ช่วงนี้ผมมักเห็นคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์หนังสือ How-to ในทำนองว่า หนังสือสอนรวย หนังสือธุรกิจ อ่านมาครึ่งชีวิต ไม่เห็นจะรวยสักที หนังสือพวกนี้มันหลอกลวง คนอ่านจริงไม่มีใครรวยหรอก เพราะคนที่รวยคือคนที่เขียนหนังสือขาย
.
ซึ่งทุกครั้งที่ผมเห็น ผมก็มักจะพูดในใจว่า “How-to เจ๋งยังไง ถ้าใจไม่เอา มือไม่ทำ มันก็ไม่ไปไหน” เพราะสิ่งแรกที่ควรเข้าใจคือ หนังสือไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อ่านแล้วเหมือนบทสวดเสกเงินขึ้นมา แต่หนังสือมันคือคู่มือให้นำไปใช้งานต่างหาก
.
สมมติว่ารถคุณเสียขึ้นมา คุณก็เลยเปิดหนังสือคู่มือซ่อมรถขึ้นมาอ่านแล้วเป่ามนต์ไปที่รถ คุณคิดว่ารถมันจะสตาร์ทติดไหมล่ะ?
.
คำตอบคือ ไม่ จริงไหม เพราะคุณอ่านแล้วคุณต้องเอาวิธีจากคู่มือ ไปลงมือซ่อมรถ มันถึงจะสตาร์ทติด
.
ดังนั้น ถ้าอ่าน How-to แล้วมานั่งรอให้รวย มันก็ไม่ต่างกับการไปนั่งขูดต้นไม้ขอหวยหรอกครับ
.
จากประสบการณ์ของผม ผมพูดได้เต็มปากเลยครับ ว่าผมรวยขึ้นทุกวัน และ มีรายได้หลั่งไหลเข้ามาได้ทุกวันนี้ เพราะอ่านหนังสือล้วนๆ ถ้าผมไม่เริ่มอ่านชีวิตผมจะอยู่มุมไหนของโลก ผมยังจินตนาการไม่ออกเลย
.
วันนี้ผมจึงถอดบทเรียน 3 ข้อ ที่ผมพบว่าคนล้มเหลวจะ “พูด” แต่คนสำเร็จไม่ทำ มาแบ่งปันให้ทุกคนนำไปปรับใช้กับชีวิตครับ
.
1) คนล้มเหลวชอบพูด คำว่า “รอ” ส่วนคนสำเร็จ “ลงมือทำ”
.
คนล้มเหลวมักจะชอบพูดคำว่า “รอ” ครับ รอทุน รอโอกาส รอคอนเนกชั่น รอพร้อม
.
แต่คนสำเร็จจะพูดกับตัวเองว่า ทำยังไงถึงจะมีทุน ทำยังไงถึงจะมีโอกาส ทำยังไงถึงจะมีคอนเนกชั่น แล้วไปหาคำตอบจากคำถามนี้ครับ ถ้าไม่มีทุนมีวิธีไหนบ้างล่ะที่จะทำธุรกิจโดยไม่มีเงินทุน ซึ่งบทความนี้ผมจะไม่มียกตัวอย่างของตัวเองแล้ว เพราะทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว ว่าตอนผมเริ่มต้นธุรกิจผมรับออเดอร์หนังสือจากลูกค้ามาก่อน เอาเงินมาก่อน แล้วไปซื้อหนังสือมาส่งทีหลัง แล้วก็เก็บกำไรส่วนต่างเอา จนสามารถทำรายได้หลักแสนได้
.
แต่ผมจะพูดถึงเรื่องราวของเพื่อนผมคนหนึ่งที่เธอมาขอคำปรึกษาจากผมว่า “ถ้าไม่มีเงินทุน จะต้องทำยังไง” คุณเห็นไหมครับว่า เขาจะไม่พูดว่าไม่มีเงินทุนแล้วเลิก แต่เขามาถามคนที่เคยทำสำเร็จแล้วว่าไม่มีเงินทุนควรทำยังไง
.
ผมให้ไอเดียเธอไปว่า ให้ไปเอารูปจากร้านใน Shopee มาโพสต์ลงบน Marketprice ใน Facebook แล้วตั้งราคาให้สูงกว่าเพื่อทำกำไร เป็นการทดสอบว่าจะมีคนทักมาซื้อไหม ถ้ามีคนทักก็ทำต่อ ถ้าไม่มีก็ปรับใหม่
.
2) คนล้มเหลวชอบพูด คำว่า “แต่” ส่วนคนสำเร็จ ไม่หา “ข้ออ้าง” ให้ตัวเอง
.
จริงๆ ในชีวิตคนเราจะมีอยู่อย่างหนึ่งที่ฉุดรั้งความก้าวหน้าในชีวิต ถ้าเลิกข้อนี้ได้ชีวิตคุณจะดีขึ้นทันที นั่นก็คือ “เลิกอ้าง”
.
หลังจากที่ผมให้ไอเดียเธอไป เธอไม่พูดคำว่า “แต่” สักคำ แต่ฉันไม่เก่ง แต่ฉันไม่เคยทำ แต่ฉันคิดว่าคงไม่มีใครซื้อ สิ่งที่เธอทำคือ วันนั้นเธอไปลงมือทำทันที เพราะอย่างที่บอกครับว่ามันคือการทดสอบตลาด ถ้ามีคนทักก็ไปต่อ ถ้าไม่มีก็หาอย่างอื่นทำ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน
.
สิ่งที่เธอทำคือไปเอารูปเครื่องใช้ไฟฟ้าราคา 490 บาท มาโพสต์ลงบน Marketprice ใน Facebook แล้วตั้งราคาขายที่ 599 บาท
.
ผ่านไป 3 ชั่วโมง ปรากฏว่ามีคนทักมาสั่งซื้อจริงๆ โอนเงินจริง เมื่อมีคนโอนเงิน เธอก็ไปกดสั่งซื้อต่อใน Shopee แล้วให้ทางร้านส่งไป กลายเป็นว่าเธอไม่ต้องใช้เงินทุนอะไรเลย แต่ทำกำไรได้แล้ว 109 บาท ภายใน 3 ชั่วโมง จนตอนนี้เธอได้เอาเงินทุนก้อนแรกที่ทำได้นั้นมาต่อยอดธุรกิจออนไลน์จนลาออกจากงานประจำไปแล้ว
.
ถามว่าเธอเก่งกว่า ฉลาดกว่า มีทุนมากกว่า มีโอกาสมากกว่า มีคอนเนกชั่นมากกว่าคนอื่นไหม ?
.
คำตอบ คือ ไม่
.
สิ่งที่เธอทำมีแค่อย่างเดียวคือ “เลิกอ้าง”
.
3) คนล้มเหลวชอบพูด คำว่า “จะ” ส่วนคนสำเร็จ มีแต่คำว่า “เอาจริง”
.
เวลาผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ผมก็มักจะไปเยี่ยมเพื่อนๆ ที่จบรุ่นเดียวกันเพื่อไปพูดคุยเสมอ ซึ่งทุกครั้งที่เจอก็จะเห็นความแตกต่างของเพื่อนที่ทำธุรกิจเติบโตจนสำเร็จในระดับหนึ่ง กับเพื่อนที่เจอกันกี่ปีก็ถามคำถามเดิมๆ และยังไม่ไปไหน
.
ความแตกต่างที่ผมสังเกตได้จากเพื่อนสองกลุ่มนี้ก็คือ คนที่ยังไม่สำเร็จ เวลาเจอกันทีไรมีชอบพูดคำว่า “จะ” มาพูดคุยกับผม มาขอไอเดีย ซึ่งตอนฟังไอเดียหน้าตาเขาดูมีแรงบันดาลใจมาก แล้วบอกว่า จะทำ จะทำ จะทำ แต่พอเวลาผ่านไป มาเจอกันอีกที เขาก็ยังพูดคำเดิม คือ คำว่า “จะ”
.
แต่เพื่อนที่สำเร็จ เขาจะพูด คำว่า “จะ” แค่ครั้งเดียวครับ พอผ่านไปหนึ่งปี มานั่งคุยกันอีกที เขาจะมาบอกผมว่า "เขาทำแล้วนะ” และ กำลังลุยอย่าง “เอาจริงเอาจัง” ด้วย
.
ยกตัวอย่างเพื่อนรุ่นพี่ผมคนหนึ่งที่ทำร้านกาแฟ เขาทำตอนที่เขาไม่มีเงินทุนเลย จนคุณพ่อต้องเอารถมอเตอร์ไซค์ไปขาย ซึ่งถ้าพูดกันตามตรง เงินหลักหมื่นต้นๆ มันจะไปเปิดร้านกาแฟได้ยังไง ไหนจะค่าเครื่องกาแฟหลักแสน ค่าตกแต่งร้าน ค่าแอร์ ค่าโต๊ะเก้าอี้ ค่าอินเทอร์เน็ต
.
แต่สิ่งที่เขาทำคือ ถามตัวเองว่า ไม่มีทุนเยอะ จะทำยังไง งั้นก็ใช้เครื่องกาแฟแบบใช้มือกดไปก่อน แล้วใช้แรงตัวเองก่ออิฐสร้างเป็นบาร์เอาเอง
.
เมื่อทำไปแล้ว เขาไม่มีคำว่า “แต่” ครับ ไม่มีคำว่า แต่ไม่มีแอร์ ไม่มีโต๊ะเก้าอี้ ไม่มีอินเทอร์เน็ต แต่ไม่มีเครื่องคั่วกาแฟจะทำได้หรอ
.
สิ่งที่เขาทำคือ ไม่มีเครื่องคั่วก็คั่วกับกระทะนี่แหละ ไม่มีแอร์ ไม่มีโต๊ะ ไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็ขายเฉพาะหิ้วกลับบ้านไปก่อน เพราะช่วงโควิดพอดี ขอแค่ทำกาแฟให้แตกต่างก็พอ
.
เมื่อคิดแล้ว เขาไม่มีคำว่า ”จะ” ด้วย เพราะทั้งหมดนี้เขา “เอาจริง” ทำจริง จนวันนี้ผ่านไป 1 ปีกว่า ร้านกาแฟแห่งนี้เติบโตสวนทางกับคำพูดของใครหลายคนที่ว่า ร้านกาแฟ ทำแล้วเจ๊งเพราะคนทำเยอะแล้ว
.
เพื่อนคนนี้ผมเห็นเขาตั้งแต่ตอนเปิดวันแรก วันที่ร้านไม่แม้แต่จะทาสีให้สวย วันนี้ร้านเป็นแค่ห้องแถวไม่ต่างกับร้านขายวัสดุก่อสร้าง แต่สิ่งที่แตกต่างคือ รสชาติกาแฟที่หาที่ไหนไม่ได้ เขาทำให้คนไม่ชอบกินกาแฟอย่างผม กินกาแฟได้ จนถึงขั้นที่ผมต้องขอร่วมลงทุนกับเขาตั้งแต่วันแรก เพราะมองจากความตั้งใจ ไม่มีข้ออ้าง และ ความเอาจริงของเขา บวกกับรูปแบบธุรกิจซึ่งดูแล้วมันเติบโตแน่นอน แต่ผมก็โดนปฏิเสธเพราะเขายังไม่พร้อม
.
จนวันนี้ร้านนี้เติบโตจนคนแน่นร้านทุกวัน เติบโตจนคนจังหวัดใกล้เคียงยังเดินทางเพื่อมากิน จนเพื่อนคนนี้ต้องโทรมาหาผม บอกว่าอยากเปิดสาขาแล้ว สนใจอยากจะร่วมลงทุนไหม
.
ซึ่งแน่นอนทุกคนคงรู้คำตอบของผมอยู่แล้ว เพราะตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา ผมคุยกับเขา แนะนำธุรกิจให้เขามาตลอด
.
————————-
.
เห็นไหมครับว่า คนสำเร็จเขาจะไม่ "รอ" ไม่มี "ข้ออ้าง" และ "เอาจริง" เขาจะไม่มองว่าตัวเองขาดอะไร เขาจะไม่มองว่าคนอื่นมีอะไรที่เราไม่มี
.
เพราะถ้ามัวแต่รอพร้อม ชาติหน้าก็คงไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเสียที ทุกคนล้วนขาดบางอย่างไม่เหมือนกัน เราไม่จำเป็นต้องมีในสิ่งที่คนอื่นมี และสิ่งที่เรามีคนอื่นก็อาจจะไม่มีก็ได้
.
ดังนั้น อย่ามัวแต่หาในสิ่งที่ตัวเองขาด จนพลาดต้นทุนที่ตัวเองมี เพราะมนุษย์ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ แต่เกิดมาเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับชีวิตของตัวเอง
.
ใครอ่านจบแล้ว อยากจะเลิก 3 ข้อนี้ และ สัญญาว่าจะตัดสินใจ “ลงมือทำ” “เลิกอ้าง” และ “เอาจริง” พิมพ์คำว่า “ลุย” มาครับผม หรือ จะแชร์เก็บไว้เตือนตัวเองก็ได้...
.
แล้วเราจะโตไปด้วยกัน !!
ลงมือทำ 在 Future Trends - "ฝันที่ดี คือ ฝันแล้วลงมือทำ"... - Facebook 的必吃
"ฝันที่ดี คือ ฝันแล้วลงมือทำ" มันง่ายที่จะพูดออกมา และมันก็ยากที่จะทำให้เป็นจริง . ไม่มีใครแก่เกินไปที่จะเรียนรู้ ความฝันก็เช่นกัน... ... <看更多>