รู้จัก เคไลฟี ผู้เป็นประธานสโมสรปารีส และ beIN /โดย ลงทุนแมน
พอพูดชื่อ “นาสเซอร์ อัล เคไลฟี” หลายคนอาจสงสัยว่าเขาคือใคร ?
แต่คนที่เคยดูฟุตบอลน่าจะเคยได้ยินชื่อนี้บ้าง
เพราะเขาเป็นประธานสโมสรฟุตบอล ประธานสโมสร ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง (Paris Saint-Germain) ที่ล่าสุดเพิ่งกลายเป็นบ้านหลังใหม่ของ ลิโอเนล เมสซิ
แต่กว่าจะมาเป็นวันนี้ของ นาสเซอร์ อัล เคไลฟี
ชีวิตของเขานั้นไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่เด็ก
และยังเคยเล่นเทนนิสเพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว
จนได้เป็นนักเทนนิสทีมชาติอีกด้วย
แล้ว อัล เคไลฟี ทำอย่างไร จนก้าวมาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในวงการกีฬา
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
นาสเซอร์ อัล เคไลฟี (Nasser Al-Khelaifi) เป็นชาวกาตาร์
เกิดในปี 1973 อัล เคไลฟี เกิดในครอบครัวที่ทำประมงหาเลี้ยงชีพเป็นหลัก
แม้จะไม่ได้เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ อัล เคไลฟี ก็มุ่งมั่นเล่าเรียน จนจบปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์จาก Qatar University และปริญญาโทด้านพาณิชย์นาวีจาก University of Piraeus
อีกจุดเด่นของ อัล เคไลฟี นอกเหนือจากการศึกษาคือ การเล่นกีฬา โดยเฉพาะเทนนิส ซึ่งกลายเป็นจุดสำคัญของความสำเร็จในชีวิตเขา ในเวลาต่อมา
อัล เคไลฟี เคยได้ดีในการเล่นเทนนิส ถึงขนาดก้าวไปเป็นนักเทนนิสระดับอาชีพ และเป็นตัวแทนทีมชาติกาตาร์ ลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์ Davis Cup ซึ่งเป็นการแข่งขันรายการใหญ่ในระดับนานาชาติ
พออายุเริ่มมากขึ้น เขาก็เลิกเล่นในสนาม และมาดำรงตำแหน่งประธานสหพันธ์เทนนิสกาตาร์ในช่วงปี 2008-2011
นอกจากนั้น เขายังได้รับเลือกเป็น รองประธานสหพันธ์เทนนิสเอเชีย (Asian Tennis Federation) แห่งเอเชียตะวันตกอีกด้วย
ด้วยความสนใจ และประสบการณ์ที่คลุกคลีในวงการกีฬาของเขา
ทำให้ อัล เคไลฟี สามารถนำมันมาต่อยอดในการทำธุรกิจด้วยในเวลาต่อมา
จุดเปลี่ยนในชีวิตครั้งสำคัญของเขาเกิดขึ้นในปี 2011 เมื่อเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานของ Qatar Sports Investments หรือ QSi ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในอุตสาหกรรมกีฬาและนันทนาการ ทั้งในประเทศการ์ตาและต่างประเทศ
โดย QSi นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Qatar Investment Authority ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของกาตาร์ ที่ปัจจุบัน มีทรัพย์สินภายใต้กองทุนมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านบาท
ในปีเดียวกับที่ อัล เคไลฟี เข้ามาบริหาร QSi ทางกองทุนก็เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นของ ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง (Paris Saint-Germain) สโมสรฟุตบอลอาชีพชั้นนำในฝรั่งเศส
ในเวลานั้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง คือ Colony Capital, Morgan Stanley และ Butler Capital Partners ซึ่งทั้ง 3 บริษัทนั้นเป็นบริษัทจัดการลงทุน โดย 2 รายแรกนั้นเป็นของสหรัฐอเมริกา ส่วนรายหลังนั้นเป็นของฝรั่งเศส
โดยบริษัทจัดการลงทุนกลุ่มดังกล่าว ประกาศที่จะขายสโมสรให้แก่นักลงทุนที่สนใจ เพื่อเข้ามาช่วยทำให้ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง เป็นสโมสรฟุตบอลชั้นนำ
และก็เป็น QSi ที่ได้เข้ามาซื้อหุ้นต่อจากนักลงทุนกลุ่มเดิม โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 4,300 ล้านบาท
ต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่ที่ อัล เคไลฟี เข้ามาบริหารปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ทำให้สโมสรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากขึ้น ทั้งในและนอกสนาม
โดยเฉพาะในเรื่องการตลาดและการโปรโมตสโมสร ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนออกมาจากสถิติยอดขายเสื้อฟุตบอลของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงที่ผ่านมา
ในปี 2011 เคยขายเสื้อฟุตบอลได้เพียงราว ๆ 250,000 ตัว
ในปี 2019 สโมสรขายเสื้อได้กว่า 1,000,000 ตัว
เขายังถือเป็นส่วนสำคัญในการพยายามเซ็นสัญญานักฟุตบอลชื่อดังระดับโลกหลายคน ให้มาเล่นให้สโมสรอีกด้วย โดยล่าสุดก็คือ ลิโอเนล เมสซิ อดีตกองหน้าชื่อดังจากบาร์เซโลนา
สำหรับหลายคนที่อาจจะไม่ได้ติดตามโลกฟุตบอล ก็อาจจะยังมีคำถามว่า สโมสรปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง แห่งนี้มีความน่าสนใจอย่างไร
ลองมาดูสถิติที่น่าสนใจ ของปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ที่ อัล เคไลฟี เป็นผู้บริหาร
- เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 7 ของโลก ซึ่งในฤดูกาล 2019-2020 มีรายได้ประมาณ 21,000 ล้านบาท
- เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก จากการจัดอันดับของ Forbes โดยมีมูลค่ากว่า 84,000 ล้านบาท
- เป็นสโมสรฟุตบอลที่ทำสถิติซื้อผู้เล่นแพงที่สุดในโลก คือ เนย์มาร์ กองหน้าทีมชาติบราซิล จากบาร์เซโลนา ด้วยมูลค่าประมาณ 8,700 ล้านบาท ในปี 2017
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ ไม่เพียงแต่บริหารสโมสรฟุตบอลเท่านั้น อัล เคไลฟี ยังเป็นประธาน และซีอีโอของ beIN Media Group
โดย beIN Media Group คือ ช่องรายการบันเทิงและกีฬาทางโทรทัศน์ ที่ออกอากาศในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และเอเชีย จำนวนทั้งหมด 43 ประเทศ
beIN Media Group ยังเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดฟุตบอลรายการสำคัญ ๆ ในปัจจุบัน อย่างเช่น ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฟุตบอลโลก 2022 ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024
เป้าหมายของ อัล เคไลฟี คือ ต้องการที่จะสร้าง beIN Media Group ให้กลายเป็นสื่อที่ดังในด้านบันเทิงและกีฬาระดับโลก
และแน่นอนว่า อีกเป้าหมายสำคัญของเขา
ก็คือสร้างปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง ที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก
จากเรื่องราวชีวิตของ อัล เคไลฟี จะเห็นว่า
แม้ว่า อัล เคไลฟี ไม่ได้เกิดมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง
แต่เขาสามารถเอาจุดเด่น ความสนใจ และประสบการณ์ในด้านกีฬา
มาต่อยอดในการบริหารธุรกิจสื่อ บริหารทีมฟุตบอล ให้ประสบความสำเร็จได้อย่างดี..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.beinmediagroup.com/
-https://www.forbes.com/teams/paris-saint-germain/?sh=79bf9d4f51f4
-https://en.wikipedia.org/wiki/Nasser_Al-Khelaifi
-https://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Saint-Germain_F.C._ownership_and_finances
-https://en.wikipedia.org/wiki/Qatar_Sports_Investments
-https://en.calameo.com/read/005694409c40bbd67d588
-https://en.wikipedia.org/wiki/Al_Jazeera_Media_Network
-https://www.beinsports.com/th/%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%81-1/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/nasser-al-khelaifi-named-as-most-influentia-6/1468678
-https://en.wikipedia.org/wiki/Paris_Saint-Germain_F.C.
-https://en.wikipedia.org/wiki/2022_FIFA_World_Cup_broadcasting_rights
-https://www.premierleague.com/news/2184867
Search