3 ปี ในอนุบาล
12 ปี ในโรงเรียน
4 ปี ในมหาวิทยาลัย
.
เรียนมาเกือบ 20 ปี เพื่อทำงานรับเงินเดือน 15,000 บาท
.
นี่คือ สิ่งที่ผมได้ยินเด็กจบใหม่ “บ่น” กันมากที่สุด ทั้งในวงสนทนา หรือ บนโซเชียลมีเดีย
.
ทุกครั้งที่ผมได้ยิน เด็กจบใหม่บ่นแบบนี้ ผมมักจะถามกลับไปว่า “แล้วไงต่อ ?”
.
แล้วไงต่อ ? บ่นไปแล้วได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นไหม
ต่อให้เรียนเพิ่มเป็น 30 ปี มันก็ได้เท่านี้
หรือต่อให้เปลี่ยนรัฐบาล ค่าจ้างก็ปรับขึ้นแค่ไม่กี่สิบบาทหรอก
.
ดังนั้น หยุดบ่น แล้ว ตั้งสติ !!
.
แล้วลองคิดตามนะครับ
.
ถ้าวันนี้คุณเดินไปซื้อของในตลาด เพื่อซื้อของสักอย่างหนึ่ง สมมติว่าเป็น เครื่องดูดฝุ่น
.
แล้วปรากฎว่า ทั้งตลาดมีคนขายเครื่องดูดฝุ่นเหมือนกันหมดเลย ทั้งรูปแบบ คุณสมบัติ ความสามารถ อายุการใช้งาน
.
คำถาม คือ คุณจะเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นจากเจ้าไหน
.
คำตอบ คือ เจ้าที่ราคาถูกที่สุด จริงไหม ?
.
แล้วถ้าสมมติว่ามีอยู่เจ้าหนึ่ง ที่ขายเครื่องดูดฝุ่นพลังสูง เป็นหุ่นยนต์ สามารถดูดฝุ่นได้เอง แถมยังกวาดขยะได้ด้วย แต่ราคาแพงกว่าเจ้าอื่นๆ คุณคิดว่า จะมีคนยอมจ่ายเงินซื้อไหม
.
คำตอบ คือ มีเยอะแยะเลยจริงไหม ?
.
.
การจ้างงานก็เช่นกันครับ
.
ในแต่ละปี เรามีนักศึกษาจบใหม่มากกว่า 500,000 คน
.
ซึ่งแต่ละคนก็เรียนมาเหมือนกัน วุฒิเดียวกัน ทำทุกอย่างได้เหมือนกัน
.
คำถาม คือ แล้วมันมีเหตุผลอะไร ที่บริษัท หรือ นายจ้าง ต้องจ่ายแพงกว่า เพื่อจ้างคุณล่ะ ถ้าทุกอย่างเหมือนกัน เขาก็ต้องเลือกที่จะประหยัดเงินของตัวเองถูกไหม
.
ที่สำคัญ คุณต้องไม่ลืมว่า บริษัทเองเขาต้องแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ถ้าเขาจ้างคนที่ใครๆ ก็หาได้ บริษัทอื่นๆ ก็มี ทำอะไรได้เหมือนๆ กัน แล้วบริษัทจะไปแข่งขันกับใครได้
.
ดังนั้น สิ่งที่ต้องคิด จึงไม่ใช่การมานั่งชี้นิ้วโทษคนอื่น ว่าทำไมฉันเรียนมาเกือบ 20 ปี ลงทุนมาหลายแสน แต่กลับให้เงินเดือนแค่ 15,000 บาท
.
แต่ต้องหันกลับมาถามตัวเองว่า เราสามารถสร้างคุณค่ามากพอที่เขาจะให้มากกว่า 15,000 แล้วหรือยัง ?
.
ตัวผมเองก็เป็นเด็กจบใหม่ ที่เรียนจบมาประมาณ 2 ปี ไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำ สาขาที่จบมาก็เป็นสาขาที่ใครๆ ก็บอกว่า หางานยาก เงินเดือนน้อย เพราะไม่มีความโดดเด่นอย่าง สาขานิเทศศาสตร์
.
ผมเริ่มต้นทำงานประจำโดยรับเงินเดือนขั้นต่ำเพียง 15,000 บาท เช่นกัน ที่สำคัญคือ จบมาในยุคโควิดนี่แหละ
.
ช่วงที่ผมทำงานประจำ ผมสังเกตเห็นว่า ไม่เคยเลยสักครั้ง ที่บริษัทจะหยุดประกาศรับสมัครพนักงานใหม่ บริษัทนั้นขาดคนอยู่ตลอด แถมในหลายตำแหน่ง เงินเดือนก็สูงกว่า 15,000 บาท ด้วยซ้ำ ในแต่ละวันมีคนเดินเข้ามาสัมภาษณ์งานมากมาย แต่ก็ไม่ตรงตามสเปคที่บริษัทต้องการ
.
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า งานที่เงินเดือนสูงนั้นยังมีที่ว่างมากมาย แต่ไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมกับมันได้ต่างหาก
.
นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับ
.
ต่อให้คุณ “บ่น” ให้ตาย หรือ เรียนนานสัก 30 ปี มันก็ไม่ช่วยให้คุณได้รับเงินเดือนมากขึ้นหรอก
.
เพราะไม่มีใครสนใจหรอกว่าคุณเรียนมานานแค่ไหน จ่ายค่าเทอมมามากเท่าไหร่ เขาสนใจแค่ว่าคุณทำผลงาน และ สร้างมูลค่า ได้มากขนาดไหนต่างหาก
.
เพราะฉะนั้น เปลี่ยนจากนั่ง “บ่น” แล้วไปหยิบ “หนังสือ” อ่าน เปลี่ยนจาก “โทษ” ชาวบ้าน แล้วไป “ฝึกฝน” ทักษะใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดดีกว่า
.
ทุกวันนี้มีหนังสือดีๆ มีสื่อการเรียนรู้ที่เปิดกว้างมากมาย ให้คุณได้เรียนรู้ และ ฝึกฝน
.
อย่าคิดว่าการเรียนรู้มันจบแค่ในห้องเรียน เพราะถ้าคุณเรียนมาเหมือนกับใครๆ มันก็ไม่มีอะไรที่แตกต่าง แต่คุณต้องรู้จักหาความรู้อื่นๆ ที่ไม่ได้มีสอนกันแค่ในมหาวิทยาลัยด้วย
.
ถ้าคุณสามารถทำตัวเองให้แตกต่างกว่าเด็กจบใหม่คนอื่นๆ และสร้างมูลค่าได้มากกว่าใคร ต่อให้คุณเรียกค่าตัว “แพง” แค่ไหน ก็มีแต่คนแย่งตัว
.
ก่อนจะโทษว่าไม่มีใครให้โอกาส ลองถามตัวเองดูว่า คุณมีความสามารถมากพอที่จะได้รับโอกาสนั้นแล้วหรือยัง
.
หากคุณทำตัวเองให้มีความสามารถมากพอ สุดท้ายแล้ว เมื่อโอกาสมาถึง คุณก็จะไปกับโอกาสนั้นได้อยู่ดี
.
แต่ถ้าความสามารถของคุณยังไม่พอ ต่อให้มีตำแหน่งงานเงินเดือนสูง หรือ มีโอกาสอยู่ตรงหน้า คุณก็คว้ามันมาไม่ได้
.
นี่คือ ความจริง ครับ ต่อให้คุณจะโทษฟ้าโทษดิน เรียกร้องความยุติธรรมจากใคร คุณก็หนีความจริงตรงนี้ไม่ได้
.
ก่อนจะออกไปเปลี่ยนโลก ให้เริ่มจากการเปลี่ยนโลกของตัวเองก่อน นั่นคือ “ทัศนคติ”
同時也有6部Youtube影片,追蹤數超過87萬的網紅ขุนเขามีคําตอบ - Answers from Khunkhao,也在其Youtube影片中提到,ถ้าอยาก "เจริญ" ต้องกล้าเผชิญ "ความเจ็บ" เพราะใน "ความเจ็บ" มักมี "ความจริง" ถ้าคุณฝึกตัวเองให้กล้าเผชิญ "ความเจ็บ" อยู่เสมอ คุณจะได้เจอกับ "ความเจริ...
「ความจริง คือ」的推薦目錄:
- 關於ความจริง คือ 在 สมองไหล Facebook 的最佳解答
- 關於ความจริง คือ 在 Mmy Amalawan Facebook 的最讚貼文
- 關於ความจริง คือ 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
- 關於ความจริง คือ 在 ขุนเขามีคําตอบ - Answers from Khunkhao Youtube 的最佳貼文
- 關於ความจริง คือ 在 Siwapat Youtube 的最佳貼文
- 關於ความจริง คือ 在 Kru-Ngor ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ Youtube 的最佳貼文
ความจริง คือ 在 Mmy Amalawan Facebook 的最讚貼文
เกิดเป็นลูกผู้หญิง ต้องทำให้ตัวเองดูดีตลอดเวลานะจ๊ะ
อดีต คือ ความจำ
ปัจจุบัน คือ ความจริง
อนาคต คือ สิ่งไม่แน่นอน
#เอ็มมี่แม็กซิม
#แรงแต่ไม่เลว
ความจริง คือ 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳貼文
“ต้องเข้าใจว่าการล็อกดาวน์มีหลายระดับ แต่เป้าหมายก็ต้องชัดว่าเพื่ออะไร ประเทศไทยเคยใช้การล็อกดาวน์ค่อนข้างเต็มรูปแบบมาตั้งแต่ตอนปีที่แล้ว และมีแบบย่อยๆ ลงมา แต่ส่วนใหญ่ การประกาศเหมือนแค่ให้เวลาผ่านไประยะเวลาหนึ่ง หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเอง แล้วหวังว่าจะผ่อนคลายในที่สุด แต่เราไม่มีความชัดเจนว่าเราตั้งเป้าไว้ที่อะไร ปริมาณของผู้ติดเชื้อเท่าไร เหมือนเราคิดว่าการหยุดอยู่กับที่แล้วเชื้อจะไม่ระบาด แต่ความจริงไม่ใช่ คนยังเดินทางตลอดเวลา
.
“ผมพยายามบอกว่า ต่างประเทศที่เขามีการล็อกดาวน์เมือง ล็อกดาวน์ประเทศ หรือปิดธุรกิจ เขาตามมาด้วยเครื่องมืออื่นๆ โดยเฉพาะเครื่องมือสำคัญคือการตรวจว่าใครติดเชื้อบ้าง ถ้าเราล็อกดาวน์เฉยๆ แล้วหวังว่าทุกอย่างจะหายไปเอง เป็นไปไม่ได้ เพราะยังมีผู้ติดเชื้ออยู่ ถึงแม้ผู้ติดเชื้อจะบอกว่า เขาไม่ได้ไปค้าขาย แต่เขาก็ยังอยู่ในครอบครัวของเขา ในสังคมของเขา ในชุมชนของเขา เขาก็ยังมีการเดินทาง และมีโอกาสในการแพร่ระบาดของโรคได้อยู่
.
“ตอนนี้เหมือนเรายังใช้เครื่องมือได้ไม่เต็มศักยภาพ สุดท้ายตัวเลขคนติดเชื้ออาจดีขึ้น แต่อีกเดือนสองเดือนมันอาจจะกลับมาระบาดใหม่อีกหรือเปล่า เท่ากับที่เขาบอกว่า เจ็บแล้วจบนั้นไม่จริง เพราะว่าเจ็บแล้วมันไม่จบ”
.
“ที่ผ่านมา นโยบายการตรวจเชื้อของไทย เป็นการตรวจในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการตรวจอย่างจำกัด จะเห็นว่าปริมาณการตรวจแต่ละวันจำกัดอยู่แค่ค่าหนึ่ง แม้ว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเยอะขึ้นก็ตาม แต่ความจริงแล้ว จำนวนการตรวจในแต่ละวันจะมีค่าจำกัด วันนี้เราจะเห็นภาพว่ามีคนอยากตรวจเยอะมาก แต่ถึงเวลาก็ต้องไปต่อคิว สุดท้ายอาจโดนยกเลิกไม่ได้ตรวจด้วย
.
“สิ่งที่ต่างประเทศเขาทำมานานแล้ว และพัฒนาไปไกลมาก คือ ใช้ชุดตรวจแบบเร่งด่วน หรือการตรวจว่าในร่างกายเรามีเชื้อโควิดอยู่หรือไม่ เครื่องตรวจนี้มีความสำคัญมาก เพราะเราดูไม่ออกเลยว่า ขณะนี้เราเป็นพาหะไหม เพื่อนเราเป็นไหม ญาติเราเป็นไหม เราจะใช้เครื่องเทอร์โมสแกน (Thermoscan) เพื่อวัดอุณหภูมิอย่างที่เคยมา สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะคนที่เป็นพาหะของโควิดจำนวนมาก หรืออาจจะส่วนใหญ่ ไม่ได้มีอาการป่วยถึงขนาดเป็นไข้
.
“ดังนั้น หากเปลี่ยนแปลงนโยบายจากที่เคยบอกว่าต้องตรวจแบบ RT-PCR ที่โรงพยาบาลเท่านั้น มาเปลี่ยนเป็นให้ทุกคนในสังคมสามารถมีชุดตรวจพวกนี้ตรวจตัวเองได้ หรือตรวจหน่วยงาน ห้างร้าน บริษัท โรงเรียน ก็จะเป็นการช่วยกันระดมตรวจว่าใครเป็นพาหะบ้าง พอเราตัดไฟก่อนที่จะถึงฟืนได้ แยกปลาจากน้ำได้ ว่าใครที่เป็นพาหะก็ให้คนนั้นกักตัว เพราะคนเป็นพาหะจะไม่ได้ป่วยรุนแรง แต่หากไม่มีเครื่องมือใดๆ ช่วยเลย ก็จะวนมาเหมือนเดิม ระบาดแล้วก็ประกาศล็อกดาวน์ ไม่จบไม่สิ้นเสียที”
.
.
“เป็นเพราะรัฐไม่มั่นใจในความสามารถของคนทั่วไป หรือบุคลากรที่ไม่ได้เป็นแพทย์ พยาบาล ทั้งที่ต่างประเทศเขาก็ให้คนทั่วไปใช้ได้ ความแม่นยำอาจจะไม่ 100% แต่ก็มากถึง 90% บางคนบอกว่า หากใช้ไปแล้วผลเป็นลบ อาจจะเข้าใจผิดว่าตัวเองปลอดภัย ซึ่งก็สามารถสอนกันได้ว่าต้องระวังตัวเองต่อไป ไม่ใช่ประมาท ที่ผ่านมา อาจเกิดคำถามว่า จริงๆ แล้วรัฐเขามองว่าประชาชนไม่พร้อมหรือเปล่า
.
“อีกมุมหนึ่งที่คนตั้งคำถามคือ รัฐพยายามจะควบคุมจำนวนการตรวจจำนวนผู้ติดเชื้อเอาไว้หรือเปล่า เพราะตอนนี้ เราระบุด้วยการที่รัฐควบคุมไว้ที่ส่วนกลาง ตอนนี้ เราบอกว่าตัวเลขขึ้นมาเป็น 8,000 - 9,000 คนนั้น หากเกิดใช้ชุดตรวจขึ้นมา ตัวเลขอาจจะหลายหมื่นด้วยซ้ำ ซึ่งต่างประเทศเป็นแบบนั้น ตัวเลขการติดเชื้อสูง เพราะเขาใช้ชุดตรวจพวกนี้ ทำให้รู้ว่าใครติดเชื้อบ้าง จึงเกิดคำถามข้อที่ 2 ตามมาว่า หรือรัฐกลัวว่าสังคมจะรู้ความจริงว่ามีผู้ติดเชื้อเยอะขนาดไหน”
.
ชุดตรวจแบบเร่งด่วนน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน? ประมาณ 94-95% ซึ่งถือว่ามาก ความจริง ณ วันนี้ เราเห็นว่าหลายองค์กร แม้กระทั่งรัฐสภา ก็ประกาศว่าจะเอาชุดตรวจแบบนี้มาใช้กันเองในรัฐสภา กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ก็เพิ่งประกาศว่าจะควบคุมโรคโดยการให้ใช้ชุดตรวจแบบนี้อย่างเป็นทางการมากขึ้น รวมถึงในโรงพยาบาล ในคลินิก 300 กว่าแห่ง
.
“คำถามคือ แล้วทำไมประชาชนใช้ไม่ได้ จริงๆ ผมว่าเรื่องความความแม่นยำมันสอบผ่านแล้ว เหลือแค่ว่า รัฐไม่มั่นใจว่าประชาชนจะใช้ได้ หรือว่าเขากลัวอะไรอยู่”
.
.
“ผมว่าทำได้เลย เพราะจริงๆ มันราคาถูกมาก แค่ไม่กี่ร้อยบาท ต่างประเทศนอกจากจะมีขายทั่วไป ซื้อตามร้านสะดวกซื้อได้ บางที่เขาแจกฟรีที่บ้านด้วยซ้ำ คือมันควรจะตรวจซ้ำๆ 3-4 วันตรวจ 1 สัปดาห์ตรวจ ประเทศไทยเองก็มีคนนำเข้า แต่โดนข้อกำหนดว่า ห้ามขายให้ประชาชนทั่วไป ดังนั้น ถ้าบอกว่าให้ขายได้ ให้คนใช้ได้ ให้นำเข้าได้มากขึ้น ระบุมาเลยว่าใช้ยี่ห้ออะไรได้บ้าง
.
“ผมเชื่อว่าจะมีคนนำเข้ามาอีกเยอะ แทนที่เราจะรอแต่วัคซีน ซึ่งอีกนานมากกว่าจะมา แต่ขณะที่เครื่องมือสำคัญที่เราต้องใช้เร่งด่วนวันนี้ คือต้องระบุให้ได้ว่าใครติดเชื้อบ้าง แต่เรากลับไม่ใช้เครื่องมือพวกนี้”
.
•
.
“ผมเคยเสนอสิ่งนี้มาแต่แรกตั้งแต่เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว ว่าต้องทำควบคู่กันเหมือนที่ต่างประเทศทำ คือ ใช้ชุดตรวจเร่งด่วนให้แต่ละคนตรวจได้ ถ้าตรวจแล้วยังไม่เป็นอะไร เป็นแค่พาหะ หรือป่วยเล็กน้อย ต่างประเทศเขาก็ไม่ได้ให้เข้าโรงพยาบาลเพราะกลัวว่าจะทำให้ระบบสาธารณสุขล่ม ซึ่งตรงข้ามกับบ้านเรา ที่เอาทุกคนที่ติดเชื้อเข้าโรงพยาบาล แม้ว่าจะไม่ป่วย มันเลยเต็มทั้งโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือฮอสพิเทล
.
“ต่างประเทศเขามองว่า หากตรวจแล้วคุณไปแจ้งกับโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลอาจจะมีสังกัดให้เรารู้ว่าขึ้นกับโรงพยาบาลไหน อนามัยไหน แล้วก็ชี้แจงให้เรารู้ว่า ต้องกักตัวอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ต้องระวังในงานปฏิบัติการ บ้านไหนพร้อม บ้านไหนไม่พร้อม หากไม่พร้อมจะต้องปรับปรุงอย่างไร
.
“แต่ผมเชื่อว่าทำได้ แต่ต้องมีการซัพพอร์ท โรงพยาบาลต้องมาช่วยติดตามดูผล กักตัวไปสามสี่วันอาการเป็นอย่างไร ถ้ามีเครื่องวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้วมาให้ หรือมีคุณหมอมาคอยสอบถาม มียาต้านไวรัสส่งมาให้เลย ก็สามารถจะดูแลได้โดยที่ไม่ต้องเอาทุกคนไปอยู่โรงพยาบาล
.
“เราจำเป็นต้องรีบลดจำนวนคนที่ไปอยู่โรงพยาบาล แล้วให้โรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยที่อาการหนัก คือจะขยายเตียงอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าเรามีแพทย์พยาบาลจำนวนเท่าเดิม มันก็ไม่พอรองรับ ดังนั้น ต้องพยายามดึงคนกลับมาอยู่ที่บ้านหรือชุมชน
.
“ปีที่แล้วผมก็เห็นหลายชุมชนที่พยายามจะสร้างที่กักโรคของตัวเอง พอมีการประชุมหมู่บ้าน รู้ว่าคนไหนติดเชื้อ แต่เขาไม่ป่วยอะไรเลย บ้านเขากักไม่ได้ ก็อาจจะมีที่พักพิเศษให้เขา ฉะนั้น ผมมองว่าทุกคนทำได้หมด เพียงแต่ต้องมีไกด์ไลน์มาให้ แต่ตอนนี้มันไม่มี ทุกคนคิดแต่จะเข้าโรงพยาบาล ซึ่งบางทีมันไม่จำเป็น”
.
.
“เราแทบจะไม่พูดเลย ที่ผ่านมาเราเน้นเรื่องจะเอาชนะเชื้อโรคตลอด เราก็เลยใช้มาตรการล็อกดาวน์ ปีที่แล้ว เราล็อกดาวน์เพื่อให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ยาวนานต่อเนื่องหลายเดือน ซึ่งไม่มีใครทำกัน เพราะทำให้กระทบระบบเศรษฐกิจ สังคม และการศึกษา ความจริงต่างประเทศพยายามแค่เรื่องกดกราฟ ให้ความชันของกราฟจำนวนผู้ติดเชื้อไม่สูงมากนัก ไม่ให้เร็วมากนัก จนรับมือไม่ได้ กดให้มันอยู่ในเกณฑ์ที่รับมือได้ และรักษาไปเหมือนโรคอื่นๆ
.
“แต่ปัญหาอย่างที่ผมบอก เราระบุไม่ได้ว่าใครติดเชื้อบ้าง ฉะนั้น ถ้าเราระบุได้ เราก็ตัดวงจรได้ คือเราต้องตัดวงจรโดยด่วนว่าใครเป็นผู้ติดเชื้อ ก็กักตัวไป พอครบ 14 วันเขาก็จะไม่แพร่เชื้ออีก เขาจะหายและมีภูมิคุ้มกันเหมือนฉีดวัคซีน เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเราไม่ค่อยเน้นเรื่องนี้ เราไม่ค่อยอธิบายกับสังคมว่าต้องทำอย่างนี้ มันเลยกลายเป็นว่า ถ้าไม่ล็อกดาวน์ไปเลย ก็ต้องมีวัคซีนมาให้ด่วนที่สุด แต่ตรงกลาง ในเรื่องที่เราจะหาทางอยู่ร่วมกับเชื้อโรคหรือเรื่องการตรวจโรค เราไม่พูดเลย”
.
.
“ผมว่าตอนนี้คนตั้งข้อสงสัยเยอะ โรงพยาบาลก็ไม่รับตรวจแล้ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อก็สูงขึ้น เราต้องรู้ตัวเลขที่แท้จริงว่ามีผู้ติดเชื้อเท่าไร เป็นหมื่น เป็นแสนหรือเปล่า ดังนั้น ถ้าเราสามารถรู้จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงได้ โดยการเอากลไกใหม่ๆ เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตรวจด้วยตนเอง เรื่องของการทำความเข้าใจว่า ตรวจแล้วติดต้องเข้าโรงพยาบาลเท่านั้น ให้มันผ่อนคลายกฎเกณฑ์พวกนั้น
.
“ถ้าการตรวจมากขึ้น เรารู้ว่าติดเชื้อเท่าไร เราก็สามารถเช็คแผนได้ว่า ณ วันนี้ เราล็อกดาวน์ไป 14 วัน แล้วเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่แค่เอา 14 วันมาลอยๆ แต่ต้องบอกได้ว่า วันนี้ตัวเลขมันลดแล้ว เราก็ผ่อนคลายได้ หรือเราต้องเข้มข้นขึ้นหรือเปล่า ที่ผ่านมาเราไม่สามารถบอกได้เลย
.
“เพราะเราไม่สามารถมั่นใจกับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศได้ว่ามีเท่าไรกันแน่ ถ้าเราเริ่มที่จุดที่หนึ่ง คือ หนึ่ง-หาทางทำให้เรารู้จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริง สอง-เราต้องบอกให้ได้ว่า เราจะลดหรือจะเข้มขึ้นอย่างไรในการล็อกดาวน์ มันถึงจะไปได้ ไม่อย่างนั้นมันเหมือนเราทำไปเฉยๆ ปิดๆ ไป 14 วัน แต่ไม่มีคำตอบว่าได้ผลจริงหรือเปล่า”
ความจริง คือ 在 ขุนเขามีคําตอบ - Answers from Khunkhao Youtube 的最佳貼文
ถ้าอยาก "เจริญ" ต้องกล้าเผชิญ "ความเจ็บ"
เพราะใน "ความเจ็บ" มักมี "ความจริง"
ถ้าคุณฝึกตัวเองให้กล้าเผชิญ "ความเจ็บ" อยู่เสมอ
คุณจะได้เจอกับ "ความเจริญ" ในไม่ช้าแน่นอน
ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณยังคิดว่า
"ไม่เอาดีกว่า... มันเจ็บ"
ก็ให้จำไว้เลยว่า สิ่งที่ "ดีกว่า"
มันก็ไม่มีวันเอาคุณแน่นอน!
-ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร-
ติดตามผมได้ที่
Official Line:
@kskhunkhao (มีเครื่องหมาย @ ด้วยนะครับ)
ลิ้งก์ https://lin.ee/1VT3k3oPo
Facebook: K.S. Khunkhao
ลิ้งก์ https://bit.ly/2Set3Cz
Instagram: ks_khunkhao
ลิ้งก์ https://bit.ly/2S7lwWm
ความจริง คือ 在 Siwapat Youtube 的最佳貼文
มีความฝันอยากเลี้ยงหมามาตั้งแต่เด็ก
เคยเลี้ยงแต่ของคนอื่นและไม่ได้จริงจัง
ตอนนี้โตแล้วอยากจริงจังมากกกกก
พันธุ์ที่อยากเลี้ยง คือ ซามอยด์!
คลิปนี้จะพาไปดูตัวน้องกัน
จะได้รู้ว่าน้องพันธุ์นี้น่ารักกกกกกขนาดไหน ^^
=====
ติดต่องาน : 0813196936
Siwapat Facebook : http://www.facebook.com/siwapatnow
Siwapat Instagram : http://www.instagram.com/siwapatnow
Siwapat Twitter : http://www.twitter.com/siwapatnow
Siwapat Youtube : http://www.youtube.com/siwapatnow
Siwapat Line : https://lin.ee/apVXTfv
#Siwapat #ซีรีส์ #พบชีวิต #WhiteRoad #ธรรมะ #จิตใจ #ชีวิต #ความรัก #Drpop #MasterPop
ความจริง คือ 在 Kru-Ngor ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ Youtube 的最佳貼文
✨สองคีย์เวิร์ดเด็ด ✨⠀
⠀
#เพราะเราเองที่มองลูกเป็นปม ⠀
?ความจริง คือ⠀
เขามีธรรมชาติของเขา⠀
เขาเกิดมาเพื่อให้เราดีขึ้น ?⠀
⠀
#ยอมรับความต่าง ⠀
?การยอมรับทำให้ไม่มีใครทำร้ายใจเราได้⠀
เด็กทุกคนมีความพิเศษ⠀
ลูกเรา-ลูกเขา-ลูกใคร ?⠀
ต่างพิเศษไปในแบบตัวเอง ?⠀
⠀
? #TalkATeach #ทุกพฤหัสสองทุ่ม ⠀
? ชมต่อคลิปเต็ม คลิก ? https://youtu.be/q9ERxD67UxE