ตลาดหุ้นจีน ลงแล้วลงอีก /โดย ลงทุนแมน
ค่ำคืนนี้ สำหรับวงการหุ้นต่างประเทศ คงจะไม่มีอะไรที่หนักหน่วงไปกว่า “หุ้นจีน”
- รูปนี้เป็นราคาของบริษัทที่ใคร ๆ ก็รู้จักชื่ออาลีบาบา ปีที่แล้วยังเป็นบริษัทที่ร้อนแรง แจ็กหม่า ทำอะไรก็น่าสนใจไปหมด แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น เราไม่ได้เห็นแจ็กหม่าพูดนานแล้ว น้ำเสียงที่เคยมั่นใจ กลับโดนรูดซิบปิดสนิท
-ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นอาลีบาบาลงอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา -10% ภายใน 5 วัน ท่ามกลางข่าวร้ายที่มีมาตลอดว่า รัฐบาลจีนจะคุมเข้ม เรื่องนั้น เรื่องนี้เต็มไปหมด
- รู้ไหมว่า ถ้าใครซื้อหุ้นอาลีบาบาเมื่อปีที่แล้ว 100 บาท ในตอนนี้เขาจะเหลือมูลค่าหุ้นเพียง 55 บาท ทั้งที่บริษัทก็มีรายได้เติบโต
- แปลกใจอีกตรงที่ว่า ประเทศจีนแทบจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่สามารถคุมการระบาดของโควิด ได้อยู่หมัด ทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในช่วงการระบาด
- แต่สำหรับตลาดหุ้นแล้ว มันเหมือนจะพลิกจากหน้ามือ เป็นหลังมือ เพราะว่าตลาดหุ้นจีนลงหนักราวกับเป็นประเทศที่เจอปัญหา
- และสำหรับนักลงทุนไทยที่ย้ายไปลงทุนต่างประเทศแล้วโฟกัสแต่ประเทศจีน บอกได้คำเดียวว่า น่าท้าทายเป็นอย่างยิ่ง..
- ติดตามเรื่องหุ้นจีน เศรษฐกิจจีน จากคนที่รู้ลึกมากมายได้ที่แอป Blockdit ลงทุนแมนก็อ่านข้อมูลที่มีประโยชน์จากหลายคนในนั้น โหลด Blockdit.com/download
「ตลาดหุ้นจีน」的推薦目錄:
- 關於ตลาดหุ้นจีน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於ตลาดหุ้นจีน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
- 關於ตลาดหุ้นจีน 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
- 關於ตลาดหุ้นจีน 在 หุ้นจีนพุ่งหลังความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ดีขึ้น | ย่อโลกเศรษฐกิจ 19 พ.ค.66 的評價
- 關於ตลาดหุ้นจีน 在 นลท.ต่างชาติเทขายหุ้นจีนมากขึ้นในพ.ค. | ย่อโลกเศรษฐกิจ 1 มิ.ย.66 的評價
- 關於ตลาดหุ้นจีน 在 เจาะลึกดัชนีหุ้นจีน ฮ่องกง... - เด็กการเงิน DekFinance | Facebook 的評價
ตลาดหุ้นจีน 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
สรุปทิศทางการลงทุน ในครึ่งปีหลัง จากกรุงศรี และ BlackRock
ลงทุนแมน x KRUNGSRI EXCLUSIVE
ปี 2021 นับเป็นอีกปีที่หนักหน่วงของเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้เราก็ผ่านเลยมาเกินครึ่งทางของปีแล้ว
แต่ด้วยหลาย ๆ ปัจจัย ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนซ่อนอยู่ ทั้งบวกและลบ ปะปนกันไป
ทำให้นักลงทุน อาจเกิดความกังวลและไม่แน่ใจว่า หลังจากนี้ตนควรมีแนวทางการลงทุนหรือจัดพอร์ตการลงทุนอย่างไรดี เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ในความเสี่ยงที่ยอมรับได้
และด้วยเหตุผลนี้ ทาง KRUNGSRI EXCLUSIVE หนึ่งในบริการในกลุ่ม Wealth Management ของธนาคารกรุงศรีที่ช่วยตอบความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในด้านไลฟ์สไตล์และการเป็นที่ปรึกษาการลงทุน
ในครั้งนี้จึงได้จัดงานสัมมนาออนไลน์ ตลอดทุกสัปดาห์ ภายใต้งาน KRUNGSRI EXCLUSIVE 2021 Mid-Year Outlook Series และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กับการนำเสนอวิเคราะห์ในหัวข้อ Global Outlook “A Powerful Restart”
โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลก อย่างคุณ Ben Powell จาก BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแนวหน้าของเมืองไทย อย่างคุณวิน พรหมแพทย์ จากธนาคารกรุงศรี มาวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง และเปิดมุมมองต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ หลังจากที่หลายประเทศทั่วโลก เริ่มได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
โดย ลงทุนแมนจะสรุปให้ฟัง..
หลังจากมีการฉีดวัคซีน โลกก็กำลังเดินหน้าเข้าสู่การ Restart ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่
โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นไปได้ด้วยดี และยอดผู้ติดเชื้อเริ่มชะลอตัวลง
ทำให้ผู้คนมีความมั่นใจ กลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามปกติ และเศรษฐกิจก็ค่อย ๆ กลับมาดีขึ้นตามลำดับ
อย่างตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของโลก ก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างชัดเจน
สำหรับเศรษฐกิจไทย ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ อัตราเร่งในการฉีดวัคซีน ยิ่งฉีดได้เร็ว ยิ่งดี
ซึ่งการฉีดวัคซีนในประเทศไทย ก็เริ่มมีอัตราเร่งที่มากขึ้น ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นับเป็นสัญญาณที่ดี
และคาดว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทย จะเห็นตัวเลขที่ต่ำลง เมื่อพ้นกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป
เรื่องนี้จะทำให้การเดินทาง, การจับจ่ายใช้สอย และความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ กลับมาอีกครั้ง
แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ โควิดสายพันธุ์เดลตา
หากมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้เป็นจำนวนมาก ความรุนแรงของการแพร่ระบาด
อาจทำให้ความเชื่อมั่นของผู้คน และภาคธุรกิจ หดหายไปอีกครั้ง
และกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้
เพราะต้องชะลอการเปิดเมือง หรือปลดล็อกกิจกรรมบางอย่าง ออกไปนานกว่าเดิม
ซึ่งเรื่องนี้ยิ่งกระทบต่อประเทศไทย เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง เลยอาจฟื้นตัวช้า
โดย Krungsri Research คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2021 จะโตเพียง 2% เท่านั้น
อย่างไรก็ดี หนึ่งในโปรเจกต์ที่อาจเป็นความหวัง การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งปีหลัง คือ Phuket Sandbox
โดยคาดว่าในไตรมาสที่ 3 นี้
Phuket Sandbox จะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ 129,000 คน
และสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 11,500 ล้านบาท
หรือเฉลี่ยแล้ว นักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายราว 89,000 บาท/คน
ซึ่งเป็นการเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับ Premium/Luxury
และถ้า Phuket Sandbox ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี
โมเดลนี้ ก็จะสามารถขยายไปใช้กับพื้นที่อื่น ๆ ได้
ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการจ้างงาน, การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศ
พอนักลงทุนต่างชาติ เห็นว่าท่องเที่ยวไทยเริ่มฟื้นตัว ก็อาจกลับมาลงทุนในหุ้นไทย และผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นได้
- สำหรับมุมมองการลงทุน ของคุณ Ben Powell จาก BlackRock
ตอนนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง (Restart)
ท่ามกลางสภาวะที่ อัตราดอกเบี้ยและ Bond Yield อยู่ในระดับต่ำ
ด้วยสภาพคล่องในระบบที่ยังสูงแบบนี้ แต่อัตราดอกเบี้ยต่ำติดดิน
อย่างไรเงินทุนก็ต้องไหลไปหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น หุ้น
แม้ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ จะปรับตัวขึ้นมามากแล้ว
แต่ด้วย 2 แรงส่งจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ก็ยังมีโอกาสที่จะสามารถผลักดันตลาดหุ้น ให้ขึ้นไปต่อได้ ในช่วงครึ่งปีหลัง
ทาง BlackRock จึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในหุ้น
แต่ถ้ารับความเสี่ยงไม่ได้มาก ก็อาจเลือกมองหา การลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีความเสี่ยง และผลตอบแทนลดลงมา แต่ยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตราสารหนี้อยู่ เช่น อสังหาฯ, REITs, Property Fund
นอกจากนี้ คุณ Ben Powell ยังตอบถึงปัญหา ที่นักลงทุนหลายคนกังวลอยู่ในตอนนี้
คือเรื่องของการ QE Tapering หรือการที่ธนาคารกลางลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบผ่านมาตรการ QE ลง
และเรื่องของการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามเงินเฟ้อ
โดยเขามองว่า รอบนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทำ QE Tapering แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมาก เพราะได้บทเรียนจากครั้งก่อน ๆ จึงไม่น่าทำให้ตลาดได้รับผลกระทบแบบรุนแรง
ส่วนการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มฟื้นตัวแล้ว และเงินเฟ้อได้ปรับตัวสูงขึ้น
แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยอมทนให้เงินเฟ้อมีการปรับตัวสูงขึ้นอีกหน่อย
เพราะต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ และผู้คนมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจเสียก่อน
จึงคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ในช่วงครึ่งปีหลัง
แต่จะเริ่มปรับตอนปี 2023 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า
- สำหรับมุมมองการลงทุนของคุณวิน พรหมแพทย์ จากธนาคารกรุงศรี
จะมีคำแนะนำการลงทุน ในช่วงครึ่งปีหลัง 2 ข้อหลัก ๆ ได้แก่
1) มองว่าตลาดหุ้นในระยะยาว จะเป็นขาขึ้น
แต่ในระยะสั้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังใกล้ถึงจุดอิ่มตัวเต็มที่แล้ว ทำให้มี Upside จำกัด
และในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจเจอข่าวร้าย เช่น สงครามการค้ากับจีน, การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาที่มากระทบตลาด จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้น จะมีการปรับฐานลงได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าเชื่อว่าในระยะยาว ตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้น
ช่วงในระยะสั้น ที่มีการปรับฐาน จึงอาจเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนเพิ่ม
2) มองหาตลาดหรือสินทรัพย์ ที่ราคายังฟื้นตัวไม่เยอะ
ควรฟื้นตัวเร็วกว่านี้ หรือฟื้นตัวช้ากว่าคนอื่น ตัวอย่างเช่น
- หุ้นยุโรป
ตอนนี้ยุโรป มีอัตราการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างเร็ว ซึ่งกำลังใกล้ตามสหรัฐฯ ทันแล้ว และล้ำหน้าประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย ทำให้เศรษฐกิจยุโรป น่าจะฟื้นตัวตามสหรัฐฯ
แถมอัตราการเติบโตของกำไร (Earnings Growth) ของหุ้นยุโรป ในปีนี้คาดว่าจะโตถึง 33% ซึ่งโตสูงกว่า หุ้นสหรัฐฯ
ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรป ยังฟื้นตัวและปรับฐานขึ้นช้ากว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นโลก
ดังนั้น ต่อไปตลาดหุ้นยุโรป จึงมีโอกาส Upside หรือปรับฐานขึ้นได้อีกมาก
*โดยทาง บลจ. กรุงศรี ก็ได้มีกองทุนมาแนะนำ สำหรับคนที่สนใจลงทุนในหุ้นยุโรป
คือกอง “KF-HEUROPE” ที่จะเน้นลงทุนในกองทุน Allianz Europe Equity Growth เป็นหลัก
โดยหุ้นที่กองทุน Allianz Europe Equity Growth ถืออยู่ ก็อย่างเช่น
1) ASML Holding บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำหรับทำ Semiconductor (ชิป) ซึ่งมีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำ เช่น TSMC, Samsung
2) SAP ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์รายใหญ่ของโลก
3) Adidas แบรนด์รองเท้าและเสื้อผ้า
4) Zalando ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซด้านแฟชั่นยักษ์ใหญ่ในยุโรป
- REITs หรือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
REITs ในปีที่ผ่านมา มีราคาผันผวนและปรับตัวลงรุนแรง ไปตามวิกฤติโควิด
แต่พอกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมา ราคาของ REITs ก็ทยอยปรับตัวสูงขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มโรงแรมและศูนย์การค้า ที่ปีก่อนกระทบหนักจากสถานการณ์โรคระบาด
แต่ปีนี้กลับสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุด เพราะผู้คนเริ่มออกไปจับจ่ายใช้สอย และท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี REITs ในประเทศไทย ยังฟื้นตัวไม่มาก (วัดจากดัชนี SETPREIT)
เมื่อเทียบกับตลาดโลก (Global REITs) และตลาดหุ้นไทย (SET)
เพราะสถานการณ์โควิดในบ้านเรา ยังคงรุนแรงอยู่
แต่หากต่อไปสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เริ่มมีการเปิดประเทศ และเปิดรับนักท่องเที่ยว
REITs ไทย ก็น่าจะฟื้นตาม REITs โลกเช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ย และ Bond Yield ที่เพิ่มขึ้น ตามอัตราเงินเฟ้อ
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคา REITs เพราะหลายคนเชื่อว่า นักลงทุนจะขาย REITs ไปซื้อตราสารหนี้แทน
จากสถิติย้อนหลัง 40 ปีนั้น พบว่า ในภาวะเศรษฐกิจฟื้น ที่เงินเฟ้อ และ Bond Yield ปรับตัวสูงขึ้น
REITs ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เหมือนอย่างที่หลายคนเข้าใจกัน
ซึ่ง REITs อาจได้รับประโยชน์ด้วยซ้ำ (ให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Apartments และ Office
ที่จะได้ประโยชน์ จากการปรับขึ้นค่าเช่าในสัญญา ตามอัตราเงินเฟ้อ
ปิดท้ายด้วย มุมมองต่อตลาดหุ้นจีน ของคุณ Ben Powell และคุณวิน พรหมแพทย์
ในระยะยาว ตลาดหุ้นจีน จะยังไปได้อีกไกล ตามปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจที่เติบโต
ทั้งเรื่องศักยภาพการบริโภคภายในประเทศ, เทคโนโลยีต่าง ๆ
หากตลาดหุ้นมีการปรับตัวลง ก็อาจเป็นโอกาสในการเก็บสะสม
แต่ทั้งนี้ มี 3 ประเด็นสำคัญที่ต้องตระหนักไว้ว่า
1) เศรษฐกิจจีน ได้ฟื้นตัวก่อนประเทศอื่น ๆ หลังจากนี้อัตราการเติบโต จึงอาจเริ่มชะลอตัวลง
2) เศรษฐกิจจีน ไม่มีนโยบายทางการเงิน มาอัดฉีดเงินเป็นจำนวนมาก เหมือนประเทศอื่น ๆ
ทำให้อาจไม่มีปัจจัยด้านสภาพคล่อง มาผลักดันตลาดหุ้นมากนัก
3) ความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลจากรัฐบาล
ปัจจุบันทางการของจีน กำลังสอบสวนและคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ
ในเรื่องการผูกขาดธุรกิจ, การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ฯลฯ
ซึ่งที่ผ่านมา ที่หุ้นจีนปรับตัวลงรุนแรง ส่วนสำคัญก็มาจากผลกระทบของปัจจัยนี้
แต่ถ้ามองในแง่ดี การกำกับดูแลของจีนที่เข้มงวดนี้
ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะทำให้บริษัทจีนอยู่ในกฎระเบียบ และโปร่งใสมากขึ้น
และจะส่งผลดีต่อภาพรวมของตลาดหุ้นในระยะยาว..
และยังมีสัมมนาออนไลน์วิเคราะห์ครึ่งปีหลังในประเด็นที่น่าจับตาอื่น ๆ โดยวิทยากรชั้นนำมาให้ติดตามกันอย่างเข้มข้นตลอดเดือน ก.ค. นี้ จาก KRUNGSRI EXCLUSIVE สนใจเข้าร่วมรับชมสัมมนาพิเศษ ๆ แบบนี้ ลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3h8MKqq (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
13 ก.ค.
จับทางเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง หลังจากประเทศไทยเริ่มได้รับการฉีดวัคซีน ในหัวข้อ “วัคซีนความหวังฟื้นเศรษฐกิจไทย” กับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนระดับแนวหน้าจากธนาคารกรุงศรี และ ทีดีอาร์ไอ
20 ก.ค.
แนะทิศทางการจัดพอร์ตครึ่งปีหลัง ต้อนรับการเปิดประเทศ กับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนระดับแนวหน้าจาก ธ.กรุงศรี บล. กรุงศรี และบลจ.กรุงศรี
29 ก.ค.
อัพเดทแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน Environmental, Social, Governance หรือ ESG ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ถือเป็นเทรนด์ที่ร้อนแรงและน่าจับตาในมุมมองนักลงทุนและสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลก โดยวิทยากรระดับแนวหน้าจาก ธ.กรุงศรี และ BlackRock บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก
*คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนทำการลงทุน
ตลาดหุ้นจีน 在 อายุน้อยร้อยล้าน Facebook 的最佳解答
เติบโตสวนทางกับเศรษฐกิจโลก กวาดกำไรไตรมาสแรกทะลุหมื่นล้านหยวน! สำหรับ “เหมาไถ” เหล้าจากแดนมังกรอย่างประเทศจีน
.
กุ้ยโจว เหมาไถ (Kweichow Moutai) ผลิตในเมืองเหมาไถ มณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ เป็นบริษัทผลิตสุราชั้นนำของจีน พร้อมด้วยตำแหน่งหนึ่งในบริษัทสินค้าอุปโภค-บริโภคที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000 ปี นับตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง โดยที่ล่าสุดนั้นทางบริษัทได้เปิดเผยข้อมูลกำไรไตรมาสแรกในปี 2021 อยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 6.74 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีที่แล้วถึงร้อยละ 6.57
.
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นรายงานประจำไตรมาสที่เสนอต่อตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) ที่รายได้ของช่วงเดือนมกราคม ถึง มีนาคม ของปี 2021 เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว2.72 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ1.31 แสนล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 11.74
.
เหล้าเหมาไถได้รับการขนานนามว่าเป็นว่าเป็น “เหล้าประจำชาติจีน” ที่มักถูกนำออกมาเสิร์ฟในงานพิธีการหรืองานเลี้ยงเฉลิมฉลอง รวมไปถึงงานเลี้ยงสำคัญระดับประเทศ เรียกได้ว่างานเลี้ยงไหนๆ ก็ควรที่จะต้องมีเหล้าแบรนด์นี้เสิร์ฟให้กับแขกเสมอ ซึ่งท่านประธานเหมา เจ๋อตุง ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานเติ้ง เสี่ยวผิง ต่างก็ยกให้เหล้าเหมาไถเป็นเหล้าในดวงใจ และใช้ในการต้อนรับแขก VIP และบุคคลสำคัญ ที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนยังประเทศจีนอยู่เสมอ
.
ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ยากและผลิตได้อย่างจำกัดเพียงแค่ปีละ 1 ครั้ง ต้องหมักข้าวฟ่างอย่างต่ำ 5 ปี กลั่น 9 ครั้ง บ่มต่ออีก 3 – 5 ปี ทำให้ได้รสชาติเหล้าที่เข้มข้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ ส่งผลให้เหล้าเหมาไถนั้นหายากและมีราคาที่สูง ถึงอย่างนั้นกำลังของผู้บริโภคในการซื้อก็ยังมีอยู่มากโดยเฉพาะชนชั้นกลาง ประกอบกับคนจีนนิยมซื้อเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ หรือโอกาสสำคัญต่างๆ เพราะนอกจากจะรสชาติดีแล้วยังเครื่องแสดงถึงความหรูหรา ร่ำรวย และมีพลังอำนาจ ทำให้เหล้าเหมาไถมักขาดตลาดอยู่เสมอ
.
และด้วยความที่หายากและราคาที่สูงทำให้เหล้าเหมาไถนอกจากจะเป็นที่นิยมในการดื่มแล้วยังเป็นที่นิยมในการสะสมอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มนักสะสมเหล้า ซึ่งเหล้าเหมาไถขวดที่เก่าแก่ที่สุดมีมูลค่าสูงถึง 50 ล้านบาทเลยทีเดียว!
.
ถึงแม้ว่าผลกระทบจากโควิดจะทำให้กำไรในปีที่แล้วของบริษัทจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้ก็สามารถทำกำไรไปได้สูงถึงหมื่นล้านหยวน ถึงอย่างนั้นทางบริษัทก็ยังมีการตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ให้ได้มากกว่าเดิมในปี 2021 อยู่ที่ประมาณร้อยละ 10.5 จากปีก่อนหน้า
.
ที่มา : https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency.th/posts/2933318246884178 https://www.facebook.com/Ryounoi100lan/photos/a.340037146041395/3708031665908576/
https://www.wsj.com/articles/chinese-liquor-giant-moutai-hits-heady-500-billion-valuation-11612964076
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan #อายุน้อยร้อยล้านNEWS #เหมาไถ #กุ้ยโจวเหมาไถ #กำไร #ตลาดหุ้นจีน #China #Business #ธุรกิจ #ไอเดียธุรกิจ
ตลาดหุ้นจีน 在 นลท.ต่างชาติเทขายหุ้นจีนมากขึ้นในพ.ค. | ย่อโลกเศรษฐกิจ 1 มิ.ย.66 的必吃
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นใน ตลาดหุ้นจีน เพิ่มมากขึ้นในเดือนพ.ค. เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศซบเซาและการคาดการณ์ผล ... ... <看更多>
ตลาดหุ้นจีน 在 เจาะลึกดัชนีหุ้นจีน ฮ่องกง... - เด็กการเงิน DekFinance | Facebook 的必吃
เจาะลึกดัชนีหุ้นจีน ฮ่องกง และไต้หวัน: CSI 300, Shanghai, H-Share, Hang Seng, TWSE และมาตั้ง Watchlist กัน [จุใจไปด้วย Sector เด่นๆ ในแต่ละดัชนี... ... <看更多>
ตลาดหุ้นจีน 在 หุ้นจีนพุ่งหลังความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ดีขึ้น | ย่อโลกเศรษฐกิจ 19 พ.ค.66 的必吃
ตลาดหุ้นจีน ดีดตัวขึ้นวันนี้จากการขาดทุนครั้งล่าสุด โดยขึ้นนำตลาดหุ้นอื่น ๆ ในเอเชีย โดยโจ ไบเดนประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ... ... <看更多>