แม่เจ้า!
กลัวตัวเองเลย เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นพอดี🇯🇵
ระยะฟักตัว24วัน
อาทิตย์นี้ไปญี่ปุ่นต่ออีก...
ตัวเองติดไม่เท่าไหร่ กลัวครอบครัวติด
---‐------
แชร์ต่อมาอีกที จาก @Thanet Knack Praneenararat
(พอดีกดแชร์แต่ข้อความไม่ไป ไปแต่ลิงค์ เลยก็อปมาแชร์)
----‐---
พอดีได้ดูรายการเมื่อตอนกลางวันพอดี director รายการหนึ่งของ TBS ได้โดยสารแท็กซี่ เลยชวนคุยกับคนขับอีท่าไหนไม่รู้ เกี่ยวกับข่าวเรื่องที่มีคนขับแท็กซี่ที่ไปร่วมงานเลี้ยงปีใหม่บนเรื่องท่องเที่ยว แล้วติด COVID-19 มา
คนขับแท็กซี่คันที่เขาขึ้นไปนั่งก็เลยบอกว่า "อ่อ ผมก็ไปมางานเลี้ยงนั้นน่ะ"
...
director รายการเลยบอกงั้นขอสัมภาษณ์เลยละกัน (อ้าวเฮ้ย 55) จากนั้นก็เริ่มบทสัมภาษณ์ ถามเกี่ยวกับรายละเอียดที่เค้าไปงานเลี้ยงปีใหม่ว่าเป็นยังไง มีคนเยอะมั้ย กินข้าวกันยังไง
คนขับแท็กซี่ก็บอกว่า อ๋อ ก็นั่งห่างกันกับคนที่เป็นข่าวไปแค่แถวเดียว (คือไม่ถึงเมตรดีอะ)!!!
(แล้วคือเค้าก็ฉายว่าที่นั่งบนเรือ มันหน้าตาจะประมาณไหน คือ มันแคบมากแถวนึง ไหล่ชนไหล่ เบียดแบบไม่รู้จะเบียดไง (นึกภาพ izakaya ร้านที่นั่งมันเล็ก ๆ อะ)
อาหารก็เสิร์ฟกันแบบ งานเลี้ยงญี่ปุ่นทั่วไป มีนั่นมีนี่เป็นเซ็ต ๆ มาลง ซาชิมิ ก็ใช้ตะเกียบที่เหมือนช้อนกลาง คีบเสร็จ ก็ให้อีกคนคีบต่อ แล้วก็คือมือต่อมือต่อมือ
เสร็จก็ มีคนรินเหล้า รินกันไปกันมา บางทีก็เดินเปลี่ยนแถว เปลี่ยนโต๊ะ ตามสไตล์งานเลี้ยงญี่ปุ่น คัมปาย ๆๆๆๆ มือก็จับกันไปกันมา จับไหล่ จับโต๊ะ จับอาหาร จับแก้ว เข้าปาก ฯลฯ ผู้เชี่ยวชาญ บอกท่าทางก็ติดกันทั้งเรือนั่นแหละ ไม่ต้องสืบเสาะ โอกาสติดเยอะมาก ๆ)
กลับมาที่เรื่องที่เค้าฉายกันต่อ
พอคนขับพูดงั้นปุ๊บ director บอก เอิ่มมมม คุณไปตรวจมาละช่ายปะ
คนขับบอก อ๋อ ใช่ ๆ เนี่ย ๆ เค้าบอกว่าตรวจละจะรู้ผลตอนกลางคืน ถ้า positive จะรีบโทรมาแจ้งผล เนี่ยวันนี้ก็ไม่เห็นโทรมา ผมก็คิดว่า "น่าจะ" negative แหละ เลยมาทำงานขับแท็กซี่ตามปกติ (ห่านนนน)
director เลยบอก เอ่อ ขอโทษนะครับ รบกวนจอดรถ แล้วไปคุยกันข้างนอกที่อากาศดี ๆ กันมั้ย คนขับก็ไม่ว่าอะไรนะ ยอมจอดให้สัมภาษณ์ด้วย
คนขับบอกต่อว่า เนี่ยก็ไม่ได้มีอาการอะไร แข็งแรงดี ไข้ก็ไม่ขึ้น ไอก็ไม่ไอ เค้าเอาเยื่อบุ (ไม่แน่ใจว่าในโพรงจมูก หรือปาก หรือตรงไหน) ไปตรวจ แล้วบอกเดี๋ยวกลางคืนน่าจะรู้ ผมเลยวางใจระดับนึงเพราะป่านนี้ก็ไม่เห็นเค้าโทรมาบอกว่าเป็นอะ .. ไร ...
กริ๊ง ๆๆๆๆๆๆ
โทรศัพท์ดังจ้าาาา พีคมาก
คนที่โทรมาคือ health care center ที่คนขับฯ ไปตรวจครับ
คือเค้าโทรมาเพื่อที่จะบอกว่า "คุณคะ คุณ test positive ค่ะ"
คือคนขับช็อคไปเลยครับ แล้วก็ถอยจาก director ไปสี่ห้าก้าว แล้วก็บ่นกับโทรศัพท์ว่า "เหหหห จริงเหรอ positive จริงเหรอครับ ผมก็ทำงานตามปกติอะวันนี้ เนี่ยกำลังให้สัมภาษณ์อยู่"
แล้วก็แจ้งข่าวกับ director ว่าตรวจเจอไวรัส และโดนทางศูนย์แจ้งว่าให้คุณรีบไปเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาด่วน!
อ่านในทวิตเตอร์เห็นว่า director กับลูกน้อง นี่ก็กักตัวเองอยู่บ้านละ รอดูอาการ โทรไปปรึกษาศูนย์ hotline เค้าบอกว่า "อ๋อ ถึงจะไปเจอกับคนติดโรคมา แต่ถ้าไม่มีอาการก็ไม่รับตรวจค่ะ" (เวรกรรมมาก) คือเค้าไม่รู้จะติดไปด้วยหรือเปล่า แต่อย่างน้อยที่ตัดสินใจมาสัมภาษณ์กันนอกรถ ก็ยังลดความเสี่ยงได้ดีกว่าไปนั่งคุยกันบนรถอะนะ
ดูจากข่าวบนเรือสำราญฯ ที่เจอไวรัส 99 คนวันนี้ มีตั้ง 70 คนที่ไม่มีอาการอะไรเลย ทำให้คนชะล่าใจมาก ๆ ยังไงตอนนี้ทำไรไม่ได้ก็ล้างมือกับเจลฆ่าเชื้อวนไปก่อน
แล้วจริง ๆ เราก็เริ่มรู้สึกว่าช้อนกลาง ก็ไม่ค่อยปลอดภัยนะ อาจจะต้องใช้ช้อนแบ่งแบบของใครของมัน แต่คือคนก็จะงง เอาช้อนแบ่งมาเข้าปากอยู่ดี 55 สรุปอยู่บ้านเหอะ อย่าได้สัมผัสเนื้อต้องตัวกัน เป็นเซียวเหล่งนึ่งเข้าถ้ำกันไป 18 ปี
อ่อ อ๋อ 在 I Love Japan TH Facebook 的最讚貼文
แม่เจ้า!
กลัวตัวเองเลย เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นพอดี🇯🇵
ระยะฟักตัว24วัน
อาทิตย์นี้ไปญี่ปุ่นต่ออีก...
ตัวเองติดไม่เท่าไหร่ กลัวครอบครัวติด
-\-\-‐-\-\-\-\-\-\
แชร์ต่อมาอีกที จาก @Thanet Knack Praneenararat
(พอดีกดแชร์แต่ข้อความไม่ไป ไปแต่ลิงค์ เลยก็อปมาแชร์)
-\-\-\-\‐-\-\-
พอดีได้ดูรายการเมื่อตอนกลางวันพอดี director รายการหนึ่งของ TBS ได้โดยสารแท็กซี่ เลยชวนคุยกับคนขับอีท่าไหนไม่รู้ เกี่ยวกับข่าวเรื่องที่มีคนขับแท็กซี่ที่ไปร่วมงานเลี้ยงปีใหม่บนเรื่องท่องเที่ยว แล้วติด COVID-19 มา
คนขับแท็กซี่คันที่เขาขึ้นไปนั่งก็เลยบอกว่า "อ่อ ผมก็ไปมางานเลี้ยงนั้นน่ะ"
...
director รายการเลยบอกงั้นขอสัมภาษณ์เลยละกัน (อ้าวเฮ้ย 55) จากนั้นก็เริ่มบทสัมภาษณ์ ถามเกี่ยวกับรายละเอียดที่เค้าไปงานเลี้ยงปีใหม่ว่าเป็นยังไง มีคนเยอะมั้ย กินข้าวกันยังไง
คนขับแท็กซี่ก็บอกว่า อ๋อ ก็นั่งห่างกันกับคนที่เป็นข่าวไปแค่แถวเดียว (คือไม่ถึงเมตรดีอะ)!!!
(แล้วคือเค้าก็ฉายว่าที่นั่งบนเรือ มันหน้าตาจะประมาณไหน คือ มันแคบมากแถวนึง ไหล่ชนไหล่ เบียดแบบไม่รู้จะเบียดไง (นึกภาพ izakaya ร้านที่นั่งมันเล็ก ๆ อะ)
อาหารก็เสิร์ฟกันแบบ งานเลี้ยงญี่ปุ่นทั่วไป มีนั่นมีนี่เป็นเซ็ต ๆ มาลง ซาชิมิ ก็ใช้ตะเกียบที่เหมือนช้อนกลาง คีบเสร็จ ก็ให้อีกคนคีบต่อ แล้วก็คือมือต่อมือต่อมือ
เสร็จก็ มีคนรินเหล้า รินกันไปกันมา บางทีก็เดินเปลี่ยนแถว เปลี่ยนโต๊ะ ตามสไตล์งานเลี้ยงญี่ปุ่น คัมปาย ๆๆๆๆ มือก็จับกันไปกันมา จับไหล่ จับโต๊ะ จับอาหาร จับแก้ว เข้าปาก ฯลฯ ผู้เชี่ยวชาญ บอกท่าทางก็ติดกันทั้งเรือนั่นแหละ ไม่ต้องสืบเสาะ โอกาสติดเยอะมาก ๆ)
กลับมาที่เรื่องที่เค้าฉายกันต่อ
พอคนขับพูดงั้นปุ๊บ director บอก เอิ่มมมม คุณไปตรวจมาละช่ายปะ
คนขับบอก อ๋อ ใช่ ๆ เนี่ย ๆ เค้าบอกว่าตรวจละจะรู้ผลตอนกลางคืน ถ้า positive จะรีบโทรมาแจ้งผล เนี่ยวันนี้ก็ไม่เห็นโทรมา ผมก็คิดว่า "น่าจะ" negative แหละ เลยมาทำงานขับแท็กซี่ตามปกติ (ห่านนนน)
director เลยบอก เอ่อ ขอโทษนะครับ รบกวนจอดรถ แล้วไปคุยกันข้างนอกที่อากาศดี ๆ กันมั้ย คนขับก็ไม่ว่าอะไรนะ ยอมจอดให้สัมภาษณ์ด้วย
คนขับบอกต่อว่า เนี่ยก็ไม่ได้มีอาการอะไร แข็งแรงดี ไข้ก็ไม่ขึ้น ไอก็ไม่ไอ เค้าเอาเยื่อบุ (ไม่แน่ใจว่าในโพรงจมูก หรือปาก หรือตรงไหน) ไปตรวจ แล้วบอกเดี๋ยวกลางคืนน่าจะรู้ ผมเลยวางใจระดับนึงเพราะป่านนี้ก็ไม่เห็นเค้าโทรมาบอกว่าเป็นอะ .. ไร ...
กริ๊ง ๆๆๆๆๆๆ
โทรศัพท์ดังจ้าาาา พีคมาก
คนที่โทรมาคือ health care center ที่คนขับฯ ไปตรวจครับ
คือเค้าโทรมาเพื่อที่จะบอกว่า "คุณคะ คุณ test positive ค่ะ"
คือคนขับช็อคไปเลยครับ แล้วก็ถอยจาก director ไปสี่ห้าก้าว แล้วก็บ่นกับโทรศัพท์ว่า "เหหหห จริงเหรอ positive จริงเหรอครับ ผมก็ทำงานตามปกติอะวันนี้ เนี่ยกำลังให้สัมภาษณ์อยู่"
แล้วก็แจ้งข่าวกับ director ว่าตรวจเจอไวรัส และโดนทางศูนย์แจ้งว่าให้คุณรีบไปเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาด่วน!
อ่านในทวิตเตอร์เห็นว่า director กับลูกน้อง นี่ก็กักตัวเองอยู่บ้านละ รอดูอาการ โทรไปปรึกษาศูนย์ hotline เค้าบอกว่า "อ๋อ ถึงจะไปเจอกับคนติดโรคมา แต่ถ้าไม่มีอาการก็ไม่รับตรวจค่ะ" (เวรกรรมมาก) คือเค้าไม่รู้จะติดไปด้วยหรือเปล่า แต่อย่างน้อยที่ตัดสินใจมาสัมภาษณ์กันนอกรถ ก็ยังลดความเสี่ยงได้ดีกว่าไปนั่งคุยกันบนรถอะนะ
ดูจากข่าวบนเรือสำราญฯ ที่เจอไวรัส 99 คนวันนี้ มีตั้ง 70 คนที่ไม่มีอาการอะไรเลย ทำให้คนชะล่าใจมาก ๆ ยังไงตอนนี้ทำไรไม่ได้ก็ล้างมือกับเจลฆ่าเชื้อวนไปก่อน
แล้วจริง ๆ เราก็เริ่มรู้สึกว่าช้อนกลาง ก็ไม่ค่อยปลอดภัยนะ อาจจะต้องใช้ช้อนแบ่งแบบของใครของมัน แต่คือคนก็จะงง เอาช้อนแบ่งมาเข้าปากอยู่ดี 55 สรุปอยู่บ้านเหอะ อย่าได้สัมผัสเนื้อต้องตัวกัน เป็นเซียวเหล่งนึ่งเข้าถ้ำกันไป 18 ปี
อ่อ อ๋อ 在 Me.Melissa Facebook 的最讚貼文
เมลิต้องการสิ่งนี้
ไม่รู้มาก่อนว่าคนรอบตัวเป็น Seb derm เยอะขนาดนี้ post รูปนี้ลงไอจีเมื่อวานมีคนทักมา4คน งั้นต้องขอรีวิวตัวนี้เลย น่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นที่เป็นเหมือนกัน เพราะ Seb derm ต้องโดนตัวนี้เลยจ้าแม่
นี่หน้าแพ้ขึ้นเป็นปื้นแดงๆ แห้งแล้วแสบบ่อย
เป็นทุกครั้งที่ไปเที่ยวยาวๆแล้วกลับมา หน้าจะเริ่มแห้ง แดง แล้วก็แสบ โดยเฉพาะข้างแกเม จมูก หน้าผาก เคยคิดว่าคงแบบแค่แพ้น้ำ แพ้ฝุ่นเฉยๆ จนไปหาหมอผิวหนังรอบนี้เลยรู้ว่า อ๋อ นี่คือ Seb Derm อ่อ
ปกติทุกรอบจะได้ Elomet ซึ่งเป็นสเตียรอยมา
ทาสามสี่วันยุบ แล้วต้องรีบหยุด เพราะเดี๋ยวติดใจสเตียรอยมันเทพจริง ทาแล้วผิวดีจนประทับใจ คือหน้าเนียนจริง แต่ก็มีเพื่อนบางคนใช้บ่อยหน้าติดสเตียรอย จนแห้งลอกสิวขึ้น มีปัญหากว่าเดิมก็มี เพราะสเตียรอยทำให้ผิวบาง
แต่รอบนี้มาแปลก หมอบอกว่า “ใช้ยูเซอรินโอเมก้าพลัสก็พอไหมสำหรับผิวหน้า เพราะสเตียรอยมันใช้ไปนานๆไม่ดี แต่ผื่นที่ขาก็ใช้สเตียรอยได้ แต่ห้ามใช้เกิน5 วัน” หมอคงเห็นนี่ทำหน้าลังเลเลยกลายเป็นให้ Elomet มาให้อุ่นใจและแนะนำให้ใช้คู่กับยูเซอรินโอเมก้าพลัสแทน
ความเจ๋งขอยูเซอริน โอเมก้าพลัส คือ
1. มีสารลดการอักเสบที่ทำงานได้ดีเท่ากับสเตียรอย ช่วยลดการอักเสบ ลดระคายได้ทันที พวกที่หน้าแพ้อยู่เลยทาแล้วดีขึ้น แล้วมีสารลดอาการคันอีก เลยหายคัน พอไม่เกา ก็ไม่ irritate เพิ่ม
2. มีไขมันที่เป็นชนิดเดียวกับผิวที่ผิวต้องการเลยเหมือนเติมความชุ่มขั้นสุดปลอบประโลมผิว อารมณ์ใช้แล้วก็ลดปัญหาระยะยาวด้วย
นี่ใช้แล้ว อยากจะโคตรของโคตรแนะนำ ปกติถ้าเป็นเยอะเบอร์นี้ใช้สเตียรอย3-4วันถึงหายหมดอะ นี่ลองใช้คู่กัน วันนึงดีขึ้น แบบกลับมาแทบจะปกติแล้วเลย คือไม่มีปื้นๆแล้ว มีแค่รอยแดง แล้วพอวันที่สองก็คือปกติเลย
ชอบโอเมก้าที่เนื้อแม่งไม่มันเยิ้มไม่หนักไปเหมือนอีกยี่ห้อที่เคยใช้ (คือยี่ห้อนั้นก็รักนะ แต่เนื้อมันหนักกว่ามาก แล้วบางที Seb derm หยุด แต่สิวขึ้นเพราะอุดตันเพราะเนื้อมันหนักและมัน ทำเซ็งอะ) พอเนื้อมันโอเค แม้เราจะหน้ามัน ก็ใช้ทุกวันได้ ทาบางๆไปเป็นmoisturizer อีกตัวไปเลย ขอเปลี่ยนใจบ๊ายบายจากเอไอพี่ฟิถาวรค่ะ
เพิ่ลๆที่อยากแนะนำให้ใช้คือ
- คนที่รู้ตัวว่าเป็น Seb derm
- คนที่เป็นเหมือนเราอะ เวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง condition / environment ของผิว ไม่ว่าจะน้ำ อุณหภูมิ ความชื้น ฝุ่น มลภาวะ พอสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแล้ว หน้ามีอาการแห้ง แสบ แดง
- คนที่รู้สึกว่าตัวเองผิวแห้งมากๆ
- ผิวแพ้ง่าย แดงง่าย
ทำไมแนะนำ
- ดีกว่าใช้สเตียรอย เพราะลดอักเสบได้เหมือนกันแต่ไม่มี side effect ที่ไม่ปลอดภัยเหมือนสเตียรอย
- ลดคัน ลดระคายได้ทันที โคตรช่วยชีวิต
- เนื้อไม่หนักไป ใช้ในชีวิตประจำวันต่อได้
ตอนนี้คือแฮพพรี่มาก กราบขอบพระคุณคุณหมอที่แนะนำมา ณ ที่นี่
ปล มันซื้อได้เฉพาะที่เคาน์เตอร์ยูเซอรินใน โรงพยาบาลเท่านั้นนะครับ ที่ร้านวัตสันไม่มีเด้อ