วิสาขบูชา ย่อมาจาก " วิสาขปุรณมีบูชา "
แปลว่า " การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ "
ปีนี้มีอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหน จึงตรงกับ
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗
.
วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ คือเกิด
ได้ตรัสรู้ คือสำเร็จ ได้ปรินิพพาน คือ ดับ
เกิดขึ้นตรงกันทั้ง ๓ คราวคือ
๑. “ประสูติ” เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖
ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีจอ
ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี หรือราวประมาณ ๒,๖๔๔ ปีก่อน
.
เป็นวันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ณ ลุมพินีสถาน
เมื่อพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้า
สุทโธทนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ
พระนางได้รับพระบรมราชานุญาต จากพระสวามี
ให้แปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ
ซึ่งเป็นพระนครเดิมของพระนาง
เพื่อประสูติในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น
.
ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน
พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น
.
ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ"
ซึ่งต่อมาพระองค์ได้ออกบวช จนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
(ญาณอันประเสริฐสูงสุด)
สำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงถือว่า วันนี้เป็นวันประสูติของพระพุทธเจ้า ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี
.
๒. “ตรัสรู้” เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ ๓๕ พรรษา ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
ในตอนเช้ามืดวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา
ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี หลังจากออกผนวชได้ ๖ ปี
ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา
เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย
.
การตรัสรู้อริยสัจสี่ คือของจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ
ของพระพุทธเจ้า เป็นการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม
ไม่มีผู้เสมอเหมือน วันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
จึงจัดเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่ให้เกิดมีพระพุทธเจ้าขึ้นในโลก
.
ชาวพุทธทั่วไปจึงเรียกวันวิสาขบูชาว่า วันพระพุทธ(เจ้า) อันมีประวัติว่า
พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญเพียรต่อไป ที่ใต้ต้น
พระศรีมหาโพธิ์นั้น ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัย เรียกว่าการเข้า "ฌาน" เพื่อให้บรรลุ "ญาณ" จนเวลาผ่านไปจนถึง ...
ยามต้น : ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุติญาณ"
คือทรงระลึกชาติในอดีตทั้งของตนเองและผู้อื่น
ยามสอง : ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ"
คือการรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ยามสาม : ทรงบรรลุ "อาสวักขญาณ"
คือรู้วิธีกำจัดกิเลสด้วย อริยสัจสี่
( ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค )
ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖
ซึ่งขณะนั้น พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา
.
ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ อริยสัจ ๔ หรือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ได้แก่
๑. ทุกข์ คือ ความลำบาก ความไม่สบายกาย
ไม่สบายใจ
๒. สมุทัย คือ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
๓. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ และ
๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์
ทั้ง ๔ ข้อนี้ถือเป็นสัจธรรม เรียกว่า อริยสัจ เพราะเป็นสิ่งที่พระอริยเจ้าทรงค้นพบ เป็นสัจธรรมชั้นสูง ประเสริฐกว่าสัจธรรมสามัญทั่วไป
.
๓. “ปรินิพพาน” หลังจากตรัสรู้แล้ว ได้ประกาศ
พระศาสนา และโปรดเวไนยสัตว์ เป็นระยะเวลา
๔๕ พรรษา
.
พระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน
เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง ณ สาลวโนทยาน ของมัลลกษัตริย์ เมืองกุสินารา แคว้นมัลละ (ปัจจุบันอยู่ในเมือง กุสีนคระ) แคว้นอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย
.
การปรินิพพานของพระพุทธเจ้า
ก็ถือเป็นวันสำคัญของชาวพุทธทั่วโลกเพราะชาวพุทธทั่วโลกได้สูญเสียดวงประทีปของโลก
เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่และครั้งสำคัญชาวพุทธทั่วไปมีความเศร้าสลดเสียใจและอาลัยสุดจะพรรณนา
.
อันมีประวัติว่าเมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และแสดงธรรมมาเป็นเวลานานถึง ๔๕ ปี ซึ่งมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ในระหว่างนั้นทรงประชวรอย่างหนัก
ครั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือน ๖ พระพุทธองค์กับพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ก็ไปรับภัตตาหารบิณฑบาตที่บ้านนายจุนทะ
ตามคำกราบทูลนิมนต์ พระองค์เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะตั้งใจทำถวาย ก็เกิดอาพาธลง แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
.
ในราตรีนั้น ได้มีปริพาชกผู้หนึ่ง ชื่อสุภัททะขอเข้าเฝ้า
และได้อุปสมบทเป็นพระพุทธสาวกองค์สุดท้าย
เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า
.
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"
.
หลังจากนั้นก็เสด็จเข้าดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีเพ็ญเดือน ๖ นั้น
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ที่เหตุการณ์ทั้ง ๓ เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ซึ่งมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี
บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน ๖
.
ดังนั้นเมื่อถึงวันสำคัญ เช่นนี้ ชาวพุทธทั้งคฤหัสถ์
และบรรพชิตได้พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ
เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ
พระปัญญาธิคุณ
และพระบริสุทธิคุณ
ของพระองค์ท่าน ผู้เป็นดวงประทีปของโลก
--------------
ตามรอย ธรรม
FB : ใต้ร่ม ธรรม
「ธรรม แปลว่า」的推薦目錄:
- 關於ธรรม แปลว่า 在 Kanok Ratwongsakul Fan Page Facebook 的最佳解答
- 關於ธรรม แปลว่า 在 Capt.Benz Facebook 的最讚貼文
- 關於ธรรม แปลว่า 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的最讚貼文
- 關於ธรรม แปลว่า 在 Roundfinger - พจนานุกรมพุทธศาสน์ โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจาร ... 的評價
- 關於ธรรม แปลว่า 在 "จักรธรรม แปลว่าจักรแห่งการบดขยี้ทุกข์ให้กับมนุษย์"- พระราชธรรม ... 的評價
- 關於ธรรม แปลว่า 在 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน): หน้าหลัก 的評價
ธรรม แปลว่า 在 Capt.Benz Facebook 的最讚貼文
ทำยังไง?
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดมาเยอะ
บาปกรรมเยอะ จนไม่น่าให้อภัย 😞
แม้จะกลับตัวตั้งใจเป็นคนที่ดีขึ้นแล้ว
แต่ความชั่วหยาบที่เคยทำมากก็กลับมาหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำอีก
คนรอบตัวก็ยังคงพูดถึงความผิดพลาดนี้ให้เรารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ่อยครั้ง
จนบางครั้งท้อแท้หมดกำลังใจ
หมดใจที่จะทำความดี เป็นคนดี เป็นคนใหม่
เพราะรู้สึกว่ามันยากเย็นเหลือเกิน
.
ก่อนอื่น
พึงเข้าใจกฎของธรรมชาติ
ธรรม หรือ ธรรมะ แปลว่า things
คือสิ่งที่เกิดขึ้นของมันอย่างนั้น
ธรรมที่เกิดขึ้นเอง เรียกว่า ธรรมชาติ
ธรรมที่เกิดขึ้นจากการให้ค่า เรียกว่า ธรรมคุณ
มนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
แต่ความรัก โกรธ เกลียด กำหนดฐานะ ชนชั้น ความสำคัญ ระหว่างมนุษย์ด้วยกันเป็นธรรมคุณ
.
ธรรมในส่วนของ ‘ธรรมคุณ’ นั้น ก็ยังมีอีก 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ โลกธรรม
หรือธรรมแบบโลกๆ
ได้ลาภ เสื่อมลาภ
ได้ยศ เสื่อมยศ (ยศ หมายถึง อำนาจ, แม้อำนาจในที่ทำงาน ในครอบครัว ในระหว่างคู่ครอง ก็ถือเป็นอำนาจ)
นินทา สรรเสริญ
สุข ทุกข์
มี 8 ตัว 4 คู่ ทั้งฝ่าย possitive และ negative
ขึ้นชื่อว่า โลก
ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้
.
ส่วนที่สองคือ สัจธรรม
ธรรมที่เป็นความจริงแท้
เป็นจริงของมันเช่นนั้น
พ้นจากลาภ พ้นจากยศ พ้นจากสรรเสริญ พ้นจากสุข และคู่ของมัน
สัจธรรมนี้ ไม่มีอะไรหักล้างได้ และไม่ว่าใครก็ต้องเจอ
เช่นกฎไตรลักษณ์
สามลักษณะของทุกสรรพสิ่ง
มีเกิดขึ้น มีตั้งอยู่ชั่วคราว และมีสูญสลายหายไป
ที่ว่าทุกสรรพสิ่งนั้น มันเป็นทุกสรรพสิ่งจริงๆ
แม้ความดี ความชั่ว
ก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วคราว และสูญสลายหายไปในที่สุด
จะทรงอยู่ได้ก็แต่เฉพาะตอนระลึกนึกถึง
ซึ่งเมื่อไปทำกิจอย่างอื่น ก็หลงลืมไปตามธรรมดา
.
ไม่มีใครทำบุญ ให้ทานแล้ว ค้างอยู่อย่างนั้น
ทุกคนต้องเปลี่ยนอิริยาบท ไปทำกิจการงานอื่นต่อไป
ความดีนั้นจะกลับมาอีกครั้งได้ ก็เฉพาะแต่ในความทรงจำ
ฉันใดก็ฉันนั้น
ไม่มีใครทำบาป แล้วก็ค้างการกระทำอยู่แบบนั้น
ล้วนต้องเปลี่ยนอิริยาบทไป
บาปจะกลับมารบกวนอีกครั้ง ต่อเมื่อถูกทำให้ระลึกถึง
หรือเจ้าตัวระลึกถึงเอง
.
สำหรับผู้ที่ระลึกได้ถึงบาปแล้วทุกข์
โปรดจำไว้ว่า นี่คือผลของมัน
ยอมรับเสีย แล้วตั้งสติ
ธรรมดาของชีวิต
ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด
และไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดได้
แต่จงรู้ว่าจิตที่ก่อความผิดพลาด ณ ขณะนั้น
เป็นคนละจิตกับ ณ ขณะที่ระลึกถึงความผิดพลาดได้ในขณะนี้
จิตตอนทำชั่ว ชั่วทั้งก้อน
แต่จิตตอนระลึกถึงความชั่วได้
เป็นจิตที่ละอายต่อบาป
มันไม่ได้ชั่วทั้งก้อน
มันคือจิตส่วนหนึ่ง
ความไม่สบายใจต่อความชั่วส่วนหนึ่ง (ภาษาพระเรียก “หิริโอตตัปปะ”)
และความรู้ตัวทั่วพร้อมอีกส่วนหนึ่ง (สติสัมปชัญญะ)
อย่างน้อย จิตขณะนี้ประกอบด้วยคุณธรรม
.
การทำความดีในพระพุทธศาสนา
มี 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ทาน ศีล ภาวนา
ทาน คือ การให้ การสละ
ศีล คือ การประพฤติในร่องรอยของความปกติ ไม่เบียดเบียน
ส่วน ภาวนา คือ การชำระจิตใจให้ผ่องใส ทำจิตใจให้สูงขึ้น
ในทาน ศีล ภาวนา
“การภาวนา” เป็นบุญที่สูงสุด
เพราะเมื่อใจสูง ศีลก็มั่นคง ทานก็งดงาม
.
การก่อร่างสร้างความผิดพลาดในอดีตอาจเป็นความชั่ว
แต่เมื่อใดที่ได้ระลึกและพิจารณาอย่างแยบคายจนเห็นธรรมอันเป็นสัจจะแล้ว
เช่นนี้ จัดเป็นการภาวนา
.
ฉะนั้น เมื่อความผิดพลาดย้อนกลับมาทำร้ายเรา
จงพิจารณาให้เห็นตามนี้
และมองให้เห็นคุณธรรมความดีของตัวเองในขณะปัจจุบัน
มองให้เห็นปัญญาของตัวเอง
ว่าเราสามารถระลึกผิดชอบชั่วดีได้
แม้ระลึกไม่ได้ในอดีต
แต่ระลึกได้ในปัจจุบัน
เช่นนี้ ก็น่าชื่นชมเพียงพอ
.
อดีตของเราอาจไม่น่าให้อภัย
แต่ถ้าจิตปัจจุบันสามารถให้อภัยตัวเองได้
ระลึกถึงความผิดความชั่วของตัวเองในอดีตได้
และมั่นคงที่จะไม่กลับไปทำผิดทำชั่วอีก
นี่แหล่ะ “ความรู้ตัว”
ซึ่งเท่านี้ ก็เพียงพอ
.
.
เมื่อพลั้งพลาด ในศีลเข้า อย่าเศร้าหมอง
จงตรึกตรอง ด้วยจิต คิดแก้ไข
ไม่ประมาท พลาดพลั้ง ครั้งต่อไป
เริ่มต้นใหม่ ให้จิตแผ้ว แคล้วมลทิน
แม้ทานพร่อง ศีลพร่อง ไม่ผ่องใส
จงทำใจ หนักแน่น ดังแผ่นหิน
จงตามดู รู้เห็น เป็นอาจิณ
เพียรให้สิ้น ละบาป เรื่องหยาบคาย
หิริโอต ตัปปะ มากำกับ
คอยสำทับ ไม่ให้จิต คิดเสียหาย
ไม่พลั้งพลาด ผิดซ้ำ ทำวุ่นวาย
จบตามสไตล์ “ความรัก ก็เช่นกัน” 😘
.
#ผู้กองเบนซ์
ปล. ปล่อยวางอดีต ประณีตปัจจุบัน ไม่หวาดหวั่นอนาคต 🙂
ธรรม แปลว่า 在 โหรฟันธง ลักษณ์ เรขานิเทศ Facebook 的最讚貼文
ยามนี้คือยามยาก คนไทยต้องเหนื่อยต้องลำบาก เป็นหนักหนา.....
ดาวพฤหัสบดี(๕)โคจร เป็นอริกับชะตาเมือง มีตำแหน่งเสื่อมในทางโหราศาสตร์ (ตอนท่ี 2)
ดาวพฤหัสบดี (5) บนท้องฟ้า มีอัตราการโคจรช้ากว่าโลก เสมือน โคจรถอยหลัง ในราศีกันย์ มีตำแหน่งเป็นประ ในทางโหราศาสตร์ แปลว่า ปุๆปะๆ อ่อนเเรง หมดกำลัง
ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวตัวแทน ครู อาจารย์ พระ นักบวช กฏหมาย นายเเพทย์ ระเบียบปฏิบัติ ความยุติธรรม ฯลฯ
ส่งผลให้เกิดความเสื่อมในความหมายดาว จะมีความ "เสื่อม"เกิดขึ้น ในตัวบุคคล พฤติกรรม ท่ีเสื่อม ดังจะเห็นข่าว ครู อาจารย์รุ่นใหญ่ มีพฤติกรรมหลอกลวงครั้งใหญ่ และจะมีอีกต่อไป จะมีความเสื่อมเกิดขึ้นในระบบราชการ ข้าราชการ จะมีความเสื่อมเกิดขึ้นในเรื่องการแพทย์ จะมีความเสื่อมเกิดกับวงการสงฆ์ และความเสื่อมในระบบความยุติธรรม ตลอดจนมีข่าวลือข่าวลวง ความเชื่อ ท่ีมอมเมาเสียหาย ต่อสังคม ประเทศชาติในภาพรวม
ขอให้ยึดมั่นใน"ศีล ใน ธรรม" อย่ามีความโลภ จะมีตัวล่อ คือผลประโยชน์ ของราคาถูก เรื่องท่ีได้เงินง่าย ได้ผลตอบแทนดี หรือความเชื่อท่ีหลอกลวงประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
คนมีศีลมีธรรม และดำรงตนด้วยความไม่ประมาท จะอยูรอดปลอดภัย คนมีศีลมีธรรม ยึดมั่นในกฏหมาย งดการดำเนินชีวิตด้วยความสุ่มเสี่ยง จะผ่านทุกข์ในครั้งนี้ ผ่านวันท่ี 5 กันยายนไปแล้ว ทุกๆอย่างจะค่อยๆดีขึ้นครับ
ขอให้ทุกๆท่านมีสติ มีกำลังใจ มีความหวัง ขอให้บุญรักษา เทวดาคุ้มครอง อย่าหลง อย่าเชื่ออะไรโดยง่าย ขอให้ เเคล้วคลาดปลอดภัยครับ
ลักษณ์ เรขานิเทศ
ธรรม แปลว่า 在 "จักรธรรม แปลว่าจักรแห่งการบดขยี้ทุกข์ให้กับมนุษย์"- พระราชธรรม ... 的必吃
เทปบันทึกภาพงานมหกรรมเทศนา ธรรม "มีเทศน์ มีทอล์ค ปีที่ 9" ตอน "ตามรอย ธรรม "เมื่อวันเสาร์ที่ 7 - วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2563ณ แจ้งวัฒนะฮอลล์ ... ... <看更多>
ธรรม แปลว่า 在 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน): หน้าหลัก 的必吃
ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีอย่างครบวงจรในฐานะเป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติ โดยมีพันธกิจในการดูแล ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล. ... <看更多>
ธรรม แปลว่า 在 Roundfinger - พจนานุกรมพุทธศาสน์ โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจาร ... 的必吃
ธรรมะ แปลว่าสิ่งที่ทรงตัวมันอยู่ ถ้าสิ่งใดมีการทรงตัวอยู่แล้วสิ่งนั้นเรียกว่าธรรมะ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน หนึ่ง, สิ่งที่ไหลเวียน ... ... <看更多>