บราซิล ประเทศที่เคยเติบโตสูง แต่ตอนนี้คนอยากย้ายออก /โดย ลงทุนแมน
หลายทศวรรษที่ผ่านมา บราซิล เคยได้รับการจับตามองว่า จะกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงประเทศหนึ่งของโลก เพราะเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างโดดเด่น
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปีมานี้ ความหวังนั้นค่อย ๆ ริบหรี่ลงไปเรื่อย ๆ
เศรษฐกิจของบราซิลกลับเติบโตช้าลง จำนวนคนตกงานพุ่งสูงขึ้น
เรื่องนี้ทำให้ชาวบราซิลจำนวนมาก เริ่มสิ้นหวังและตัดสินใจอพยพออกนอกประเทศ จนเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “สมองไหล”
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
รู้ไหมว่า ในช่วงระหว่างปี 2000-2011 บราซิลมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ เร็วที่สุดประเทศหนึ่งในโลก โดยมีอัตราการเติบโตของ GDP เฉลี่ยต่อปีในช่วงเวลาดังกล่าว มากกว่า 5% ต่อปี
ข้อมูลจาก World Bank ระบุว่า ในปี 2012 GDP ของบราซิลสูงถึง 86.2 ล้านล้านบาท ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า GDP ของสหราชอาณาจักร
และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก ณ เวลานั้น
รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนบราซิล เพิ่มขึ้นจากราว 123,600 บาท ในปี 2000 มาอยู่ที่ราว 426,700 บาท ในปี 2011
จุดเริ่มต้นของทศวรรษแห่งการเติบโตของบราซิลนั้นเกิดมา ตั้งแต่ในช่วงทศวรรษที่ 1990 บราซิลหันมาใช้นโยบายเปิดเศรษฐกิจ รับการค้า การลงทุนจากต่างประเทศ
ขณะที่ในปี 1995 บราซิลได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO)
ทั้ง 2 ปัจจัย ทำให้มีการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศของบราซิลนั้นเพิ่มสูงขึ้น มูลค่าการค้าของประเทศที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการจ้างงานและการลงทุนต่าง ๆ ภายในประเทศเกิดขึ้นตามไปด้วย
การเปิดประเทศยังช่วยให้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตในประเทศ
นอกจากนั้นแล้ว รัฐบาลบราซิลในตอนนั้น
ยังได้แสดงเจตจำนงในการชำระหนี้ที่กู้จากต่างประเทศ
ทำให้ภาระหนี้สินที่บราซิลกู้ยืมจากต่างประเทศ จากเดิมที่ประมาณ 59% ต่อ GDP ในปี 2003 ลดลงจนเหลือ 12% ต่อ GDP ในปี 2009
ภาระหนี้สินที่กู้จากต่างประเทศที่ลดลงจนเหลือสัดส่วนต่ำ ช่วยสร้างความเชื่อถือให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของบราซิลให้โดดเด่นมากในเวลานั้น
จนบราซิลเคยถูกจับตามองว่า เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงทางด้านเศรษฐกิจ
บราซิล ถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีชื่อว่า “BRIC” ซึ่งประกอบไปด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน ก่อนที่จะเพิ่มประเทศแอฟริกาใต้เข้ามาอีกในปี 2010 และใช้ชื่อว่า “BRICS” ในปัจจุบัน
แต่ใครจะรู้ว่า นับจากนั้นเศรษฐกิจของบราซิลก็เริ่มประสบปัญหา
GDP ของบราซิล ในปี 2020 ลดลงมาเหลือ 47.6 ล้านล้านบาท จากที่เคยสูงกว่า 86 ล้านล้านบาท ในช่วงพีกคือปี 2011
ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้อดีตประเทศดาวรุ่งอย่างบราซิล กลับต้องเข้าสู่ยุคแห่งความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ปัจจัยก็มีอยู่หลายอย่าง เช่น
- ประสิทธิภาพในการผลิตที่ต่ำ สวนทางกับค่าจ้างแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น
ข้อมูลจาก World Bank ระบุว่า ในช่วงปี 2003-2014 ค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 68% ในขณะที่อัตราการผลิตต่อคนงานเพิ่มขึ้นเพียง 21%
พูดง่าย ๆ คือ ต้นทุนค่าแรงของธุรกิจเพิ่มขึ้น แต่ประสิทธิภาพและผลผลิตนั้นเพิ่มขึ้นน้อยกว่ามาก ซึ่งการขาดผลิตภาพในการผลิตส่วนสำคัญเกิดมาจากการลงทุนในนวัตกรรมของประเทศที่ต่ำ
- ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
โดยเฉพาะท่าเรือ ถนน หนทาง ทำให้เกิดปัญหาในการขนส่งสินค้าภายในประเทศ ข้อมูลของ World Bank ระบุว่า ความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานของบราซิลนั้น ถูกจัดอันดับอยู่ที่ 56 จาก 160 ประเทศทั่วโลก
ขณะที่ข้อมูลจาก International Trade Administration ของสหรัฐอเมริการะบุว่า การขนส่งสินค้าส่วนใหญ่ภายในบราซิลนั้นใช้รถบรรทุก ซึ่งเมื่อโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนหนทางไม่ค่อยมีความพร้อม ก็ทำให้เกิดต้นทุนค่าขนส่งที่สูง
- ปัญหาคอร์รัปชันในบราซิล ถือว่ารุนแรงไม่แพ้หลายประเทศในแถบอเมริกาใต้
ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน (Corruption Perceptions Index) ของประเทศนั้นได้คะแนนน้อยลงเรื่อย ๆ (ยิ่งน้อยลงคือยิ่งภาพลักษณ์ไม่ดีในเรื่องคอร์รัปชัน)
ปี 2012 บราซิลได้ 43 คะแนน และลดลงเหลือเพียง 38 คะแนนในปี 2020
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาการคอร์รัปชันในบราซิลไม่เพียงแต่ยังคงอยู่ แต่กลับเลวร้ายลงเรื่อย ๆ
ปัญหาคอร์รัปชัน มีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายระดับ ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำสูงสุดของประเทศอย่างประธานาธิบดี อย่างเช่น ในปี 2015 อดีตประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่ถูกกล่าวหาว่ารับสินบนจากบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
โดยเป็นการรับสินบนเพื่อแลกกับ การอนุมัติให้บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เข้าไปรับงานก่อสร้างจากบริษัทน้ำมันแห่งชาติที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่อย่างปิโตรบาส รัฐวิสาหกิจน้ำมันรายใหญ่ของประเทศ
ปัญหาคอร์รัปชันที่อื้อฉาวของนักการเมือง นักธุรกิจ สร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบราซิลจำนวนมาก
เรื่องนี้ถึงขนาดทำให้ครั้งหนึ่งชาวบราซิลใน 3 รัฐทางใต้ ที่ไม่พอใจการบริหารและเรื่องคอร์รัปชันของรัฐบาล ร่วมลงคะแนนประชามติเพื่อแสดงความต้องการแยกประเทศ ภายใต้แคมเปน “The South is My Country”
การประท้วง การก่อจลาจล และความไม่สงบเรียบร้อยทางการเมือง เกิดขึ้นบ่อยครั้งในบราซิล
ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้บราซิลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว กลับสะดุด จนเหมือนกลายเป็นคนป่วยแห่งทวีปอเมริกาใต้ไปแล้วในตอนนี้
ความเปราะบางทางเศรษฐกิจแบบนี้ ยิ่งมาเจอผลจากการระบาดของโควิด 19 ก็ยิ่งทำให้จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย
ปี 2014 จำนวนผู้ว่างงานในบราซิลเท่ากับ 6.0 ล้านคน
ปี 2021 จำนวนผู้ว่างงานในบราซิลเท่ากับ 14.7 ล้านคน
จำนวนผู้ว่างงานสูง เศรษฐกิจที่ตกต่ำ
ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากรู้สึกว่า ตนเองต้องการแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ข้อมูลจาก Migration Policy Institute (MPI) ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา มีชาวบราซิลอพยพออกนอกประเทศเฉลี่ยปีละกว่า 100,000 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย และปัญหาความขัดแย้งมากมายในประเทศที่ดูไร้ทางออก
ประเด็นคือ ผู้ที่อพยพออกไป ได้รวมแรงงานที่มีความรู้ ความสามารถ โดยเฉพาะกลุ่มนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Brain Drain” หรือสมองไหล
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ประเทศหนึ่งกำลังสูญเสียคนเก่งไปจากประเทศ เนื่องจากคนเหล่านั้นต้องการออกไปทำงานและอาศัยในประเทศที่ทำให้พวกเขามีรายได้สูงกว่า สภาพการทำงานที่ดีกว่า
ดังนั้น อนาคตของบราซิลหลังจากนี้ จึงเกิดเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ของคนในประเทศตามมาว่า แล้วประเทศจะพัฒนาและก้าวหน้าจากวันนี้ไปได้อย่างไร ?
คนเก่ง ๆ ที่หมดหวังกับประเทศและอพยพออกไป
ทำให้บราซิลกำลังมีบุคลากรแรงงานที่มีความรู้ ความสามารถ ยิ่งทำให้มีการสร้างสรรค์ความรู้ นวัตกรรมใหม่ ๆ ในการพัฒนาประเทศ ลดน้อยลงเรื่อย ๆ
รู้ไหมว่า วันนี้ สัดส่วนนักวิจัยต่อประชากร 1 ล้านคนของบราซิล มีอยู่เพียง 700 คนเท่านั้น
ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศมหาอำนาจอื่น
- จีน 1,071 คน
- รัสเซีย 3,191 คน
- สหราชอาณาจักร 4,269 คน
- สหรัฐอเมริกา 4,663 คน
ตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า ปัญหาสมองไหลที่บราซิลกำลังเจออยู่นั้น จะรุนแรงมากกว่านี้ในอนาคตหรือไม่
และรัฐบาลจะหาทางหยุดปัญหานี้ พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมที่ฝังลึกอยู่ในประเทศได้อย่างไร
แต่เรื่องนี้ ก็ถือเป็นกรณีศึกษา ที่หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยควรต้องจับตามอง
ว่าประเทศที่เคยรุ่งเรือง เปี่ยมไปด้วยความหวัง
ทุกอย่างก็พังทลายลงได้ หากการบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ และเต็มไปด้วยปัญหาคอร์รัปชัน..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://data.worldbank.org/country/BR
-https://en.wikipedia.org/wiki/BRIC
-https://ditp.go.th/contents_attach/81555/81555.pdf
-https://en.wikipedia.org/wiki/Brazil
-https://www.migrationpolicy.org/article/migration-brazil-making-multicultural-society
-https://en.wikipedia.org/wiki/Brazilian_diaspora
-https://www.worldbank.org/en/country/brazil/publication/brazil-how-resume-growth-keep-social-progress
-https://www.trade.gov/knowledge-product/brazil-infrastructure
-https://tradingeconomics.com/brazil/unemployed-persons
-https://www.if.org.uk/2020/07/06/politics-covid-brain-drain-in-brazil/
-https://www.transparency.org/en/cpi/2020/table/bra
-https://www.bbc.com/thai/international-41544397
-http://chartsbin.com/view/1124
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過29萬的網紅jaysbabyfood,也在其Youtube影片中提到,#jaysbabyfood #storytime #lgbtinkorea ----------------------------------------- - References - - Ahn, P. (2009). Harisu: South Korean cosmetic media ...
social society คือ 在 Drama-addict Facebook 的精選貼文
แถลงอย่างเป็นทางการจากทันตแพทยสภา เกี่ยวกับเรื่องโคเคนและยาที่ใช้ในทางทันตกรรมครับผม
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 ทพ.เผด็จ ตั้งงามสกุล อุปนายกทันตแพทยสภาคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเกี่ยวกับโคเคนในงานทันตกรรม ว่าในประวัติศาสตร์ของการใช้ยาชาทางทันตกรรม เคยมีการนำมาใช้ในปี ค.ศ. 1859 หรือกว่า 150 ปีที่แล้ว โดยเป็นการสกัดสารโคเคนจากใบโคคา หลังจากนั้นพบว่า โคเคนมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์กับคนไข้ ทั้งมีผลต่อระบบจิตและประสาท ความดันโลหิตและระบบหัวใจ จึงทำให้เลิกใช้โคเคน และมีการพัฒนายาชากลุ่มอื่นขึ้นมาใช้แทนตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่งในปัจจุบันยาชาที่ใช้ส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มเอไมด์ ได้แก่ ลิโดเคน เมพิวาเคน และอาติเคน ซึ่งโครงสร้างโมเลกุลแตกต่างจากโคเคน ในบทเรียนของนิสิตนักศึกษาทันตแพทย์มีสอนเรื่องโคเคนทางทันตกรรม แต่เป็นการสอนเพียงเพื่อให้รู้จักที่มาที่ไปของยาชาเท่านั้น
ในต่างประเทศก็เคยมีกรณีคล้ายๆกัน คือ ผู้ต้องหารายหนึ่งถูกตำรวจจับกุมและตรวจพบสารโคเคนในร่างกาย ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นลิโดเคนจากยาชาที่หมอฟันฉีดให้ นักวิทยาศาสตร์จึงได้ทำการวิจัยเพื่อหาข้อเท็จจริง พบว่า โครงสร้างของลิโดเคน แตกต่างจากโคเคนมาก และได้ตรวจหาสารโคเคนจากคนไข้ที่ได้รับยาชา ซึ่งไม่สามารถตรวจพบโคเคนในกระแสเลือดของคนไข้เลย กอปรกับทันตแพทย์ผู้ที่ทำฟันให้คุณบอส ได้ติดต่อมายัง ทพ. สัณห์ชัย จิรชาญชัย กรรมการทันตแพทยสภาแล้ว โดยได้ให้ข้อมูลกับทันตแพทยสภาว่า ได้ทำฟันให้บอสวันที่ 29 สิงหาคม ก่อนเกิดเหตุ 5 วัน เป็นการรักษาเหงือก โดยมีการฉีดยาชา เมพิวาเคนให้ ซึ่งเป็นยาชากลุ่มเดียวกับลิโดเคนร่วมกับจ่ายยาอะม็อกซี่ซิลลินให้เท่านั้น เบื้องต้นทันตแพทย์ท่านนั้นแจ้งว่ายังไม่สะดวกเปิดเผยตัวตน แต่พร้อมเข้าพบ กมธ.กฏหมายฯ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
นอกจากนี้ อุปนายกทันตแพทยสภา ได้ส่งมอบข้อมูลให้นักข่าว ซึ่งเป็นข้อมูลเปรียบเทียบโครงสร้างโมเลกุลของยาชาตัวนี้ว่า เป็นคนละโครงสร้างโมเลกุลกับโคเคน โดยยืนยันว่าไม่มีทางที่ผลตรวจจะออกมาว่าเจอโคเคนแน่นอน และหากหมอคนไหนจะนำโคเคนมาใช้รักษาคนไข้ ก็ต้องไปทำเรื่องขออนุญาตครอบครอง เพราะโคเคนจัดอยู่ในยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 2
ที่มา
https://www.youtube.com/watch?v=2Fm86URweLk
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/891708
https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/130430…
https://today.line.me/TH/article/p92jXe?utm_source=lineshare
https://www.one31.net/news/detail/23334…
https://youtu.be/WQV2d9raezo
https://www.thairath.co.th/news/society/1901069
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_4617625
https://tna.mcot.net/social-484984
https://news1live.com/detail/9630000078384
https://mgronline.com/qol/detail/9630000078384
คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ทันตแพทยสภา วาระที่ 9
31 กรกฎาคม 2563
social society คือ 在 Patchai Pakdeesusuk Facebook 的最佳解答
ประชาชนที่รัก
โคโรน่าไวรัสได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปอย่างมาก ความเข้าใจในสภาวะปกติของชีวิตประจำวัน ของการอยู่ร่วมกันในสังคม กำลังถูกทดสอบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พวกท่านนับล้านคนไปทำงานไมไ่ด้ ลูกหลานไปโรงเรียนหรือสถานอนุบาลไม่ได้ โรงภาพยนตร์ โรงละคร และร้านค้าต่างปิดตัวไป และสิ่งที่อาจจะลำบากยากเย็นที่สุดคือ เราจะไม่ได้พบหน้ากันอย่างที่ควรจะเป็นตามปกติ
แน่นอนว่า ในสถานการณ์แบบนี้ เราทุกคนล้วนกังวลสงสัยว่า "จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป"
ข้าพเจ้าจึงได้มาพบกับทุกท่านในวันนี้ เพราะข้าพเจ้าประสงค์จะบอกกล่าวต่อท่านว่า
ในฐานะสมุหนายก และเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าทุกคนในรัฐบาลสหพันธรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้
นี่คือส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยที่เปิดกว้างของเรา
ที่เราจะทำให้การตัดสินใจทางการเมืองโปร่งใส และอธิบายต่อประชาชน
ว่าเราจะสร้างการสื่อสารการลงมือทำของเราให้ดีที่สุดสุดกำลังของเรา
ให้ทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่ง มีความสัมพันธ์ร่วมกัน
ข้าพเจ้ามั่นใจอย่างหนักแน่นว่า เราจะจัดการงานครั้งนี้ได้สำเร็จ
หากประชาชนทุกคน มองว่าเป็นหน้าที่ร่วมกันของพวกเรา
ดังนั้น ขอให้ข้าพเจ้ากล่าวย้ำอีกครั้งว่า
"นี่เป็นเรื่องจริงจัง โปรดได้เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เช่นกัน"
นับแต่การรวมชาติเยอรมัน ไม่สิ นับแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
ไม่เคยมีความท้าทายใดจะคุกคามประเทศของเราได้มากขนาดนี้
ซึ่งทำให้เราต้องร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง
ข้าพเจ้าขออธิบายสถานการณ์ของโรคระบาดในประเทศของเราในปัจจุบัน
และสิ่งที่รัฐบาลสหพันธ์และรัฐบาลแห่งแคว้นได้กำลังลงมือทำอยู่
เพื่อปกป้องทุกคนในชุมชนของเรา
เพื่อลดความเสียหายที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
แต่ข้าพเจ้าก็ยังอยากจะบอกต่อท่านถึงเหตุผล ว่าทำไมความช่วยเหลือของท่านจึงจำเป็น และบอกถึงสิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยเหลือกันได้ในยามโรคระบาดเช่นนี้
ข้อมูลของข้าพเจ้าได้มาจากคำปรึกษาของรัฐบาลกลาง ร่วมกับสถาบันโรแบร์ต คอช นักวิทยาศาสตร์และนักไวรัสวิทยา
การวิจัยอย่างเข้มข้นกำลังดำเนินไปทั่วโลก แต่ในตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาหรือวัคซีนที่จะต่อสู้กับโคโรน่าไวรัสนี้ได้ ดังนั้น ตราบที่ยังเป็นอย่างนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้ และเป็นแนวทางปฏิบัติของพวกเราทั้งหมด คือ
"การชะลอการระบาดของไวรัส"
เพื่อถ่วงเวลาให้ยาวนานข้ามวันเดือน และเอาชนะด้วยเวลา
เวลาที่วิทยาศาสตร์จะพัฒนายาและวัคซีน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลา
เวลาที่จะให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาและหายดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เยอรมนีมีระบบการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม อาจจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ดีที่สุดในโลก
ซึ่งนำความเชื่อมั่นมาให้เรา
แต่เมื่อโรงพยาบาลของเราเต็มล้น
หากในระยะเวลาอันสั้น ผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลมากเกินไป
ผู้ป่วยที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขสถิติ
แต่คือคุณพ่อ คุณปู่ คุณตา
คุณแม่ คุณย่า คุณยาย
คนรักของเรา
พวกเขาคือผู้คน
และเราคือชุมชนที่อยู่ร่วมกัน
ซึ่งทุกชีวิต ทุกคน มีคุณค่า มีความหมาย
ในโอกาสนี้ อันดับแรก ข้าพเจ้าอยากจะขอกล่าวถึง
เหล่าแพทย์ พยาบาล ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลและบุคลากรที่ทำงานสาธารณสุขทุกท่าน ผู้ยืนอยู่ในแนวหน้า พวกท่านได้พบกับผู้ป่วย พบความรุนแรงของการติดเชื้อ และเช้าวันรุ่งขึ้น พวกท่านก็ยังต้องไปทำงานอีก
สำหรับผู้คนแล้ว สิ่งที่ท่านทำนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ข้าำเจ้าขอขอบพระคุณจากใจจริง
เป้าหมายของเราคือ การถ่วงเวลาที่ไวรัสจะแพร่กระจายไปทั่วเยอรมนี
เราจึงจำเป็นต้องลดการใช้ชีวิตนอกบ้านให้มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ให้ประเทศของเราดำเนินงานต่อไปได้
ทรัพยากรในการดำรงชีพ ต้องรับประกันว่าจะมีเพียงพอ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเป็นไปตามปกติให้มากที่สุด
แต่สิ่งใดที่จะเป็นภัยต่อผู้คนจำนวนมาก สิ่งที่จะก่อความเสียหายต่อบุคคลหรือชุมชน เราต้องลดลงตั้งแต่บัดนี้ เราต้องลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ผู้อื่นให้เหลือน้อยที่สุด
ข้าพเจ้าทราบดีว่า มาตรการนี้ยากลำบากเพียงใด ไม่มีงานกิจกรรม ไม่มีงานออกร้านค้าขาย ไม่มีคอนเสิร์ต และในตอนนี้ ไม่มีการไปโรงเรียน ไม่มีการไปมหาวิทยาลัย ไม่มีการไปสถานอนุบาล ไม่มีการละเล่นในสนามเด็กเล่น ข้าพเจ้าทราบว่าการปิดทุกอย่างดังกล่าวมา ซึ่งรัฐบาลกลางและรัฐบาลแคว้นเห็นพ้องต้องกัน นั้นได้แทรกแซงชีวิตและความเป็นประชาธิปไตยของเรา
เป็นการจำกัดเสรีภาพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในสาธารณรัฐของเรา
แต่ข้าพเจ้าขอยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า
สำหรับข้าพเจ้าที่ได้ต่อสู้อย่างหนักหน่วงมายาวนาน เพื่อให้ได้เสรีภาพในการเดินทางและเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่
การจำกัดสิทธินี้เป็นเพียงมาตรการในสถานการณ์จำเพาะอย่างยิ่ง
ในระบอบประชาธิปไตยที่เราไม่พึงกระทำการตามอำเภอใจ
และจะเป็นเพียงระยะเวลาชั่วคราวเท่านั้น
เพราะในเวลานี้ เป็นวิธีที่ขาดไม่ได้ในการรักษาชีวิตคน
ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ การตรวจคนเข้าเมืองบริเวณพรมแดนและการจำกัดการเข้าเมืองจะมีผลบังคับใช้
สำหรับทางด้านเศรษฐกิจ บริษัทใหญ่และเล็ก ร้านค้า ร้านอาหาร คนทำงานอิสระ เป็นเรื่องยากลำบากที่จะดำเนินการต่อไป และในสัปดาห์หน้า จะยิ่งลำบากมากยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้าขอรับรองว่า รัฐบาลของเราจะทำงานอย่างสุดกำลังเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรักษาตำแหน่งงาน
เราสามารถและจะใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจและคนทำงานในการทดสอบที่ยากลำบากนี้ และทุกคนจะมีอาหารอย่างเพียงพอในทุกเวลา หากชั้นวางสินค้าว่างเปล่าลง จะถูกเติมให้เต็ม
สำหรับผู้ที่กำลังซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า การเก็บตุนเสบียงเป็นเรื่องสำคัญ แต่การกักตุนไว้เป็นจำนวนมากนั้นไม่พึงเกิดขึ้น การกักตุนเกินต้องการนั้นไร้ประโยชน์ และเป็นสิ่งแสดงถึงการขาดจิตสำนึกร่วมอย่างร้ายแรง
และข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ เหล่าบุคคลที่ได้รับคำขอบคุณน้อยครั้งนัก
เหล่าผู้ที่นั่งอยู่หลังเครื่องเก็บเงินของร้านค้า
เหล่าผู้ที่เติมสินค้าให้ชั้นวางของ
พวกท่านได้ทำงานที่สำคัญและยากลำบากที่สุดงานหนึ่งในเวลานี้
ขอขอบพระคุณประชาชนทุกท่านที่ทำงานให้ร้านค้าทั้งหลายยังเปิดอยู่ได้
ต่อจากนี้เป็นเรื่องด่วนที่สุดสำหรับข้าพเจ้า
มาตรการทั้งหมดที่รัฐบาลดำเนินการ ล้วนมีจุดประสงค์
หากเราไม่ใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัส คือพวกเราทุกคน
เราทุกคนสามารถติดเชื้อไวรัสได้อย่างเท่าเทียมไม่แตกต่างกัน
ดังนั้นเราต้องช่วยกัน
อันดับแรก เราจึงต้องจริงจัง แต่ไม่ตื่นตระหนก
ไม่โทษกันเองว่าไม่ทำตามบทบาท เพราะทุกคนนั้นขาดไปไม่ได้
ทุกคนล้วนสำคัญ ต้องอาศัยความพยายามของพวกเราทุกคนไปพร้อมกัน
โรคระบาดครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่า เราอ่อนแอเปราะบางแค่ไหน
เราต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นมากเพียงใด
แต่ก็เป็นโอกาสให้เราป้องกันตัวเองและคุ้มครองผู้อื่น สร้างความเข้มแข็งร่วมกัน ทุกคนมีความสำคัญ
เราต้องไม่ถูกประณามว่ารับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างเฉื่อยชา เรามีวิธีแก้ไขรักษา แม้เราจะต้องเว้นระยะห่างระหว่างกัน
ข้อแนะนำของนักไวรัสวิทยานั้นชัดเจน
ไม่จับมือ
ล้างทำความสะอาดมืออย่างสม่ำเสมอ
อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร
งดเว้นการติดต่อกับผู้อาวุโส เพราะพวกท่านมีความเสี่ยงสูงสุด
ข้าพเจ้าทราบดีว่ามาตรการดังกล่าวนั้นยากลำบากยิ่งนัก
โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่กดดน เรายิ่งอยากอยู่ร่วมกันใกล้ชิด
อยากดูแลกันอย่างชิดใกล้
แต่ในเวลานี้ น่าเสียดายที่การทำตรงกันข้ามเป็นสิ่งที่ถูกต้องกว่า
เราจำเป็นต้องเข้าใจว่า ตอนนี้ การห่างไกลกันคือการแสดงความห่วงใย
การเยี่ยมเยือน การเดินทางที่ไม่จำเป็น ล้วนแล้วแต่อาจทำให้ติดเชื้อได้
และไม่ควรเกิดขึ้นในเวลานี้
และนี่คือเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า
ปู่ย่าตายายและหลานๆ ยังไม่ควรเจอกัน
ผู้ที่หลีกเลี่ยงการพบปะโดยไม่จำเป็น จะช่วยเหล่าผู้คนที่ยังทำงานในโรงพยาบาล ที่กำลังดูแลผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน นี่คือวิธีที่เราจะช่วยรักษาชีวิตคนได้
เป็นเรื่องยาก ที่จะไม่ทิ้งใครให้อยู่เพียงลำพัง ที่จะดูแลคนที่ต้องการความเอาใจใส่ดูแล ในฐานะครอบครัวและสังคม เราจะหาทางร่วมมือกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ในตอนนี้ได้มีวิธีการมากมายที่สร้างสรรค์ เพื่อต่อสู้กับไวรัสและผลกระทบทางสังคม
มีเหล่าหลานๆ ที่บันทึกพ็อดแคสต์ส่งให้ปู่ย่าตายายของพวกเขาได้ฟัง ให้รู้ว่าพวกท่านไม่ได้อยู่ตามลำพัง
เราทุกคน จะหาทางแสดงความรักและมิตรภาพ สไกป์ โทรศัพท์ อีเมล หรือแม้แต่กลับมาเขียนจดหมายกันอีกครั้ง
จดหมายไปรษณีย์ทั้งหมดจะได้รับการส่งถึงอย่างแน่นอน
มีข่าวเล่าถึงการช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่สูงอายุ ซึ่งไม่สามารถออกไปซื้อของได้ด้วยตัวเอง ข้าพเจ้าแน่ใจว่าจะมีมากยิ่งไปกว่านี้อีก!
เราจะแสดงให้เห็นว่า ในความเป็นสังคม เราจะไม่ทิ้งให้ใครอยู่เพียงลำพังคนเดียว
ข้าพเจ้าร้องขอต่อท่านว่า โปรดจงได้เคารพกฎที่กำลังจะออกมาต่อจากนี้
เรา ในฐานะรัฐบาล จะตรวจสอบแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และเราจะทบทวนตอบสนองมาตรการต่างๆ เพื่อให้ทำงานได้ในทุกเวลา และแน่นอนว่า เราจะอธิบายให้ทุกท่านรับทราบในทันที
ด้วยเหตุฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงขอย้ำต่อท่านว่า "อย่าหลงเชื่อข่าวลือใดๆ!"
นอกจากข่าวสารจากทางการ ซึ่งเราจะแปลออกเป็นหลายภาษา
เราเป็นชาติประชาธิปไตย
เราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างถูกบังคับ
แต่อยู่ได้โดยการแบ่งปันข้อมูลความรู้และความร่วมมือกัน
นี่คืองานชิ้นประวัติศาสตร์
และจะสำเร็จลงได้ด้วยการร่วมมือกัน
ข้าพเจ้ามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า
เราจะข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
แต่ด้วยผู้เสียหายจำนวนเท่าใด?
เราต้องเสียคนที่เรารักไปมากเท่าใด?
คำตอบนั้นอยู่ที่สองมือของเราลงมือทำ
ในตอนนี้ เราจะร่วมคิด ร่วมทำ ไปร่วมกัน
เราสามารถยินยอมรับข้อจำกัดต่างๆ แล้วเผชิญหน้าไปพร้อมกัน
สถานการณ์ตอนนี้หนักหนา แต่ก็ยังเปิดกว้าง
หมายความว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวินัยของทุกคนที่จะปฏิบัติตามกฎและดำเนินการให้สอดคล้องกัน
แม้ว่าเรายังไม่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่เราจะกระทำอย่างจริงใจและมีเหตุผล เพื่อที่จะรักษาชีวิตผู้คนไว้
โดยไม่มีข้อยกเว้น ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน และเราทุกๆ คน
ได้โปรดดูแลตัวเองและคนที่ท่านรัก
ข้าพเจ้าขอขอบคุณ
- อังเกลา แมร์เคิล, สมุหนายกแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
แถลงข่าวทางโทรทัศน์ต่อสาธารณชนเยอรมัน 19 มีนาคม 2020
ธีรภัทร เจริญสุข แปลจาก https://youtu.be/F9ei40nxKDc
Beloved people.
Coronavirus has dramatically transformed our lives. Understanding the normal condition of everyday life of social coexistence is being tested like never before.
Millions of you go to work. We can't go to school or kindergarten. Cinemas, theatre and stores are closed. And the thing that may be the hardest thing is that we won't see each other as usual.
Of course, in this situation, we all worry, wondering ′′ what will happen next
I have come to meet with all of you today because I want to tell you that
As the Prime Minister and all my colleagues in the federation government amid this situation.
This is part of our open-minded democracy.
That we will make transparent political decisions and explain to the public.
That we will build our communication, action to the best of our strength.
Let everyone be part of the relationship together.
I am confident that we will manage this job successfully.
If all citizens considered our shared duty.
So let me repeat again that
′′ This is serious, please take this seriously too ′′
Since German unification, no, but WWII.
Never had a challenge to threaten our country so much
Which makes us strong together.
I would like to explain the plague of our current plague in our country.
And what the Federal and Regional Government are doing.
To protect everyone in our community
To reduce the damage to economic, social and cultural.
But I want to tell you why your help is needed and tell you how everyone can help each other in this plague.
My data is obtained from federal consultations with Robert Cosh Institute, scientists and virusist.
Intense research is going around the world, but currently there is no cure or vaccine to fight this coronavirus, so as long as this is the only thing that can and is our guideline.
′′ Slow down the viral outbreak ′′
To delay long over the days, months and overcome with time.
Time for science to develop medicine and vaccines.
And especially time
Time to get the patients treated and recover as well as they can.
Germany has an excellent medical system, probably one of the best countries in the world.
Which brings us faith.
But when our hospital is overflowing
If in a short period of time, too many patients admitted to hospital.
Patient with severely infected.
These are not just statistic numbers.
It's father, grandfather, grandfather, grandfather.
Mother, grandmother, grandmother.
Our lover.
They are the people
And we are a community together
Every life has a value for meaning.
On this occasion, I would like to mention.
Doctors, nurses, hospital practitioners and public health workers standing in the front line. They meet patients, facing the brunt of the infection and the next morning you go to work.
For people, what you do is immense.
I thank you sincerely.
Our goal is to delay the virus will spread across Germany.
We therefore need to reduce outside living. It must be reasonable for our country to carry on.
Livelihood resources must guarantee that there will be enough and economic activity will be most normal.
But what's a threat to many people, what's going to damage our individual or community must be reduced. From now on, we have to minimize the risk of infections to others.
I know how tough this measure is. No events, no stores, no concerts, and no school, no university, no kindergarten, no play in the playground. I know that all of these closures come to the government. Central and the government of the Agreement has interrupted our lives and democracy.
Limiting freedom like never before in our republic
But I assure you all,
For me, I have fought hard for a long time to obtain freedom of travel and move my habitat.
Limiting this right is just a measure in a very specific situation.
In a democracy we don't have to act on a whim.
And will only be a temporary period of time
Because at the moment, this is an indispensable way to save a person's
For this reason, from the beginning of the week, border immigration and urban restrictions are mandatory.
For economics, big and small companies, shops, restaurants, independent workers are hard to carry on and next week will be even harder.
I assure you that our government will work hard to relieve economic impact, especially to maintain job title.
We can and will use everything we have to help businesses and people working on this tough test. And everyone will have enough food anytime if the shelf is empty.
For those who are buying products in supermarkets, I confirm that keeping supplies is important. But a lot of hoarding is not happening. Hoarding over need is useless and represents a strong lack of conscience.
And I would like to thank those who received little thanks.
Those who sit behind store cashiers
Those who fill up the shelf
You have done the most important and difficult job at this time.
Thank you to all the people who work for the stores still open.
From now on, it's most urgent for me.
All measures the government implemented have a purpose
If we don't take the most effective measures to stop the viral epidemic, we all are.
We can all be infected with the virus equally. No difference.
So we need to help each other
Firstly, we must be serious but not panic.
I don't blame each other for not following the role because everyone is absent.
Everyone is important. We all have to put our efforts together.
This plague shows us how vulnerable we are.
How much do we rely on others
But it's an opportunity for us to protect ourselves and protect others. Build strength together. Everyone is important.
We must not be condemned for dealing with the epidemic of the virus. We have a cure even if we have to distance ourselves.
Viralist advice is clear.
Not holding hands.
Wash, clean hands regularly.
At least 1.5 meters apart
Refrain from contacting elders because you are at highest risk.
I know that the measures are tough.
Especially in the times that we push on, we want to be together closer.
I want to take care of each other very close.
But at this time, unfortunately doing the opposite is more accurate.
We need to understand that far away from each other is showing concern.
An unnecessary visit to travel can cause an infection.
And shouldn't be happening at this time
And this is why experts say
Grandparents and grandkids still shouldn't meet
Those who avoid unnecessary meeting help those working in hospitals who are taking care of patients everyday. Here's how we can save lives.
It's difficult not to leave anyone alone to take care of those who need care. As a family and society we will find a way to help each other.
Now there are many creative ways to fight viruses and social impacts.
There are nephews who recorded podcasts sending to their grandparents. Let's know you're not alone.
We will all find a way to show love and friendship. Skype, phone, email or even back to write letters again.
All postal letters will definitely be delivered.
News of helping an elderly neighbor who can't afford to go shopping on their own. I'm sure there will be more!
We will show that in society we will never leave alone alone
I say to you, please respect the rules that are coming out.
We, as a government, will continually investigate and resolve to keep up with the rapidly changing events and we will review the measures to work anytime and of course, we will explain to you all immediately.
For this reason, I repeat to you, ′′ Do not believe any rumors!"
Apart from official news we translate into multiple languages
We are a democratic nation.
We don't live life forced.
But live by sharing information, knowledge and cooperation.
This is a historic piece.
And it will be done by collaboration.
I'm very confident that
We will cross through this crisis.
But with how many victims?
How much do we have to lose someone we love?
The answer is at two hands. Take action.
Now we will think, join together.
We can consent to the limitations and confront them together.
Current situation is heavy but still wide open
It means everything depends on everyone's discipline to follow the rules and act accordingly.
Although we haven't experienced this before, we will act sincere and reasonably to save people's lives.
Without exception, it's up to each and every one of us.
Please take care of yourself and your loved ones
I thank you.
- Angle Merkel, Prime Minister of Federal Republic of Germany
Press conference on television on German public 19 March 2020
Theiraphat Charoen Suk translates from https://youtu.be/F9ei40nxKDcTranslated
social society คือ 在 jaysbabyfood Youtube 的最佳解答
#jaysbabyfood #storytime #lgbtinkorea
-----------------------------------------
- References -
- Ahn, P. (2009). Harisu: South Korean cosmetic media and the paradox of transgendered neoliberal embodiment. Discourse, 31(3), 248-272.
- Arora, S., Singhai, M., & Patel, R. (2011). Gender & Education determinants of individualism — Collectivism: A study of future managers. Indian Journal of Industrial Relations, 47(2), 321-328.
- Berry, C. (2001). Asian values, family values: Film video, and lesbian and gay identities. In Sullivan, G., & Jackson P. (Ed.), Gay and lesbian Asia: Culture, identity, community. (pp. 211-232). Binghamton, NY: Harrington Park Press.
- Bong, Y. D. (2008). The gay rights movement in democratizing Korea. Korean Studies, 32(1), 86-103.
- Cho, J. P. (2009). The wedding banquet revisited: "Contract marriages" between Korean gays and lesbians. Anthropological Quarterly, 82(2), 401-422.
- Choi, J. S. (2014). Korean culture orientation: Daily-life and religious culture volume. Sonamoo Publishing.
- Jang, H. S. (n.d.). Resource center of young women service review (늘푸른 사업 리뷰). Retrieved from http://www.seoul.go.kr/info/organ/center/1318_new/info/review/1253299_13874.html
- Kim, H. Y., & Cho, J. P. (2011). The Korean gay and lesbian movement 1993-2008: from "identity" and "community" to "human rights". South Korean Social Movements: From Democracy to Civil Society, 206-223.
- Kim, Y., & Hahn, S. (2006). Homosexuality in ancient and modern Korea. Culture, Health & Sexuality, 8(1), 59-65.
- Kwak. L. G. (2012, April 25). Who murdered a 19-year old LGBT teen (누가 열아홉살 동성애자를 죽였나). Oh My News. Retrieved from http://www.ohmynews.com/nws_web/view/at_pg.aspx? CNTN_CD=A0001724998
- Lee, J. E. (2006). Beyond pain and protection: Politics of identity and iban girls in Korea. In Khor, D., & Kamano, S. (Ed.), Lesbians in east Asia: Diversity, identities, and resistance. (pp. 49-67). Binghamton, NY: Harrington Park Press.
- Novak, K. (2015). The problem with being gay in South Korea. Retrieved from http://edition.cnn.com/2015/10/18/asia/south-korea-being-gay/
- Park, H., Blenkinsopp, J., Oktem, M., & Omurgonulsen, U. (2008). Cultural orientation and attitudes toward different forms of whistleblowing: A comparison of South Korea, Turkey, and the U.K. Journal of Business Ethics, 82(4), 929-939.
- Seo, D. J. (2001). Mapping the vicissitudes of homosexual identities in South Korea. Journal of Homosexuality, 40, 65-79.
- Song, J. (2014). Living on your own: Single women, rental housing, and post-revolutionary affect in contemporary South Korea. SUNY Press.
- Do Koreans Support LGBTQ+? (Ft. Seoul Queer Parade) | ASIAN BOSS https://youtu.be/p_vsIEs72p8
- Koreans React To K-pop Singer Coming Out As Bisexual [Street Interview] | ASIAN BOSS https://www.youtube.com/watch?v=BKL9VrqLJZE
- Is South Korea's LGBT+ community being scapegoated for COVID-19 spread? https://www.dw.com/en/is-south-koreas-lgbt-community-being-scapegoated-for-covid-19-spread/a-53423958
----------------------------------------
- SNS -
Facebook: https://www.facebook.com/jaysbabyfood/
Twitter: https://twitter.com/jaysbabyfood
Instagram: https://www.instagram.com/jaysbabyfood/
----------------------------------------
- Production -
✂️Final Cut Pro
Music by Eric Reprid - Back to Business - https://thmatc.co/?l=3ED40649
Music by ninjoi. - Acceptance - https://thmatc.co/?l=B8A316A
Music by Cassette Tapes - Balance - https://thmatc.co/?l=55784255
----------------------------------------
- Business Inquiries Only -
jaysbabyfood@gmail.com
or LINE: @jaysbabyfood (with @)
----------------------------------------
