Today one of my colleague asked me how to go to Or be where is one of our company's technology center located. Our conversation reminded me about my first trip to Switzerland and my staying in the little town named "ORBE" for 3 months.
My journey has never smooth as silk. I was so excited for the first time business class on Thai airways. My flight from Singapore transferred in Bangkok and there was technical issue that my flight from Bangkok to Zurich delayed for 10 hrs. It was very strange for me to stay at airport hotel just to wait for a flight. That's also mean my booking of Swiss train from Zurich to Yverdon-les-Bains will be invalid.
On the plane, flight entertainment wasn't working. It seems I couldn't utilize the business class as I should until I realized that one of my best friend was in the same flight as a flight attendance. He make me happier, it's quite funny that we always meet abroad not our hometown. We cached up each other and found that this's first time for both of us to Switzerland. Beside that he could pass my message to my parents that I will be arrived late and no worries about me.
At Zurich airport, I had to find my own way to Yverdon-les-Bains by train as the booked ticket's no longer valid. I got in to a train and was so excited to the view along the way. The train arrived at exact time schedule. I had to take a taxi to Or be and arrived at around 6:30pm (initial arrival time's 8am). I checked in at the motel and was so hungry. There's not thing there and nearby. There is no shop open on Sunday, oh my god!!!
Monday morning, HR manager picked me up at the motel and drove me to office. She showed me around ORBE town so I realized that it's just a small town and nothing much as people said. She show me how to walk from apartment to work and said it will take about 15mins.
On the next day, I walked to work and I took about 30mins as the office is on down hill and my apartment is on the hill. I told everyone that I could't take their standard at 15mins walk because of my short step. Everything there is too big for me; lab coat, safety shoe, my colleagues.
Orbe is really small town as you can see from the picture that I took from my apartment window. It's very quiet and just few people can speak English. There is a little castle on the hill, just 2 supermarket and closed at 6:30pm and Sunday. That why I went out from Orbe almost every weekend to explore Switzerland. However Orbe has given me a valuable experience and now I am missing the little ORBE. I miss my friends, my good colleagues and there is one person that I want to talk about.
She is a lady around 50yrs old staying with a nephew in the same apartment. Every morning and evening she is sitting in front of the apartment so that we met almost everyday. We talked every time we met even if she cant speak English and we didn't understand each other. She helped me when I got issue on the shared laundry in French. Our friendship has grown up each days. On the last week, I tried to explain her that I am leaving soon but not sure if she can understand or not. On the last day during moving my stuffs, she knocked my room and gave me a box of Swiss chocolate. She hug and kissed me, it was so warm.
For me, there is no barrier to be friended with anyone if we open our mind. I hope when I am back to Orbe...I will meet and hug her again.
วันนี้เพื่อนที่ทำงานคนหนึ่งถามฉันเกี่ยวกับการเดินทางไป Orbe เพราะที่นั่นมีศูนย์เทคโนโลยีของบริษัทตั้งอยู่ บทสนทนาของเราทำให้ฉันย้อนนึกถึงวันวาน วันที่ฉันเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ครั้งแรกและได้อาศัยอยู่ที่เมือง Orbe เป็นเวลาสามเดือน
อย่างที่เคยบอกไว้ การเดินทางของฉันไม่เคยราบรื่นเลยสักครั้ง ฉันออกจะตื่นเต้นกับการได้ขึ้นเครื่องบินชั้นธุรกิจเป็นครั้งแรกในชีวิตกับการบินไทยรักคุณเท่าฟ้า (ถ้าให้เสียตังค์ไปเองชาตินี้คงไม่มีโอกาส อิอิ) ฉันออกเดินทางจากสิงคโปร์ไปเปลี่ยนเครื่องที่กรุงเทพ แต่แล้วก็พบว่าเครื่องมีปัญหาต้องเลื่อนการเดินทางออกไปอีกสิบชั่วโมง งานเข้าเลยค่ะทีนี้ ฉันถูกส่งไปนอนสบายๆรอเวลาอยู่ในโรงแรม เป็นความรู้สึกแปลกๆ บนเครื่องบินระบบให้ความบันเทิงต่างๆก็ไม่ทำงาน ดูหนังฟังเพลงไม่ได้ ฉันแอบคิดในใจ นานๆจะมีโอกาสกับเค้าสักทีก็ไม่คุ้มเอาซะเลย แต่แล้วโชคชะตาก็ทำให้ฉันมีความสุขขึ้น เมื่อพบว่าเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเยาว์ของฉันเป็นพนักงานต้อนรับอยู่บนเที่ยวบินนั้น เราเลยอัพเดทชีวิตเมาท์กันไปพอหอมปากหอมคอหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานมาก และเราก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ตลกดีที่เราสองคนมักเจอกันที่ต่างประเทศมากกว่าเจอกันที่บ้านเกิดของเรา ฉันไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะได้เจอเขาที่นี่ เพราะปกติเขาไม่ได้บินไปยุโรป เลยทราบว่านี่เป็นการเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ครั้งแรกของเราสองคน และที่สำคัญ ฉันยังสามารถฝากข้อความไปหาพ่อกับแม่ (พ่อกับแม่รู้จักเพื่อนคนนี้มาตั้งแต่เด็กๆ และพ่อกับแม่ของเราก็รู้จักกัน) ว่าฉันอาจจะโทรหาช้าเพราะไม่รู้จะไปถึงเมื่อไหร่ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง
เมื่อถึงซูริค ฉันก็ต้องวุ่นวายกับการหาตั๋วรถไฟไปเมือง Yverdon เพราะตั๋วที่บริษัทจองไว้ให้ใช้ไม่ได้แล้ว บนรถไฟฉันตื่นเต้นมากกับบบรยากาศสวยๆริมทางถึงแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง แต่ฉันก็หลับไม่ลงและกลัวลงผิดสถานี จากนั้นฉันก็ต่อรถแท็กซี่ไป Orbe กว่าฉันจะถึงโรงแรมเล็กๆใน Orbe ก็เกือบทุ่มนึง ฉันหิวมากแต่ที่นั่นไม่มีอะไรเลย เดินออกไปหาร้านค้าก็ปิดเงียบหมดเพราะเป็นวันอาทิตย์
เช้าวันจันทร์ ฝ่ายบุคคลก็ขับรถมารับฉันไปทำงานวันแรก เธอพาฉันวนดูเมือง Orbe ซึ่งเล็กมาๆอย่างที่เค้าร่ำลือกัน จากนั้นก็พาให้ดูว่าฉันจะต้องเดินไปทำงานทางไหนและคิดว่าคงใช้เวลาประมาณสิบห้านาที วันรุ่งขึ้นฉันเดินไปทำงานวันแรก แต่กลับใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง เพราะที่พักฉันอยู่บนเขาแต่ออฟฟิศอยู่ตีนเขาเลยค่ะ (คิดดูว่าเดินขึ้นลงเขาไปทำงานทุกวันกว่าสามเดือน) ฉันเลยบอกกับทุกคนว่ามาตรฐานของที่นั่นใช้ไม่ได้กับฉัน และทุกๆอย่างที่นั่นก็ดูใหญ่ไปซะหมดสำหรับฉัน ไม่ว่าจะเป็นชุดทำงาน รองเท้า (จนเค้าต้องสั่งพิเศษให้ฉันทีเดียว) และเพื่อนร่วมงานก็มีแต่สูงใหญ่กันทั้งนั้น จนฉันดูเป็นเด็กน้อยไปเลย
เมือง Orbe เป็นเมืองเล็กมากๆค่ะ (น่าจะเทียบเท่าตำบลหนึ่ง) เงียบ สงบ ผู้คนก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ (เวลาจะซื้อของก็ภาษามือเลยค่ะ) มีแค่ตัวเมืองเก่าเล็กอย่างที่เพื่อนๆเห็นในรูป (ภาพนี้ถ่ายจากริมหน้าต่าง จะเห็นว่าที่พักฉันอยู่บนเขาจริงๆ ถึงได้มองเห็นขนาดนี้ และที่ทำงานก็อยู่ล่างลงไปอีกไม่สามารถมองเห็นได้จากในภาพ) มีร้านซุปเปอร์มาณืเกตเล็กๆสองที่ที่ปิดเร็วมาก ประมาณหกโมงเย็นก็ไม่มีอะไรขายแล้ว วันอาทิตย์นี้แทบจะเป็นเมืองร้าง นี่เป็นเหตุผลที่ฉันออกเดินทางเกือบทุกเสาร์อาทิตย์ แต่อย่างไรก็ตาม Orbe ก็ให้ประสบการณ์ที่มีค่าสำหรับฉันมาก และฉันก็คิดถึงมากๆในวันนี้ คิดถึงเพื่อน คิดถึงเพื่อนร่วมงานดีๆ และมีคนนึงที่ฉันอยากเล่าให้ฟังค่ะ
มีคุณป้าคนหนึ่ง เธออาศัยอยู่กับหลานชายในอพาร์ทเม้นต์เดียวกับฉัน เธอจะนั่งอยู่ตรงม้านั่งด้านหน้าทุกวัน ฉันเลยเจอเธอทุกตอนเช้าก่อนไปทำงานและหลังเลิกงาน เราทักทายพูดคุยกันเกือบทุกวัน ทั้งๆที่เราไม่เข้าใจกัน เพราะเธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และฉันก็ฟังภาษาฝรั่งเศสไม่รู้เรื่อง แต่มิตรภาพของเราก็แน้นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน เธอช่วยฉันอธิบายการใช้เครื่องซักผ้าเป็นภาษาของเธอ ที่ฉันเข้าใจได้เพียงเดาจากท่าทางและสีหน้าเธอเท่านั้น ณ อาทิตย์สุดท้าย ฉันพยายามจะสื่อสารกับเธอว่าฉันกำลังจะกลับ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะเข้าใจฉันแค่ไหน จนวันสุดท้ายขณะกำลังย้ายของ เธอก็มาเคาะประตูห้อง ยื่นชอคโกแลตให้หนึ่งกล่อง กอดฉันแน่นๆ และจูบแก้มฉันเป็นการบอกลาตามธรรมเนียมของเธอ ฉันรู้สึกอบอุ่นตื้นตันไปหมด
สำหรับฉัน ไม่มีอะไรปิดกั้นมิตรภาพได้ ถ้าเพียงคนเราเปิดใจให้กันมากพอ ฉันได้แค่หวังว่า ถ้าฉันกลับไป Orbe ฉันจะยังเจอเธอนั่งอยู่ที่เดิมและฉันจะได้กอดเธอแน่นๆอีกครั้ง
Search