,860 บาท เท่านั้น !!
.
.
# พร้อมรับคำเชิญเข้ากลุ่มลับ War Room ที่อาจารย์เจษแห่งสำนัก Ohmpiang นักขายมือโปร ที่สามารถขายของทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัว ในแบบที่เหมือนเพื่อนคุยกัน แต่ทุกคนที่ฟังต้องควักกระเป๋าเงินออกมาซื้อแบบ งงๆ ทุกที โดย อ.เจษ จะแอบมา Live เรื่อง “การขาย” ให้ฟังพร้อมเปิดรับคำถามและแจกสคริปต์การขายเรื่อยๆ แบบฟรีๆ
.
.
สมัครเรียน แอดไลน์ @samounglai (ใส่ @ ด้วย) จากนั้นบอกทีมงานว่า “ลุย OSM”
.
แล้วพบกันในคลาสนะครับ ^^
.
.
ปล1. ราคาพิเศษ 10,860 บาท และ คำเชิญเข้ากลุ่มลับ War Room นี้ เฉพาะ 20 คนแรก เท่านั้น !!
.
ปล2. สามารถชำระผ่านบัตรเครดิต หรือ ผ่อน 0% นาน 10 เดือนได้ (บัตรเครดิตที่ร่วมรายการ)
.
ปล3 ราคาอาจจะดูแรง แต่ผลตอบแทนที่ได้ แพงกว่าแน่นอน ถ้าเข้ามาเรียนแล้วคิดว่าไม่คุ้ม ผมยินดีคืนเงินให้ ภายใน 7 วัน
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過4,660的網紅Ching CanCook,也在其Youtube影片中提到,เคยมั้ย? เวลาเลือกซื้อซิมสักใบ อยากใช้ดูหนัง หรือจะเล่นโซเชียลแบบคุ้มๆ ก็มีให้เลือกเยอะไปหมด ซิมโน้นก็ดี ซิมนี้ก็โดน . หลังจากชิ้งแอบไปศึกษามาหมดแร้ว ...
「เขียนแคปชั่น」的推薦目錄:
- 關於เขียนแคปชั่น 在 สมองไหล Facebook 的最讚貼文
- 關於เขียนแคปชั่น 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最讚貼文
- 關於เขียนแคปชั่น 在 ULTRA channel Facebook 的精選貼文
- 關於เขียนแคปชั่น 在 Ching CanCook Youtube 的精選貼文
- 關於เขียนแคปชั่น 在 เขียนแคปชั่นยังไงให้ปัง..ขายดีเวอร์ | เคล็ดไม่ลับ - YouTube 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 5 เทคนิคเขียนแคปชั่นขายของ ให้ลูกค้ากดซื้อแบบสุดปัง | Fillgoods 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 เทคนิคเขียนแคปชั่นยังไงให้ปัง!! ต้องฟังคลิปนี้ค่ะ ... 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 10 ทิปส์ง่าย ๆ เขียนแคปชันเฟซบุ๊กยังไงให้คนไม่เลื่อนผ่าน 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 8 วิธี เขียนแคปชั่นยังไงให้คนอ่านจนจบ พร้อมกดติดตาม 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 4 เทคนิค เขียน Caption Facebook Ad ยังไงให้ขายดี - ForeToday 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 รู้หรือไม่... การเขียนแคปชั่น คือ สิ่งสำคัญมากในการเรียกลูกค้า 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 รวมแคปชั่นน่ารักๆ โพสต์ Facebook, IG, Twitter อัพเดต 2021 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 รับเขียนแคปชั่น facebook page - nganyiam 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 Tips | วิธีแชร์โพสต์บน Facebook ให้ติดแคปชั่น (Caption) ของต้นทาง 的評價
- 關於เขียนแคปชั่น 在 เทคนิคเขียนแคปชั่นขายแบบ BAB เทคนิคการเขียนแคปชั่ ... - Pinterest 的評價
เขียนแคปชั่น 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最讚貼文
พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เคยไหม? สินค้าก็ดี แถมยังพร้อมจะบริการลูกค้าทุกระดับประทับใจ แต่ทำไมลูกค้าถึงน้อยอยู่นะ นั่นเป็นเพราะคุณกำลังมองข้ามเรื่องสำคัญอย่างการเขียนแคปชั่นไปหรือเปล่า หลายคนอาจจะมัวแต่ให้ความสนใจในการบริการ คุณภาพสินค้า จนลืมไปว่า แคปชั่นเนี่ยแหละคือประตูด่านแรกที่ลูกค้าจะได้เจอก่อนที่จะทักเข้ามาพูดคุยกับเราด้วยซ้ำ และแคปชั่นนี่แหละที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของลูกค้าว่าจะเลือกซื้อของกับร้านของคุณหรือไม่ วันนี้เราเลยได้นำเทคนิคการเขียนแคปชั่นที่จะเตะตาลูกค้าและทำให้ลูกค้าอยากที่จะซื้อสินค้ากับร้านของคุณมาฝากกัน
.
เทคนิคที่ 1 – FAB (Features x Advantages x Benefits)
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่คนขายของออนไลน์นิยมใช้กันอย่างมาก เป็นการเน้นพูดถึงคุณสมบัติ จุดเด่นของสินค้าว่าดีและมีประโยชน์อย่างไร เหมาะกับประเภทสินค้าที่มีคู่แข่งเยอะ เพราะจะช่วยสร้างความแตกต่างให้ลูกค้าเห็นว่าร้านค้าของคุณนั้นโดดเด่นกว่าร้านอื่นๆ อย่างไร และตัดสินใจเลือกซื้อสินค้ากับร้านของคุณ
• Features - คุณสมบัติของสินค้า ทำอะไรได้บ้าง
• Advantages – จุดเด่นของสินค้า แตกต่างและดีกว่าคู่แข่งอย่างไร
• Benefits – ประโยชน์ของสินค้า ใช้แล้วจะช่วยลูกค้าได้อย่างไร
• ตัวอย่าง
Features : พาวเวอร์แบงค์ 20,000 มิลลิแอมป์ มีให้เลือกถึง 4 สี
Advantages : รองรับ Wireless Charge และระบบ Fast Charge อยู่ได้นานถึง 3 วัน วัสดุคงทน รับประกัน 1 ปี เปลี่ยนเครื่องใหม่
Benefits : พาวเวอร์แบงค์ขนาดเล็กพกพาง่ายแต่แบตอึด ที่จะช่วยให้คุณทำงานได้แบบหายห่วงไม่ต้องกังวลว่าจะแบตจะหมดระหว่างวัน
.
เทคนิคที่ 2 – BAB (Before x After x Bridge)
เทคนิคนี้จะเป็นการเปรียบเทียบ Before-After ก่อนใช้และหลังใช้งานสินค้า ว่าปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่เป็นอย่างไรแล้วสินค้าของคุณจะช่วยแก้ปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญอยู่ให้ดีขึ้นได้อย่างไร ก่อนจะก็จบด้วยการนำเสนอสินค้าของคุณที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าได้อย่างดี
• Before – พูดถึงปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญเพื่อดึงดูด
• After – เน้นให้ลูกค้าเห็นว่าเมื่อได้ใช้สินค้าของคุณ สะดวกขึ้นอย่างไรบ้าง ทำให้เห็นว่าเขาจะได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
• Bridge – เป็นการเชื่อมจาก before ทำยังไงให้สามารถไปถึงจุด after ที่ลูกค้าต้องการได้ นั่นก็คือการใช้สินค้าของคุณนั่นเอง
•ตัวอย่าง
Before : นั่งก็โอย ลุกก็โอย Work From Home ทั้งวันจนปวดหลัง
After : ลดอาการปวดหลังจากการทำงานที่บ้านได้ง่ายๆ
Bridge : ด้วยเก้าอี้เพื่อสุขภาพที่จะช่วยให้คุณนั่งทำงานได้ทั้งวันแบบไม่ปวดหลัง เนื่องจากเก้าอี้ของเราถูกออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระของร่างกายอย่างถูกต้อง อาการปวดหลังจากการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันจะหายไป บอกลาเก้าอี้ที่บ้านของคุณได้เลย
.
เทคนิคที่ 3 – PAS (Pain/Problem x Agitate x Solve)
เทคนิคนี้เป็นการเขียนที่จี้ปมและขยี้ความเจ็บปวดของลูกค้าให้เกิดความรู้สึกร่วม จนพวกเขาเกิดความรู้สึกที่อยากจะซื้อสินค้าของคุณ ด้วยการหยิบเอาปัญหาขึ้นมาพูดก่อนที่จะเน้นถึงประเด็นปัญหาให้ชัดเจนมากขึ้น แล้วจบด้วยสินค้าของคุณที่เปรียบเสมือนฮีโร่ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาอันแสนหนักหนาครั้งนี้
• Pain/Problem – เข้าใจถึงปัญหาที่ลูกค้าต้องเจออย่างแท้จริง ก่อนจะเปิดแผลด้วยการพูดถึงปัญหานั้น
• Agitate – ขยี้ประเด็นและเน้นให้ลูกค้าเห็นว่าหากแผลที่เป็นอยู่ไม่ได้ถูกแก้ไขจะส่งผลอย่างไรบ้าง และกระตุ้นให้รีบแก้ไขโดยเร็ว
• Solve - สร้างความสบายใจให้กับลูกค้าว่าสินค้าของคุณจะช่วยแก้ไขปัญหาของพวกเขาได้อย่างแน่นอน
• ตัวอย่าง
Pain/Problem : มีกลิ่นปาก แปรงฟันดีแค่ไหน แก้ยังไงก็ไม่หาย
Agitate : ไม่กล้าคุยกับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือเจ้านาย ไม่มีความมั่นใจ ทุกคนเบือนหน้าหนี เพื่อนรอบข้างไม่เดินด้วย ภรรยาบ่นทุกวัน
Solve : แก้ปัญหาด้วยสเปร์ยดับกลิ่นปาก ที่ช่วยดับกลิ่นปากของคุณโดยตรง แถมยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ ไม่มีเป็นอันตราย ไม่มีสารตกค้าง ให้คุณมีความมั่นใจในพูดคุยและพบปะผู้คนแบบไม่ต้องกังวล
.
แคปชั่นเป็นหนึ่งในด่านหน้าที่สำคัญของการขายของออนไลน์ เพราะก่อนที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าสักอย่าง ก็ต้องเลือกจากแคปชั่นที่เขียนบรรยายถึงสรรพคุณต่างๆ ว่าตรงตามที่พวกเขานั้นต้องการหรือไม่ หรือในบางครั้งการพูดถึงปัญหาที่ลูกค้าอาจจะกำลังเผชิญอยู่ก็สามารถดึงเอาลูกค้าที่อาจจะไม่เคยมีความคิดที่จะซื้อสินค้าของคุณนั้น หันมาสนใจและสั่งซื้อสินค้าก็เป็นได้ ดังนั้นคุณควรจะให้ความใส่ใจในการเขียนแคปชั่นอย่างมาก เพราะถ้าแคปชั่นนั้นไม่ดึงดูด คุณก็อย่าหวังถึงการพูดคุยเพื่อโน้มน้าวลูกค้าเลย นอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือรูปภาพ ยิ่งภาพของคุณนั้นโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ก็จะสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดีเช่นกัน
.
ที่มา : https://bit.ly/3weyGS5
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#Business #ธุรกิจ #ไอเดียธุรกิจ #ขายของออนไลน์ #เขียนแคปชั่น #เทคนิค #การตลาด #Marketing
เขียนแคปชั่น 在 ULTRA channel Facebook 的精選貼文
iQIYI Thailand💚ร่วมชิงรางวัลพิเศษจาก iQIYI ได้ดังนี้
1. กด Like และ Share VDO ของ Ultra Channel บน Facebook ของคุณ (**VDO link นี้เลย ต้องตัวนี้เท่านั้นนะ > https://www.youtube.com/watch?v=7zy3ik7wRlc&ab_channel=ULTRACHANNEL
2. เขียนแคปชั่น ตอบคำถามว่า “ทำไมต้องดู Animation สุดมันส์บน iQIYI เท่านั้น” พร้อมติด #iQIYI ด้วยนะ
3. แคปหน้าที่แชร์มาเป็นหลักฐานในคอมเม้นใต้โพสต์กิจกรรมนี้เลย
.
💚ใครที่ตอบคำถามได้โดนใจ รับรางวัลจากแอพพลิเคชั่น iQIYI จำนวน 3 รางวัล
รางวัลเซตที่ 1 > Jigsaw One Piece 108pcs 1 กล่อง + กระติกน้ำ One Piece Bottle 1 ชิ้น + iQIYI VIP ดูฟรี 1 เดือน จำนวน 1 รางวัล
รางวัลเซตที่ 2 > แก้วน้ำ One Piece Bottle 2 ชิ้น + iQIYI VIP ดูฟรี 1 เดือน จำนวน 1 รางวัล
รางวัลเซตที่ 3 > iQIYI VIP ดูฟรี 1 เดือน จำนวน 1 รางวัล
.
ระยะเวลาในการร่วมกิจกรรม
ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันนี้ – 14 ม.ค. 64
ประกาศผลวันที่ 20 ม.ค. 64 ติดตามได้ทาง Facebook ของ Ultra Channel เลย
เขียนแคปชั่น 在 Ching CanCook Youtube 的精選貼文
เคยมั้ย? เวลาเลือกซื้อซิมสักใบ อยากใช้ดูหนัง หรือจะเล่นโซเชียลแบบคุ้มๆ ก็มีให้เลือกเยอะไปหมด ซิมโน้นก็ดี ซิมนี้ก็โดน
.
หลังจากชิ้งแอบไปศึกษามาหมดแร้ว วันนี้ชิ้งมีซิมดีๆแจ่มๆ มานำเหนอค่ะ “THE ONE SIM” #จากเอไอเอสวันทูคอล! ซิมเดียวจบครบทุกสไตล์ ให้เราอัพโหลดรูป โซเชียล เขียนแคปชั่น เขียนบล็อก ได้แบบเหมาๆ
.
ตัวชิ้งอ่ะต้องโซเชียลแทบจะตลอดเวลา ก็เลยเลือก The ONE SIM แล้วเปลี่ยนโปรเป็น SUPER SOCIAL ทำให้เข้าโซเชียลได้ตลอดๆ ซิมนี้ถือว่าตอบโจทย์สาวโซเชียลสายโหดอย่างชิ้งมากมาก!!!
--- อย่าลืมกด Subscribe เพื่อไม่พลาดเมนูใหม่ๆ ให้ด้วยน้าาาาา ^^ ---
Facebook - https://www.facebook.com/FashionOnFood/
Youtube - https://www.youtube.com/ChingCanCook
WebSite - http://www.chingcancook.com
เขียนแคปชั่น 在 5 เทคนิคเขียนแคปชั่นขายของ ให้ลูกค้ากดซื้อแบบสุดปัง | Fillgoods 的必吃
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในแคปชั่นขายของที่และสามารถสะกดสายตาลูกค้าได้ตั้งแต่แรกเห็นนั่นก็คือโปรโมชั่นนั้นเอง เพราะไม่ว่าใครก็ต่างชื่นชอบสินค้าราคาถูก ... ... <看更多>
เขียนแคปชั่น 在 เทคนิคเขียนแคปชั่นยังไงให้ปัง!! ต้องฟังคลิปนี้ค่ะ ... 的必吃
เทคนิคเขียนแคปชั่นยังไงให้ปัง!! ต้องฟังคลิปนี้ค่ะ ================== ติดตาม Tips & Tricks เพิ่มเติมได้ที่ www.tiktok.com/@thedigitaltips #DigitalTips... ... <看更多>
เขียนแคปชั่น 在 เขียนแคปชั่นยังไงให้ปัง..ขายดีเวอร์ | เคล็ดไม่ลับ - YouTube 的必吃
เขียนแคปชั่น ยังไงให้ปัง เคล็ด (ไม่) ลับวิธีการตั้งแคปชั่นดึงดูดลูกค้า✨ที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ตั้งขายของยังไงก็โดนนนนน ! ... <看更多>