ว่าด้วยเรื่องความช้าของวงการฟิตเนสไทย
Part.1 : "ผู้สูงวัยในแถบยุโรปกลับกลายเป็นตัวอย่างให้เด็กรุ่นใหม่"
รูปประกอบอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับบทความโดยตรง หรือแม้แต่ตัวบทความเองก็ไม่ได้ตรงกับหัวข้อมากนัก อาจจะมี Part 2 , 3 ตามมา (ก็มีสิ นี่เขียนไว้ว่า Part.1 นิ) แต่ที่แน่ๆ Arnold Schwarznegger ปัจจุบันยังออกกำลังกายอยู่เลย เอ๊ะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับ Arnold ที่ปัจจุบันอายุ 73 ปีแล้ว ?
มันอาจจะเป็นที่ว่า เค้ายังไม่หยุดพัฒนาตัวเองแม้จะย่างเข้าวัยทองแล้วก็ได้...
เซ็ทความเชื่อของผมไม่ได้จำกัดมุมมองอยู่ที่แค่นักกีฬา นักเพาะกาย นักยกน้ำหนัก แต่เป็น Human Being หรือ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ โดยรวมคือมนุษย์ทั่วไป ผมไม่เชื่อในการ ‘หยุด’ พัฒนาเท่าไร Human Being ดิ้นรนตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์มาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้เพราะเราวิวัฒนาการ เพราะเรา ขยับ (แม้ว่าการขยับในบางครั้งอาจจะหมายถึงสงคราม) เพราะเรามีความเข้าใจใน Movement ไม่ว่าจะทั้ง Movement ทาง Physical (ร่างกาย) หรือ Idea (ความคิด) บรรพบุรุษเราคงไมไ่ด้ดิ้นรนให้เรามาหยุดแค่ตรงนี้ และเราจำต้องพัฒนาดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไปอย่างเป็นหน้าที่ของทุกๆคนแม้ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม
(สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ท่านไหน 'หมดอายุ’ จากการเป็น สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ บ้าง ? คาดว่าไม่น่าจะมีจนกว่าตัวจะตายมลายกลายเป็นฝุ่นผงหรือปุ๋ยบำรุงดินต่อไป)
ถ้าเราพึงพอใจในเซ็ทความเชื่อของการ ‘หยุด' ‘พอใจ’ ในพัฒนาการทางเรื่องสุขภาพของเราปัจจุบันแล้ว (การออกกำลังกายของกูคือเดินขึ้นบันไดจากชั้น 1 ไปชั้น 2 ‘พอละ') เราจะมีโอกาสนำนิสัยนี้ ไปใช้ในส่วนอื่นๆของชีวิตด้วย ด้านหน้าที่การงานหรือด้านสังคมต่างๆ
ผมเคารพในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเรื่องนิพพานนะ (Nirvana) หยุดคิด หยุดกิเลส หยุดตัณหา หยุดราคะ อะไรนอกตัวอะไรนอกโลกคืออจินไตย คิดไปไม่เกิดประโยชน์อะไร การดับการพอเป็นหนทางเดียวที่จะหลุดพ้นห้วงแห่งวงจรการเกิดแก่เจ็บตาย
แต่อีกมุมในใจ ผมก็มาแนวหนัง Interstellar ของ Christopher Nolan เลย คือ อยากรู้ว่าพัฒนาการมนุษย์เราจะไปได้ไกลนอกจักรวาลแค่ไหน ขีดจำกัดมากเพียงใด ความสามารถมากมายแค่ไหน (ช่วงนี้กำลังตื่นเต้นกับโครงการ Space Travel ของ Yuri Milner กับ SpaceX อยู่เลย)
ประเทศแถบยุโรปตระหนักดีกว่าพลังในการเขียน พลังงานวรรณกรรม หรือแม้กระทั่งบทความเล็กๆ มันมีผลต่อประชาชนของเค้ามาก ไม่ใช่ว่าใครจะเขียนขึ้นมาได้ แต่ต้องผ่านการ Proof การพิสูจน์อย่างมากโดยหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบ ผมให้ความสำคัญกับด้านภาษาศาสตร์ (Linguistic) ค่อนข้างมาก ดูได้จากคลิปเก่าๆในเพจหรือในยูทูบ เพราะผมคิดว่าภาษาสร้างคน ไม่ใช่คนสร้างภาษา การตีความของแต่ละภาษาทำให้อุปนิสัยคนในชาติเป็นเช่นนั้น ไม่เฉพาะงานเขียนงานวรรณกรรม แต่ด้วยตัวภาษาของเขาเองนั้นเป็นแน่แท้
สมัยที่ผมอยู่ยุโรป ผู้สูงอายุในชาติเค้าไม่มีใครนั่งแก่หัวหงอกอยู่บ้านนะครับ ทุกคนออกมาทำกิจกรรมกันหมด แถมอายุยืนกันมาก ในสวิสเซอร์แลนด์ ยิม Powerlifter ที่ผมเคยซ้อมอยู่ เป็นสถานที่เล็กๆชื่อ Cristoph Gymnesium ในเมือง Visp มี Powerlifter อายุมากทีสุด 76 ปี ยังสามารถยกได้หนักมากๆอยู่ ลองถามกึ่งแกดูว่าเมื่อไหร่จะเลิกยกน้ำหนัก
แกตอบด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมว่า
….กูยกจนตายแหละมึง
ทุกๆ Gym ที่ Oslo, Norway นั้นถูกเรียกว่า Training Center ไม่ใช่ ‘Fitness’ ทุกคนที่เข้ามาที่ Training Center คือมา Training หรือ ฝึก ซ้อม ไม่ใช่เข้ามา Fitness อะไรเฉยๆ (ความหมายทางภาษามีผลต่อการกระทำของผู้ใช้สถานที่)
ส่วนที่ Gym ที่เมือง Aspen, Colorado ที่ในขณะเขียนได้กำลังพำนักอาศัยอยู่นี้ มีนักวิ่ง Ultra Marathon (50km+) อายุ 76 เช่นกันอีกท่านหนึ่งซึ่งจะมาซ้อมยกเวททุกวันเวลา 6.00 น. ตรง เช้าตรู่ ไม่เคยพลาดมาเป็นเวลา 40 กว่าปีแล้ว
และช่วงกลางวัน วันใดในหน้าหนาว มีแต่ผู้สูงอายุออกมาเดินเล่นกันตามท้องถนนและแม้แต่กระทั่งไปเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด กีฬาที่แม้แต่วัยรุ่นบางคนยังเบือนหน้าหนี ถ้าเป็นบ้านเราคงไม่มีใครออกไปด้วยเหตุผลที่บอกว่า “แก่แล้ว” อยากให้ลองคิดดูว่าจริงๆเรา “แก่” จริงๆ หรือเราบอกว่าตัวเอง “แก่” หรือทำให้ตัวเอง “แก่” กันแน่ (บางคนอาจจะบอกว่าข้างนอกอากาศร้อน แต่บอกเลยครับว่า ใครที่เคยอาศัยอยู่ที่อากาศฤดูร้อนสวิสเซอแลนด์ ก็ร้อนไม่แพ้บ้านเรา)
"ผู้สูงวัยในแถบยุโรปกลับกลายเป็นตัวอย่างให้เด็กรุ่นใหม่”
เยาวชนออกมาทำกิจกรรมมากขึ้น เพราะเค้าเชื่อกันว่า การไม่หยุดพัฒนา ทำให้ประเทศชาติของเค้ายังเป็นที่หนึ่งอยู่ และเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรง (และเป็นที่หนึ่ง)
ยุโรปและอเมริกา สองชาติต่างฝั่งทวีปกัน แต่เมื่อไรซึ่งมีการแข่งขัน ต่างฝั่งต่างห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดและไม่มีใครยอมแพ้ อาจจะเป็นเพราะเป็นหัวเรือใหญ่ในชนวนสงครามโลกทั้งสองครั้งก็ว่าได้
อาจจะด้วยว่าผมไม่ได้อยู่ประเทศไทยมาเป็นเวลานาน อาจจะมีการ Adopt เซ็ทความเชื่อพวกนี้ แต่แน่นอนครับ ผมยังรักบ้านรักเมืองไทย ก็เลยได้ทำเพจทำกรุ๊ปขึ้นมาหวังว่าจะ สร้างความแตกต่าง สร้างแรงบันดาลใจ ให้กับคนในชาติ ให้กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ให้กับทุกๆคน โดยเฉพาะคนไทย ผมให้ความสำคัญกับงานเขียน งานวรรณกรรม งานบทความ งานปรัชญามาก เพราะมันมีอิทธิพลต่อผู้อ่านระดับรากหญ้าจนถึงชนชั้นปกครองครับ งานเขียนของ Karl Marx (แถลงการ์พรรคคอมมิวนิสต์) และ Nietsche (พระเจ้าตายแล้ว!) ยังเป็นแนวคิดที่หลอกหลอนและมีอิทธิพลกับประชาชนในยุโรปจนถึงทุกวันนี้ จริงๆจะเรียกว่าผมเป็นกึ่งๆ Anarchist ก็ได้ แต่ระบบบางอย่างที่ประเทศเราใช้อยู่ หรือแม้แต่สื่อ มันมีอิทธิพลกับคนรุ่นหลัง รุ่นเยาวชนมากกว่าแค่การเขียนบทความลงเพจเท่านั้น การปฏิวัติ การกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อาจจะไม่ใช่หน้าที่ของใครแค่คนหนึ่ง หรือกลุ่มหนึ่ง แต่เกิดจากทุกฝ่ายตระหนักร่วมกันถึงความสำคัญของเป้าหมายและการพัฒนาที่ยั่งยืน
ถึงเวลากระตุ้นวงการฟิตเนสไทยกันแล้วหรือยัง ?
เพราะการพัฒนาวงการฟิตเนสไทย อาจจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาสังคมไทยในวงกว้าง
งานเขียน
งานภาษา
งานข้อมูลต่างๆ
นั้นมีผลกระตุ้นเยาวชนและปุถุชนคนไทย
มากกว่าแค่ยอดไลค์ในเพจ
…ด้วยหรือไม่ ?
#heroathletes
นักเพาะกาย 在 ออกกำลังกายตามนักเพาะกายที่หุ่นดีที่สุดในโลก - Chris Bumstead 的必吃
ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ผมแนะนำดื่มโปรตีนหลังออกกำลังกายทันทีเพื่อซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อ ผมขอแนะนำ Dutch Mill ... ... <看更多>