#ช่วยลูกเรียนออนไลน์อย่างไร_ไม่ให้บ้าไปซะก่อน (ตอนที่ 1)
#บ่อเกิดความเครียดของพ่อแม่
.
ณ เวลานี้ เราเข้าใจกันเนอะ
และแล้ว ผ่านไป 1 ปี เด็กๆกลับมาอยู่ที่เดิม
คือ เรียนออนไลน์😭
.
จากประสบการณ์
พบว่าที่เครียดไม่ใช่เพราะลูก
แต่เป็นเพราะตัวเราเอง
ยิ่งเครียดสถานการณ์ยิ่งแย่
เมื่อผ่านวิกฤติลูกเรียนออนไลน์ปีก่อนได้
ตอนนี้รู้เลยว่า สบายใจขึ้นมาก
ไม่ใช่เพราะเราเก่งขึ้น หรือลูกเรา ไม่ต้องการความช่วยเหลือ
แต่พบว่า เราต้อง #จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่อยากให้ลูกเรียนรู้ ซะก่อน
วันนี้จะมาแชร์เรื่องราว
ทั้งสาเหตุที่ทำให้เครียด
และวิธีคิดที่ตอนนี้ทำให้เครียดไม่มาก😅
ซึ่งอาจจะไม่ได้ช่วยเพื่อนๆมาก
แต่อย่างน้อย จะได้รู้ว่า เราไม่ใช่คนเดียวที่เครียด
**************************************
👉PART 1
#บ่อเกิดความเครียดเมื่อลูกเรียนออนไลน์
1.ความคาดหวัง ทำร้ายเราและลูกเสมอ
กรณีที่ 1 เมื่อต้องนั่งเฝ้าลูกเรียนออนไลน์
พอได้เป็นส่วนหนึ่งในห้องเรียน
เราได้เห็นว่า ตัวตนของลูกในห้องเรียนเป็นอย่างไร
เราก็จะเกิดความคาดหวัง
ทำไมไม่ยกมือตอบคำถามคุณครูเลย
ทำไมตอบผิด ทั้งๆที่คุณครูย้ำแล้ว
ทำไมคุณครูไม่ให้ลูกเราตอบ
ทำไมๆๆๆๆ บลาๆ
เราอาจทำตัวเป็นนั่งทำงาน chill ใกล้ๆลูก
ประหนึ่ง แม่ไว้ใจ แม่จะไม่ยุ่ง แม่อยู่ตรงนี้ถ้าหนูต้องการ
แต่ในใจมัน ปุดๆๆๆๆ
2. กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง
กรณีที่ 2 ไปทำงานไม่ได้อยู่กับลูก
ฝากลูกไว้กับปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา
ซึ่งแน่นอนว่า ลูกเราเป็นคนเก่ง IT มากที่สุด ณ ขณะนั้น
ความโกลาหลจะเกิดขึ้น
เมื่อเกิดปัญหาในการเรียน
สัญญาณไม่ดี ระบบไม่เสถียร ฯลฯ
แล้วลูกแก้ปัญหาเองไม่ได้
ปู่ย่าตายาย ซึ่งพยายามจะช่วย
แต่บางครั้งทำให้ยิ่งแย่
สุดท้ายเมื่อแก้ไม่ได้ เราก็ต้องได้รับสายโทรศัพท์ แบบเร่งด่วน
แบบว่า รับรู้ แต่ช่วยอะไรไม่ได้
แล้วเป็นยังไง....งานก็ไม่มีสมาธิ ปัญหาเรื่องเรียนลูกก็ช่วยอะไรไม่ได้
พังจริงๆ
3. ความพอดีในการมีส่วนร่วม
นั่นแหละ ปัญหา
เพราะมันไม่รู้ว่า ช่วยเหลือแต่พอดี
มันอยู่ตรงไหน??
พอเรียนออนไลน์
คุณครูต้องการทดสอบความเข้าใจด้วยแบบฝึกหัด
ซึ่งถ้าเป็นการเรียนปกติ
เค้าจะประเมินได้จากการมีส่วนร่วมในห้องเรียน
แต่พอไม่ได้เห็นวิธีเรียนของเด็กๆ
วิธีที่จะประเมินคือแบบฝึกหัด
แต่ประเด็นคือ มันมีแบบฝึกหัดทุกชั่วโมง
ในหนึ่งวัน การบ้านอย่างน้อยๆ 3-4 วิชา
แล้วเด็กอนุบาล-ประถมต้น ที่ต้องปรับตัว
ด้วยวิธีการเรียนแบบใหม่ ปรับตัวกับโปรแกรมใหม่ๆ
แต่แบบฝึกหัดเพิ่มขึ้น....แล้วเด็กตัวแค่นี้ ต้องมาตามเก็บแบบฝึกหัดและการบ้านทั้งหมด ก็ต้องเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่ต้องให้ความช่วยเหลือ
คำประมาณว่า
ให้ลูกได้เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง
ให้เค้าได้ฝึกฝนด้วยตัวเอง แล้วเราคอยเป็นโค้ช
ดูสวยหรู...แต่ดูไม่จริง
เพราะระบบที่ไม่ได้สร้างมาให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพพอ (ระบบการเรียน สื่อการสอน เทคนิคการสอน การประเมินผล ฯลฯ)
และคุณครูก็ไม่ได้ตั้งตัว ต้องเตรียมการสอนมากขึ้นแต่ไม่ได้คิดวิธีประเมินที่ดีกว่าการตรวจแบบฝึกหัด และการสอบเก็บคะแนน
ถ้างานที่คุณครูสั่ง สะท้อนความรับผิดชอบของเด็ก
ความรับผิดชอบของเด็ก ก็สะท้อนการเลี้ยงดู
เพราะฉะนั้น พ่อแม่ก็ร้องเพลง
ส่งมาให้ฉัน ฉันรับไว้เอง คลอไป
ตอนช่วยสอนลูกทำการบ้าน ถ่ายรูป ถ่าย VDO ตัดต่อ upload, check ว่า ครูสั่งงานอะไรใหม่ ใน app อะไร วันนี้ต้องทำอะไร?...
ทำไปทำมา เราก็รู้สึกว่า
การบ้านที่ครูให้ คือการบ้านของเรา
โดยมีลูกเป็นตัวแสดงหลัก
หาสถานที่ ถ่าย VDO ตัดต่อ ส่ง...เฮ้อ เสร็จตอน 4 ทุ่ม
กล่าวคือ การบ้านที่ลูกต้องฝึกเขียนอ่าน เราก็ต้องช่วยเหลือเป็นปกติ
แต่การบ้านของเรา ที่ต้อง upload อะไรใดๆส่งคุณครู
จะเกิดขึ้น เมื่อส่งลูกเข้านอน
เหนื่อยมาก....เหนื่อยทุกวัน ความเครียดมันพอกพูน
4. หวังผลสัมฤทธิ์ที่มันเป็นไปไม่ได้
เพราะมีส่วนร่วมในการเรียนลูกมากเกินไป
ก็เลยคิดว่า สิ่งที่ลูกเรียนไปแล้ว ลูกต้องรู้แล้ว เข้าใจแล้ว
พอทำแบบฝึกหัดทบทวนบทเรียนด้วยกัน มันก็จะหงุดหงิด ที่ลูกจำสิ่งที่เรียนไปแล้ว....แทบจะไม่ได้เลย
เราลืมไปว่า การเรียนรู้บางอย่าง มันไม่ได้ใช้ ผัสสะแค่ตากับหู แล้วจะเข้าใจได้ง่าย
บางครั้ง ไม่ใช่แค่ได้เห็นได้ฟัง
แต่ต้องมีแรงกระตุ้น ของบรรยากาศ
ได้สบตาอาจารย์ตอนสอน มีความสนุกในห้องเรียน เกิดเรื่องโจ๊กที่เชื่อมโยงกับบทเรียนในห้อง
ซึ่ง เรียนออนไลน์ ขาดบรรยากาศตรงนี้ไปนะคะ
(ลองเทียบกับคน 2 คน เรียนจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศ คนหนึ่งเรียนคอร์สออนไลน์ในไทย เทียบกับคนที่ไปเรียนที่สถานที่จริง มันมีสิ่งที่แตกต่าง)
แล้วเราจะไปหวังว่าลูกซึ่งยังเด็กมาก เรียนผ่านหน้าจอครั้งเดียว จะเข้าใจอย่างนั้นหรือ
5.ต้องอยู่อย่างรอคอยความหวัง
ความไม่รู้ ไม่ชัดเจน
ทำให้จิตใจมนุษย์สั่นคลอนเสมอ
เดือนหน้า สถานการณ์จะดีขึ้นมั้ย?
นโยบายช่วยเหลือ?
แนวทางของโรงเรียน?
ประกาศเช้า กับเย็น ไม่เหมือนกัน ฉันจะเชื่ออะไร?
บลาๆๆ
คิดว่าทุกคนเข้าใจได้ เพราะความเครียดแบบนี้อยู่กับพวกเรามานานแล้ว
----------------------------------
วันนี้ขอจบ ต้นเหตุแห่งความเครียดได้ก่อน
พรุ่งนี้จะมาแชร์ ว่าทำให้เครียดน้อยลงในความอลเวง
ได้อย่างไร
Search
จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่อยากให้ลูกเรียนรู้ 在 สอนลูกจัดลำดับความสำคัญของง... - ปั้นใหม่ โดยอาจารย์หมออุมาพร 的必吃
การจัดลำดับความสำคัญของงานหรือที่เรียกว่า prioritize หรือ set priority เป็นสิ่งสำคัญ วันนี้อยากแนะนำวิธีที่ได้ผลดี นั่นคือวิธีที่เรียกว่า Eisenhower's Principle ... ... <看更多>