น้ำพระทัยของสมเด็จพระสังฆราช
มุมกลับ เปลี่ยนจากคนใส่บาตรพระตอนเช้า นี้มาเป็นพระแจกของมอบให้คนจนตามบ้านและรพ.
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำบุญกับพระ(ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ)มีอานิสงส์มากเพราะท่านจะนำปัจจัยเหล่านี้ไปสร้างประโยชน์ต่อเสมอ เช่น บริจาค(บรรเทาทุกข์เรื่องปากท้อง) สร้างโรงเรียน(บรรเทาทุกข์ทางปัญญา) สร้างโรงพยาบาล (บรรเทาทุกข์ทางกาย) สร้างศาสนสถาน (บรรเทาทุกข์ทางใจ) ผู้ถวายได้อานิสงส์มากจาก 1. ทรัพย์หามาด้วยความบริสุทธิ์ 2. เจตนาผู้ให้บริสุทธิ์ 3. ก่อน ระหว่าง หลังให้มีความสุข เมื่อให้แก่ผู้บริสุทธิ์ด้วยยิ่งเกิดอานิสงส์อย่างที่เราเห็นกันนี้คือความปีติสุขยิ่งๆขึ้นไป อนุโมทนาสาธุกับพระสาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทุกรูปในงานครั้งนี้ มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นที่สุด 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
「มุมกลับ」的推薦目錄:
- 關於มุมกลับ 在 ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ Facebook 的最佳解答
- 關於มุมกลับ 在 สอดอStyle Facebook 的精選貼文
- 關於มุมกลับ 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答
- 關於มุมกลับ 在 การหาขนาดของมุมกลับ - YouTube 的評價
- 關於มุมกลับ 在 การวัดขนาดของมุมกลับ คณิตศาสตร์ ป.5 (2) - YouTube 的評價
- 關於มุมกลับ 在 07_การวัดขนาดของมุมกลับ (คณิตศาสตร์ เล่ม 2 ป.4 บทที่ 8) 的評價
- 關於มุมกลับ 在 มุมกลับ 的評價
มุมกลับ 在 สอดอStyle Facebook 的精選貼文
แต่ก่อนบ่นหลัว บอกเลยคลิปต่อไปหลัวบ่นเรา รัวๆๆ 555555 /มุมกลับ
มุมกลับ 在 sittikorn saksang Facebook 的最佳解答
"ความต่าง 'กฎหมาย' กับ 'กฎกรรม"
โดยเปลว สีเงิน
ในไทยโพสต์ Monday, 13 October, 2014
เปลว สีเงินบอกว่า ช่วงนี้...."ดาวพุธมันเสีย"!
ฉะนั้น บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยข่าวโม้-ข่าวลือ-ข่าวลวง-ข่าวร้าย-ข่าวดี ทั้งจริงและไม่จริง สับสนปนเปกันไปหมด
รับรู้-รับฟังได้ แต่เชื่อทั้งหมดไม่ได้!
อย่างวาน (๑๒ ต.ค.๕๗) ตื่นขึ้นมาก็พบข่าวลือ "ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง" ตาย ตกสายหน่อย ข่าวมาใหม่...ไม่ใช่เฉลิมฟื้น
หากแต่ "เฉลิมยังไม่ตาย...ลือกันไปเอง"!
เปลว สีเงิน บอกว่า เขาหายใจโล่งอก ยังไม่ต้องแต่งดำไปเผาคนที่เคยรัก-เคยล่าหัวกัน ถือซะว่าคำลือตาย คือสายสิญจน์ต่อวิญญาณก็แล้วกันนะ!
พูดถึงตาย เปลว สีเงิน ก็อยากบอกหลายๆ คนว่า ในกรณีการเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคเพื่อไทย นั้น
ให้ละ-ให้วางกันเสียบ้างเถอะครับ!
ในชีวิตหนึ่งของแต่ละคน ประกอบด้วยส่วนอดีต-ส่วนปัจจุบัน-ส่วนอนาคต ไม่มีใครดีทั้งหมด ไม่มีใครไม่ดีทั้งหมด ไม่มีใครทำถูกทั้งหมด และก็ไม่มีใครทำผิดทั้งหมด
เมื่อยุติลงตรงความตาย......!
"ตาย" คือทางสามแพร่ง เขาก็มีกรรมเป็นทางไปของเขา เราก็มีกรรมเป็นทางไปของเรา
แล้วเราจะ "ผูกมัดชีวิตตัวเอง" ไว้กับแพร่งที่สาม ด้วยการ "จองเวร-จองกรรม" ซึ่งเท่ากับ "จองจำ" ชาตินี้-ชาติหน้าตัวเอง "ผูกติด" กับเขาตลอดกาลไปเช่นนั้นหรือ
เราทำเช่นนั้นเพื่ออะไร...
หรือ...เราต้องการเช่นนั้นกันจริงๆ?
"อโหสิ" นั่นแหละ คือกรรมดีที่ควรทำ ควรแสดงออกที่สุดต่อการเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์
ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ควรสำรวมจิตอุทิศกุศลของเรา เสริมหนุนให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป
จิตกุศลนั้น ใครยิ่งแผ่ให้ผู้อื่น ตัวเองยิ่งได้ สว่างไสว เพิ่มพลัง
ส่วนจิตอกุศล ใครยิ่งจองเวร-จองกรรม ตัวเองยิ่งมืดดำ ทำลายพลังกุศลกรรมตัวเองให้เจือจาง!
อโหสิกรรม คือการเลิกแล้วต่อกันไป ไม่ผูกพยาบาทฆาตพยาเวรต่อกันอีก เมื่อเรา "ให้" เขา เขาก็ "ให้" เรา
"กรวดน้ำคว่ำขัน" ต่อกันเพียงเท่านี้!
ไม่มีสิ่งเป็นโทษ-เป็นเวร ต้องผูกพันโรมรันพิฆาตกันต่อไปในทุกภพ-ทุกชาติ และด้วยกุศลจิตบนฐานอโหสิกรรมที่เรามอบให้
ภพใหม่-ชาติใหม่ ถ้าต้องมาอยู่ร่วมสังคมกัน ก็จะมีแต่ "คิดดี-พูดดี-ทำดี" ต่อกัน ประเทศไทยจะได้เป็นเมืองฟ้า-เมืองสวรรค์
สู่ยุคพระศรีอาริย์ เทพบุตร-เทพธิดาไทย นึกฝันอันใด ก็สอยได้จากต้นกัลปพฤกษ์สะพรึ่บสี่มุมเมือง!
ทุกคนจงใช้การเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์ให้เกิดประโยชน์กับตนเองเถิด พิจารณาดูเถอะว่า ด้วยกรรมแบบไหน-อย่างไร ส่งผลให้ พ.อ.อภิวันท์ต้องมีสภาพเช่นนี้
ตรงไหนดี ส่งผลให้ท่านได้รับราชการทหารจนได้รับพระราชทานยศพันเอก สมัยหนุ่มๆ เมื่อยังไม่มีระบอบทักษิณในการเมืองไทย ท่านได้รับการกล่าวขานว่า เป็นนายทหารหัวก้าวหน้า อภิปรายในสภาฯ น่าฟัง-น่าเชื่อถือ
ก็จงเพ่งเล็งถึงจุดดีของท่านตรงนั้น เมื่อเรามีมุมมองเช่นนี้ เปลือกตาของท่านก็จะปิดสนิท "จบสิ้นกันไปที".......และอานิสงส์ที่เราได้นี้
จิต "เบา-สบาย" ทันตาเห็น!
ตรงไหนที่ไม่ดี ส่งผลให้ชีวิตท่านหักเหสู่มุมลาดต่ำ ตกเป็นผู้ต้องหา และต้องตกระกำลำบาก ต้องหนีโทษ-หนีอาญา ท่ามกลางการแช่งด่าของประชาชน วาระสุดท้าย ต้องไปตายในวัยที่ยังไม่สมควรนอกบ้าน-นอกเมือง
เปลว สีเงิน ก็ได้กล่าวต่อไปว่า ช่วงนี้...."ดาวพุธมันเสีย"! จริงๆ
ฉะนั้น บ้านเมืองจะเต็มไปด้วยข่าวโม้-ข่าวลือ-ข่าวลวง-ข่าวร้าย-ข่าวดี ทั้งจริงและไม่จริง สับสนปนเปกันไปหมด
รับรู้-รับฟังได้ แต่เชื่อทั้งหมดไม่ได้!
อย่างวาน (๑๒ ต.ค.๕๗) ตื่นขึ้นมาก็พบข่าวลือ "ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง" ตาย ตกสายหน่อย ข่าวมาใหม่...ไม่ใช่เฉลิมฟื้น
หากแต่ "เฉลิมยังไม่ตาย...ลือกันไปเอง"!
เปลว สีเงิน ก็หายใจโล่งอก ยังไม่ต้องแต่งดำไปเผาคนที่เคยรัก-เคยล่าหัวกัน ถือซะว่าคำลือตาย คือสายสิญจน์ต่อวิญญาณก็แล้วกันนะ!
พูดถึงตาย เปลว สีเงิน บอกหลายๆ คนว่า ในกรณีการเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคเพื่อไทย นั้น
ให้ละ-ให้วางกันเสียบ้างเถอะครับ!
ในชีวิตหนึ่งของแต่ละคน ประกอบด้วยส่วนอดีต-ส่วนปัจจุบัน-ส่วนอนาคต ไม่มีใครดีทั้งหมด ไม่มีใครไม่ดีทั้งหมด ไม่มีใครทำถูกทั้งหมด และก็ไม่มีใครทำผิดทั้งหมด
เมื่อยุติลงตรงความตาย......!
"ตาย" คือทางสามแพร่ง เขาก็มีกรรมเป็นทางไปของเขา เราก็มีกรรมเป็นทางไปของเรา
แล้วเราจะ "ผูกมัดชีวิตตัวเอง" ไว้กับแพร่งที่สาม ด้วยการ "จองเวร-จองกรรม" ซึ่งเท่ากับ "จองจำ" ชาตินี้-ชาติหน้าตัวเอง "ผูกติด" กับเขาตลอดกาลไปเช่นนั้นหรือ
เราทำเช่นนั้นเพื่ออะไร...
หรือ...เราต้องการเช่นนั้นกันจริงๆ?
"อโหสิ" นั่นแหละ คือกรรมดีที่ควรทำ ควรแสดงออกที่สุดต่อการเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์
ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ควรสำรวมจิตอุทิศกุศลของเรา เสริมหนุนให้เขาไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป
จิตกุศลนั้น ใครยิ่งแผ่ให้ผู้อื่น ตัวเองยิ่งได้ สว่างไสว เพิ่มพลัง
ส่วนจิตอกุศล ใครยิ่งจองเวร-จองกรรม ตัวเองยิ่งมืดดำ ทำลายพลังกุศลกรรมตัวเองให้เจือจาง!
อโหสิกรรม คือการเลิกแล้วต่อกันไป ไม่ผูกพยาบาทฆาตพยาเวรต่อกันอีก เมื่อเรา "ให้" เขา เขาก็ "ให้" เรา
"กรวดน้ำคว่ำขัน" ต่อกันเพียงเท่านี้!
ไม่มีสิ่งเป็นโทษ-เป็นเวร ต้องผูกพันโรมรันพิฆาตกันต่อไปในทุกภพ-ทุกชาติ และด้วยกุศลจิตบนฐานอโหสิกรรมที่เรามอบให้
ภพใหม่-ชาติใหม่ ถ้าต้องมาอยู่ร่วมสังคมกัน ก็จะมีแต่ "คิดดี-พูดดี-ทำดี" ต่อกัน ประเทศไทยจะได้เป็นเมืองฟ้า-เมืองสวรรค์
สู่ยุคพระศรีอาริย์ เทพบุตร-เทพธิดาไทย นึกฝันอันใด ก็สอยได้จากต้นกัลปพฤกษ์สะพรึ่บสี่มุมเมือง!
ทุกคนจงใช้การเสียชีวิตของ พ.อ.อภิวันท์ให้เกิดประโยชน์กับตนเองเถิด พิจารณาดูเถอะว่า ด้วยกรรมแบบไหน-อย่างไร ส่งผลให้ พ.อ.อภิวันท์ต้องมีสภาพเช่นนี้
ตรงไหนดี ส่งผลให้ท่านได้รับราชการทหารจนได้รับพระราชทานยศพันเอก สมัยหนุ่มๆ เมื่อยังไม่มีระบอบทักษิณในการเมืองไทย ท่านได้รับการกล่าวขานว่า เป็นนายทหารหัวก้าวหน้า อภิปรายในสภาฯ น่าฟัง-น่าเชื่อถือ
ก็จงเพ่งเล็งถึงจุดดีของท่านตรงนั้น เมื่อเรามีมุมมองเช่นนี้ เปลือกตาของท่านก็จะปิดสนิท "จบสิ้นกันไปที".......และอานิสงส์ที่เราได้นี้
จิต "เบา-สบาย" ทันตาเห็น!
ตรงไหนที่ไม่ดี ส่งผลให้ชีวิตท่านหักเหสู่มุมลาดต่ำ ตกเป็นผู้ต้องหา และต้องตกระกำลำบาก ต้องหนีโทษ-หนีอาญา ท่ามกลางการแช่งด่าของประชาชน วาระสุดท้าย ต้องไปตายในวัยที่ยังไม่สมควรนอกบ้าน-นอกเมือง
อย่าลืมว่า พ.อ.อภิวันท์ เคยเป็นข้าราชการ ทั้งข้าราชการทหาร และข้าราชการการเมือง
ดังนั้น การได้รับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพก็ดี การที่ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ ๓ วัน ก็ดี การพระราชทานเพลิงศพก็ดี
นอกจากเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ดั่งฝน เมื่อตก ย่อมไม่เลือกที่เปียกแล้ว ยังเป็นกติกาที่กำหนดไว้เป็น "ระเบียบปฏิบัติ" ทางราชการทั่วไปด้วย
มิบังควรที่ใครจะนำประเด็นนี้ไปพูดจาให้กระทบ-กระเทือนทั้งเบื้องสูง-เบื้องต่ำ ทำไป...รังแต่สร้างความร้าวฉาน และกัดกร่อนความรู้สึกภายในซึ่งกันและกัน
ไม่เห็นผลดีอย่างใดเลย!
ในความเป็นจริงทางสังคมมนุษย์ "ไม่มีใครดีด้านเดียวและไม่ดีด้านเดียว" ดังนั้น คนที่รักนับถือ พ.อ.อภิวันท์ก็มาก
เมื่อเขารัก ยามคนที่รักจากไป เป็นธรรมดาที่เขาจะแสดงออกซึ่งความรักต่อ พ.อ.อภิวันท์ด้วยภาพ ด้วยโปสเตอร์ ด้วยคำพูด ด้วยกิจกรรมต่างๆ นานา
"จิตเขา-จิตเรา" ก็จงรับรู้และดูด้วยความเข้าใจเถิด อย่าเสียดสี ด่าทอ หรือไปตีกรอบ-กำหนดกฎ เพ่งเล็งจนเกินเหตุ
ไม่ต้องไปกลัวหรอกครับ ผมสังเกตดู หมู่นี้ คนระบอบทักษิณ ตั้งแต่หัวยันหาง มีสภาพคล้าย
"หุ่นยนต์แบตอ่อน"!
ยังง่อกแง่ก เคลื่อนไหวได้บ้าง แต่อ่อนล้า หน้าแห้ง ตาละห้อย บ่าลู่ ไหล่ห่อ เหลือแต่ปาก "บางคน" ยังแข็ง แต่น้ำเสียงบอกอาการ...เสือเจ็บ (หนัก)
และมีบางขบวนการเหมือน "หมาหน้าเซเว่น" เกาะกลุ่มทำชุมนุมฮื่อ-แฮ่ ใครเป็นลูกพี่ก็ต้องระวังไว้
ทหารเขาหมั่นไส้วันไหน ที่ค้นรถ-ค้นบ้าน เจอธนบัตรใบละพันเป็นฟ่อนๆ ๒๐-๕๐ ล้าน แล้วเขาคืนให้ "ไม่ยึด" นั่นน่ะ
คราวนี้แหละ ทั้งยึด-ทั้งเอาตัวไป "ปรับพฤติกรรม" ก่อนส่งขึ้นศาลทหาร แล้วจะว่าผมไม่บอก!
ก็ไม่อยากพูดมาก แต่อยากเตือนสติ ตามประสาคนไม่เคยมีบวก-มีลบต่อกันสั้นๆ แค่ว่า ที่ออกๆ กันไปสุมหัวเห่าอยู่นอกประเทศตรงนั้น-ตรงนี้
หนีกฎหมายน่ะ...หนีไปเหอะ........
แต่ในรอบปีนี้...."กี่คนแล้วล่ะ" ตรอง-ตรึก-นึกย้อนกันดูบ้างไหม ว่าใครที่คิดร้ายต่อชาติบ้านเมือง ใครที่จ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบันและองค์พระมหากษัตริย์ ถึง "กฎหมาย" ยังตามไปลากคอไม่ได้
แต่ "กฎกรรม" ตามรอบ "เสาร์เช็กบิล" ถึงไม่ดับ ก็เห็นเดี้ยงเรียงแถว "รอดับ" ด้วยโรคกรรมให้เป็นที่สะพรึงกลัว ชนิดเป็นลูกระนาด
ที่สำนึกได้ ถือว่ามีวาสนาในกรรม ที่สำนึกไม่ได้ด้วยใจมืดบอด ก็ต้องปล่อยไปเพราะมนุษย์นั้น พระท่านก็บอกแล้ว ประกอบด้วยคน ๔ จำพวก
คือพวก บัวพ้นน้ำ, พวกบัวปริ่มน้ำ, พวกบัวใต้น้ำ และพวก "ปทปรมะ" คือพวก "เหลือกำลังลาก"
จมอยู่ใต้โคลนตม ทำยังไงก็ไม่มีวันช่วยให้โผล่ขึ้นมาได้ ต้องปล่อยเป็นอาหาร "เต่าถุย" สถานเดียว
คิดดูละกัน ขนาด "เต่า" ยังถุย.....!
แล้วใครจะช่วยให้ขึ้นจากหล่มโคลนระบอบทักษิณได้ ก็ต้องปล่อยให้เขายืมตำแหน่งครูบาอาจารย์กางตำราปิดทองโจร และยืมคอรากหญ้าเป็นที่แขวนป้าย-ชูโปสเตอร์ไปตามเวร-ตามกรรม
อย่าว่าแต่สมุนรับจ้าง "แบตอ่อน" เลย....!
ตัวไดชาร์จ คือตัวลูกพี่ใหญ่เอง ที่เคยชาร์จไฟแจกจ่ายไปตามแบตต่างๆ ตอนนี้ ถึงยังพอชาร์จได้
แต่ใกล้ภาวะ "หมดพลัง" ฉุดไดสตาร์ทให้ติดอยู่รอมร่อแล้ว!
เพราะอะไร.....?
ถามผมไม่ได้หรอก เพราะผมไม่ใช่ทั้งหมอยา หมอดู และหมอแก้กรรม แต่ถ้าจะให้แนะแนวในการรับมือสถานการณ์ข้างหน้า ก็ขอบอกว่า
จะทำอะไรที่ดีเพื่อ ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์ ก็จงทำไป แต่ "อย่าดึงสถาบัน" ไปเกี่ยวพันอ้างอิงด้าน "ผูกขาด" เลย
ยิ่งไม่นำไปเอ่ยในความขัดแย้งทุกกรณี จะเป็นการดีที่สุด!
เพราะไม่ว่าฝ่ายใด "ดึงสถาบัน" ไปสนับสนุนฝ่ายตน อีกฝ่ายย่อมไม่ชอบใจเป็นธรรมดา และนั่น...จะนำไปสู่ "รักสถาบัน" มุมกลับ ทำให้อีกฝ่าย "คับแค้นในสถาบัน"
ไม่มีใครต้องการเช่นนี้มิใช่หรือ?
"ดี-ชั่ว อยู่ที่ตัวเอง-ทำเอง" นี้คือกฎกรรมที่เหนือกฎหมาย ใครเขียน-ใครลบไม่ได้ ช้า-เร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่สุดท้าย ชีวิตต้องรับ "ติ้วกรรม" นี้นำทาง!
อย่าลืมว่า พ.อ.อภิวันท์ เคยเป็นข้าราชการ ทั้งข้าราชการทหาร และข้าราชการการเมือง
ดังนั้น การได้รับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพก็ดี การที่ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ ๓ วัน ก็ดี การพระราชทานเพลิงศพก็ดี
นอกจากเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ดั่งฝน เมื่อตก ย่อมไม่เลือกที่เปียกแล้ว ยังเป็นกติกาที่กำหนดไว้เป็น "ระเบียบปฏิบัติ" ทางราชการทั่วไปด้วย
มิบังควรที่ใครจะนำประเด็นนี้ไปพูดจาให้กระทบ-กระเทือนทั้งเบื้องสูง-เบื้องต่ำ ทำไป...รังแต่สร้างความร้าวฉาน และกัดกร่อนความรู้สึกภายในซึ่งกันและกัน
ไม่เห็นผลดีอย่างใดเลย!
ในความเป็นจริงทางสังคมมนุษย์ "ไม่มีใครดีด้านเดียวและไม่ดีด้านเดียว" ดังนั้น คนที่รักนับถือ พ.อ.อภิวันท์ก็มาก
เมื่อเขารัก ยามคนที่รักจากไป เป็นธรรมดาที่เขาจะแสดงออกซึ่งความรักต่อ พ.อ.อภิวันท์ด้วยภาพ ด้วยโปสเตอร์ ด้วยคำพูด ด้วยกิจกรรมต่างๆ นานา
"จิตเขา-จิตเรา" ก็จงรับรู้และดูด้วยความเข้าใจเถิด อย่าเสียดสี ด่าทอ หรือไปตีกรอบ-กำหนดกฎ เพ่งเล็งจนเกินเหตุ
ไม่ต้องไปกลัวหรอกครับ ผมสังเกตดู หมู่นี้ คนระบอบทักษิณ ตั้งแต่หัวยันหาง มีสภาพคล้าย
"หุ่นยนต์แบตอ่อน"!
ยังง่อกแง่ก เคลื่อนไหวได้บ้าง แต่อ่อนล้า หน้าแห้ง ตาละห้อย บ่าลู่ ไหล่ห่อ เหลือแต่ปาก "บางคน" ยังแข็ง แต่น้ำเสียงบอกอาการ...เสือเจ็บ (หนัก)
และมีบางขบวนการเหมือน "หมาหน้าเซเว่น" เกาะกลุ่มทำชุมนุมฮื่อ-แฮ่ ใครเป็นลูกพี่ก็ต้องระวังไว้
ทหารเขาหมั่นไส้วันไหน ที่ค้นรถ-ค้นบ้าน เจอธนบัตรใบละพันเป็นฟ่อนๆ ๒๐-๕๐ ล้าน แล้วเขาคืนให้ "ไม่ยึด" นั่นน่ะ
คราวนี้แหละ ทั้งยึด-ทั้งเอาตัวไป "ปรับพฤติกรรม" ก่อนส่งขึ้นศาลทหาร แล้วจะว่าผมไม่บอก!
ก็ไม่อยากพูดมาก แต่อยากเตือนสติ ตามประสาคนไม่เคยมีบวก-มีลบต่อกันสั้นๆ แค่ว่า ที่ออกๆ กันไปสุมหัวเห่าอยู่นอกประเทศตรงนั้น-ตรงนี้
หนีกฎหมายน่ะ...หนีไปเหอะ........
แต่ในรอบปีนี้...."กี่คนแล้วล่ะ" ตรอง-ตรึก-นึกย้อนกันดูบ้างไหม ว่าใครที่คิดร้ายต่อชาติบ้านเมือง ใครที่จ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบันและองค์พระมหากษัตริย์ ถึง "กฎหมาย" ยังตามไปลากคอไม่ได้
แต่ "กฎกรรม" ตามรอบ "เสาร์เช็กบิล" ถึงไม่ดับ ก็เห็นเดี้ยงเรียงแถว "รอดับ" ด้วยโรคกรรมให้เป็นที่สะพรึงกลัว ชนิดเป็นลูกระนาด
ที่สำนึกได้ ถือว่ามีวาสนาในกรรม ที่สำนึกไม่ได้ด้วยใจมืดบอด ก็ต้องปล่อยไปเพราะมนุษย์นั้น พระท่านก็บอกแล้ว ประกอบด้วยคน ๔ จำพวก
คือพวก บัวพ้นน้ำ, พวกบัวปริ่มน้ำ, พวกบัวใต้น้ำ และพวก "ปทปรมะ" คือพวก "เหลือกำลังลาก"
จมอยู่ใต้โคลนตม ทำยังไงก็ไม่มีวันช่วยให้โผล่ขึ้นมาได้ ต้องปล่อยเป็นอาหาร "เต่าถุย" สถานเดียว
คิดดูละกัน ขนาด "เต่า" ยังถุย.....!
แล้วใครจะช่วยให้ขึ้นจากหล่มโคลนระบอบทักษิณได้ ก็ต้องปล่อยให้เขายืมตำแหน่งครูบาอาจารย์กางตำราปิดทองโจร และยืมคอรากหญ้าเป็นที่แขวนป้าย-ชูโปสเตอร์ไปตามเวร-ตามกรรม
อย่าว่าแต่สมุนรับจ้าง "แบตอ่อน" เลย....!
ตัวไดชาร์จ คือตัวลูกพี่ใหญ่เอง ที่เคยชาร์จไฟแจกจ่ายไปตามแบตต่างๆ ตอนนี้ ถึงยังพอชาร์จได้
แต่ใกล้ภาวะ "หมดพลัง" ฉุดไดสตาร์ทให้ติดอยู่รอมร่อแล้ว!
เพราะอะไร.....?
ถามผมไม่ได้หรอก เพราะผมไม่ใช่ทั้งหมอยา หมอดู และหมอแก้กรรม แต่ถ้าจะให้แนะแนวในการรับมือสถานการณ์ข้างหน้า ก็ขอบอกว่า
จะทำอะไรที่ดีเพื่อ ชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์ ก็จงทำไป แต่ "อย่าดึงสถาบัน" ไปเกี่ยวพันอ้างอิงด้าน "ผูกขาด" เลย
ยิ่งไม่นำไปเอ่ยในความขัดแย้งทุกกรณี จะเป็นการดีที่สุด!
เพราะไม่ว่าฝ่ายใด "ดึงสถาบัน" ไปสนับสนุนฝ่ายตน อีกฝ่ายย่อมไม่ชอบใจเป็นธรรมดา และนั่น...จะนำไปสู่ "รักสถาบัน" มุมกลับ ทำให้อีกฝ่าย "คับแค้นในสถาบัน"
ไม่มีใครต้องการเช่นนี้มิใช่หรือ?
มุมกลับ 在 การวัดขนาดของมุมกลับ คณิตศาสตร์ ป.5 (2) - YouTube 的必吃
การวัดขนาดของ มุมกลับ (2) ผลิตโดย สสวท. สื่อชิ้นนี้ประกอบการใช้งานกับ ""หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ป.5"" หน้า 45 ... ... <看更多>
มุมกลับ 在 07_การวัดขนาดของมุมกลับ (คณิตศาสตร์ เล่ม 2 ป.4 บทที่ 8) 的必吃
07_การวัดขนาดของ มุมกลับ (คณิตศาสตร์ เล่ม 2 ป.4 บทที่ 8). วีดิทัศน์นี้จัดทำขึ้นภายใต้โครงการ Project 14 ของ สสวท. ดูราย ... ... <看更多>
มุมกลับ 在 การหาขนาดของมุมกลับ - YouTube 的必吃
วีดิทัศน์เรื่องการหาขนาดของ มุมกลับ เป็นสื่อประกอบการจัดการเรียนรู้เรื่องมุม ซึ่งเป็นเนื้อหาในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เล่ม 2 บทที่ 8 ของ สสวท. ... <看更多>