กรณีศึกษา LeBron James นักบาสที่ทำธุรกิจ ระหว่างเล่นบาส /โดย ลงทุนแมน
“LeBron James” ถูกยกย่องให้เป็นตำนานบาสเกตบอล NBA
แม้ว่าปัจจุบันเขาก็ยังคงลงสนามแข่งขันอยู่
ซึ่งนอกจากในด้านกีฬาแล้ว รู้หรือไม่ว่าเขายังเป็นเจ้าของและได้เข้าไปลงทุนในอีกหลายธุรกิจ
รวม ๆ กันแล้ว มีมูลค่าระดับหมื่นล้านบาท
แต่กว่าที่เขาจะประสบความสำเร็จทั้งด้านการแข่งขันกีฬาและธุรกิจ
ในวัยเด็ก LeBron James ก็เรียกได้ว่ามีต้นทุนติดลบตั้งแต่เกิด
แล้วเขาเปลี่ยนต้นทุนติดลบให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
LeBron James เกิดในปี ค.ศ. 1984 ที่เมืองเอกรอน รัฐโอไฮโอ
เขาเกิดในขณะที่แม่ของเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
ส่วนพ่อของเขาก็ติดคุกและไม่เคยได้พบหน้ากันตั้งแต่เด็ก
นอกจากปัญหาของพ่อแม่แล้ว ชีวิตในวัยเด็กของเขาถือว่ามีต้นทุนที่ติดลบกว่าเด็กคนอื่น ๆ อย่างมาก
เริ่มตั้งแต่เมืองที่เขาเกิด..
ในการสำรวจจัดอันดับเมืองที่น่าหดหู่ที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา
เอกรอน คลีฟแลนด์ และอีกหลายเมืองในรัฐโอไฮโอ มักจะติดอันดับต้น ๆ อยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก ปัญหาคอร์รัปชัน ไปจนกระทั่งความล้มเหลวทางการกีฬา
ที่ไม่สามารถคว้าแชมป์ในกีฬาประเภทใดได้เลยมายาวนานกว่า 50 ปี
ชีวิตในวัยเด็กของเขาก็ถือว่าน่าหดหู่ไม่แพ้กัน
ด้วยความที่แม่ของเขาต้องเปลี่ยนงานอยู่บ่อยครั้ง จึงไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเช่าบ้าน
ทำให้ทั้งแม่และตัวเขาเองในวัย 3 ขวบไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ต้องคอยอาศัยโซฟาในบ้านของคนรู้จักเป็นที่หลับนอนยาวนานกว่า 6 ปี
ซึ่งก็มีอยู่หลายบ้านด้วยกันที่เขาเคยย้ายเข้าไปอยู่ โดยในปี ค.ศ. 1993 เขาเคยย้ายที่อยู่ 5 ครั้งใน 3 เดือน
ในขณะที่ James เองสมัยเรียนอยู่เกรด 4 ก็เคยขาดเรียนกว่าร้อยวันจากปัญหาสภาพจิตใจและเรื่องรอบตัว
ถึงแม้จะเกิดมาด้วยต้นทุนที่ติดลบ แถมยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม แต่ความพิเศษหนึ่งที่ติดตัวเขามาด้วยนั่นคือร่างกายที่พิเศษกว่าใคร
ในปี ค.ศ. 1993 James ในวัย 9 ขวบ มีส่วนสูงเกือบเท่ากับแม่ของเขาคือ 165 เซนติเมตร วิ่งเร็วและแข็งแรงถึงขั้นที่เรียกได้ว่าผิดปกติจากเด็กทั่วไป และในตอนนั้นเองที่เขาได้รู้จักกับ Bruce Kelker โค้ชอเมริกันฟุตบอลที่กำลังจะตั้งทีมขึ้นมาแข่งในระดับประถม
ซึ่ง Kelker ได้ดึงตัว James เข้าทีมและอาสารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างของเขาและได้ชวนสองแม่ลูกมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับเขา
ในปีแรกที่ James ลงแข่ง เขาทำทัชดาวน์ไปถึง 17 ครั้งภายใน 6 เกมที่ลงแข่งขัน ความสามารถและร่างกายของเขาโดดเด่นถึงขนาดที่ว่าโค้ชของทีมตรงข้ามต้องขอดูสูติบัตรเพราะสงสัยว่า James อาจจะโกงอายุเพื่อลงมาเข้าแข่งขัน
ต่อมา James และแม่ของเขามีความจำเป็นต้องย้ายบ้านอีกครั้งและตัวเขาได้ย้ายไปอยู่กับเพื่อนของโค้ช Kelker ที่ได้กลายมาเป็นโค้ชสอนบาสเกตบอลคนแรกของเขาชื่อ “Frankie Walker”
James จึงได้เรียนรู้การเล่นบาสเกตบอล และด้วยวินัยที่ยอดเยี่ยม บวกกับความตั้งใจในการฝึกซ้อม ฝีมือการเล่นบาสเกตบอลของ James ก็ได้พัฒนาแบบก้าวกระโดด
ต่อมา ฝีมือและชื่อเสียงของ James เริ่มมีมากขึ้นและโด่งดังไปไกลระดับประเทศ ถึงขนาดที่ว่า ESPN สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาต้องถ่ายทอดสดการแข่งขันระหว่างทีมของเขาและ Oak Hill Academy ซึ่งเป็นทีมเต็งแชมป์ระดับประเทศ
โดยการถ่ายทอดสดครั้งนี้ นับเป็นการถ่ายทอดเกมบาสเกตบอลระดับมัธยมเป็นครั้งแรกของ ESPN ในรอบ 13 ปี และ James ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะเขาเป็นตัวหลักที่พาทีมเอาชนะทีมเต็งแชมป์ท่ามกลางสายตาของชาวอเมริกันทั่วประเทศ
และแล้ว ช่วงเวลาที่เขาได้กอบโกยเงินจำนวนมหาศาลก็มาถึง
ในปี ค.ศ. 2002 James ในวัย 18 ปีเป็นที่สนใจของสื่อทั่วประเทศ ทั้งดารา นักบาสเกตบอลชื่อดัง หรือแม้แต่ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา Nike อย่าง Phil Knight ก็ยังต้องมาดูเขาแข่งที่ข้างสนาม
ในตอนนั้นมีแบรนด์รองเท้ายักษ์ใหญ่ 3 แบรนด์รอที่จะเซ็นสัญญากับเด็กหนุ่มวัย 18 ปีคนนี้ ก่อนที่เขาจะถึงคิวเข้าคัดเลือกสู่ NBA ในปี ค.ศ. 2003 โดยมีทั้ง Adidas Reebok และ Nike ที่เข้าคิวรอเจรจากับ James
ซึ่ง James ก็เรียกได้ว่ามีดีเอ็นเอของความเป็นนักธุรกิจอยู่ในสายเลือดเลยทีเดียว เพราะเขาจะใส่ชุดกีฬาของ Adidas ทุกครั้งที่ไปออกงานของ Nike และจะเลือกใส่ชุดของ Nike ทุกครั้งที่ไปงานของ Adidas ส่งผลให้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขาจะเลือกเซ็นสัญญากับแบรนด์ไหน
ซึ่งวิธีการนี้เองก็ทำให้แต่ละแบรนด์ต่างทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อเจรจากับ James
Adidas เสนอสัญญามูลค่า 1,800 ล้านบาท
Nike เสนอสัญญามูลค่า 2,700 ล้านบาท
Reebok เสนอสัญญามูลค่า 3,450 ล้านบาท พร้อมจ่ายเป็นเช็คเงินสดทันที 300 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม James ต้องการเลือก Nike ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะต้องการเดินตามรอยนักบาสเกตบอลระดับตำนานอย่าง Michael Jordan ที่ได้สร้างธุรกิจแบรนด์ชุดกีฬาเป็นของตัวเองขึ้นมาร่วมกับ Nike
นั่นจึงทำให้ในปี ค.ศ. 2003 เขาตัดสินใจเซ็นสัญญากับ Nike ซึ่งสัญญาดังกล่าวมีมูลค่ามากกว่าซูเปอร์สตาร์คนดังอย่าง Kobe Bryant ที่ได้สัญญาจาก Nike เสียอีก โดยในปีนั้นมีนักกีฬาเพียง 3 คนทั่วโลก ที่มีรายได้จากสปอนเซอร์มากกว่าเขา
สุดท้ายแล้วการเลือก Nike ในครั้งนั้น ก็นำไปสู่การต่อสัญญาสปอนเซอร์มูลค่ามหาศาลที่คาดการณ์กันว่าสูงถึง 30,000 ล้านบาท ในปี ค.ศ. 2015 ซึ่งนับเป็นสัญญาตลอดชีพสัญญาแรกของ Nike ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา
นอกจาก Nike แล้ว หลากหลายแบรนด์ระดับโลกต่างก็ต้องการเซ็นสัญญากับ James อย่างเช่น McDonald’s, Coca-Cola หรือแม้แต่ Intel บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์..
แล้วอะไรกัน ที่ทำให้ James ต่างจากนักกีฬาส่วนใหญ่ ?
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักกีฬาชื่อดังคนอื่น ๆ
ก็คือ James เป็นนักกีฬาที่ชื่นชอบในด้านธุรกิจและการลงทุน
ยกตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 2006 หูฟังยี่ห้อ Beats by Dre ได้ถือกำเนิดขึ้น
และผู้ก่อตั้งอย่าง Dr. Dre แรปเปอร์ชื่อดังต้องการร่วมมือกับ James ในการโปรโมตสินค้า
แทนที่ James จะรับเป็นสปอนเซอร์ให้กับบริษัท แต่สิ่งที่ James ทำก็คือเขาได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมในการขอเป็นหุ้นส่วนในบริษัทเข้าไปด้วย
โดยหลังจากได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนกัน James ก็ได้เอาตัวเองเป็นช่องทางการตลาด
ซึ่งในช่วงกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศจีน เขาได้แจกหูฟังให้กับเพื่อนร่วมทีมชาติทุกคนที่ร่วมแข่ง
ทำให้ปรากฏภาพนักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐอเมริกาทั้ง 15 คน ที่ไม่ว่าจะอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬา ตอนซ้อม หรือสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง ก็จะมีหูฟัง Beats by Dre คล้องคออยู่เสมอ
จุดนี้เองที่ทำให้หูฟังแบรนด์ Beats by Dre กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกและเมื่อบริษัทถูกซื้อโดย Apple ในปี ค.ศ. 2014 ทำให้ James ได้รับส่วนแบ่งจากการขายกิจการดังกล่าวไปกว่า 900 ล้านบาท
อีกการลงทุนที่น่าสนใจคือ การลงทุนในร้านพิซซาแบรนด์ Blaze Pizza ในปี ค.ศ. 2012
ด้วยเงินลงทุน 30 ล้านบาทในขณะที่ร้านยังมีเพียงแค่ 1 สาขาเท่านั้น
โดยเขาเลือกที่จะไม่ต่อสัญญามูลค่า 450 ล้านบาทกับ McDonald’s
เพื่อที่จะได้นำภาพลักษณ์ของตัวเขาเองมาใช้ในการโปรโมตร้านพิซซาที่เขาลงทุน
ในปี ค.ศ. 2017 Forbes ได้จัดให้ Blaze Pizza คือเชนร้านอาหารที่เติบโตเร็วที่สุดที่เคยมีมา โดยปัจจุบัน Blaze Pizza มีจำนวนสาขากว่า 336 สาขา และมูลค่าเงินลงทุน 30 ล้านบาทของ James ได้เพิ่มกลายเป็น 1,200 ล้านบาทในปัจจุบัน คิดผลตอบแทนเป็น 40 เด้ง ภายใน 5 ปี
และการลงทุนที่สร้างชื่อให้กับ James มากที่สุดก็คือการลงทุนในทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล
ในปี ค.ศ. 2011 เป็นช่วงที่ทีมลิเวอร์พูลไม่ได้มีผลงานที่ดีนัก ในขณะที่เจ้าของทีมอย่าง Fenway Sports Group (FSG) บริษัทที่เป็นเจ้าของทีมกีฬาจำนวนมาก ซึ่งก็ต้องการใช้ชื่อของ James ในการโปรโมตแบรนด์และดึงดูดลูกค้าเข้าบริษัท
James จึงยื่นข้อแลกเปลี่ยนนอกเหนือจากค่าตัวแล้ว เขายังต้องการหุ้น 2% ในทีมลิเวอร์พูลอีกด้วย
หลังจากข้อตกลงกับ FSG เสร็จสิ้น James ได้เยี่ยมชมการแข่งขันของลิเวอร์พูลและเขายังได้มอบหูฟัง Beats by Dre รุ่นพิเศษให้กับนักฟุตบอลในทีมอีกด้วย
จากดีลดังกล่าวทำให้หลังจากที่ลิเวอร์พูลได้เป็นแชมป์ในรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ก็ทำให้มูลค่าของทีมลิเวอร์พูลในปี ค.ศ. 2019 เพิ่มขึ้นมหาศาล และหุ้น 2% ของเขา ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 2,100 ล้านบาท
นอกจากการลงทุนทั้งหมดที่กล่าวมานั้น
พอร์ตการลงทุนของ James ก็ยังมีอีกมากมาย เช่น
- บริษัท Ladder ซึ่งเขาได้ร่วมมือกับ Arnold Schwarzenegger เพื่อร่วมกันสร้างแบรนด์อาหารเสริมคุณภาพสูงสำหรับนักกีฬา และกิจการดังกล่าวก็ได้ถูกซื้อไปโดย Openfit แบรนด์ฟิตเนสชื่อดัง
- บริษัท SpringHill Entertainment บริษัทผลิตภาพยนตร์ สารคดี และรายการโทรทัศน์หลากหลายรายการ และได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทกว่า 22,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า James ถือหุ้นกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัท
- บริษัท Uninterrupted แพลตฟอร์มสื่อทางด้านกีฬา ที่เชื่อมต่อบรรดานักกีฬาชื่อดังกับแฟนคลับผ่านรายการต่าง ๆ มากมายซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
ปัจจุบัน Forbes ระบุว่า James มีทรัพย์สินราว 25,500 ล้านบาท ซึ่งทำให้ชีวิตของเขานั้นถือได้ว่าประสบความสำเร็จทั้งในด้านกีฬาและธุรกิจเลยทีเดียว
ก็เป็นที่น่าติดตามว่าในอนาคตอาชีพนักกีฬาของ LeBron James จะเป็นอย่างไร
หรือเขาจะเริ่มวางมือจากสนามบาสเกตบอล แล้วเข้าสู่สนามธุรกิจเต็มตัวเมื่อไร
เพราะอีกหนึ่งความฝันของเขาก็คือ “การได้เป็นเจ้าของทีมใน NBA”
ซึ่งด้วยกฎปัจจุบันของ NBA ทำให้เขาที่มีสถานะเป็นนักกีฬายังไม่สามารถเป็นเจ้าของทีมใด ๆ ได้
เรื่องทั้งหมดนี้ของ LeBron James สะท้อนให้เห็นว่าต้นทุนทางชีวิตของเรา
อาจจะมีผลมากกับช่วงชีวิตในวัยเด็กก็จริง แต่หลังจากนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับตัวเราเองมากกว่า
เหมือนกับ James ชีวิตในวัยเด็ก เรียกได้ว่าติดลบ
แต่พอเขาโตขึ้น เขาก็ได้นำความพิเศษทางร่างกายที่ได้รับมา
รวมเข้ากับความมุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อม จนก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาระดับโลก และมีส่วนช่วยต่อยอดให้เขาเป็นนักธุรกิจระดับโลกด้วย นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.youtube.com/watch?v=0Qrey_QLSr8
-https://www.espn.com/nba/story/_/id/9825052/how-lebron-james-life-changed-fourth-grade-espn-magazine
-https://tonesanddefinition.com/2018/12/03/the-chosen-one-1-lebron-james/
-https://www.forbes.com/video/6269489945001/heres-how-lebron-james-could-become-a-billionaire-/?sh=2fdd29996486
-https://www.forbes.com/sites/kurtbadenhausen/2017/07/11/lebron-james-backed-blaze-pizza-is-fastest-growing-restaurant-chain-ever/?sh=649f2a5752b2
-https://www.marketwatch.com/story/when-lebron-james-chose-nike-in-2003-he-gave-up-28-million-it-could-end-up-making-him-1-billion-2019-08-29
-https://www.essentiallysports.com/nba-basketball-newsfrom-blaze-pizza-to-liverpool-f-c-the-top-5-businesses-lebron-james-owns/
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過84萬的網紅BLV Anh Quân,也在其Youtube影片中提到,THE BEST | NHỮNG ĐỘI BÓNG XUẤT SẮC NHẤT LỊCH SỬ PREMIER LEAGUE LINK SUBSCRIBE : http://bit.ly/anhquanblv ------------------------------ Đừng quên t...
liverpool 2003 在 BLV Anh Quân Facebook 的最佳解答
LIỆU KEPA CÓ PHẢI BẢN HỢP ĐỒNG TỆ NHẤT LỊCH SỬ NGOẠI HẠNG ANH?
Hai trong số những sự bổ sung của Frank Lampard mùa này bao gồm Ben Chilwell và cựu binh Thiago Silva, với ý định rõ ràng là sửa chữa một hàng thủ bị khủng hoảng khi đã để thủng lưới 79 bàn trên mọi đấu trường trong mùa giải 2019-20.
Số bàn thua ở Premier League của họ lên tới 54 bàn, nhiều hơn bất cứ đội nào khác trong top 10 và cả Brighton - đội đứng thứ 15. Kỷ lục tồi tệ nhất trong vòng 20 năm qua của CLB từng được xem là lá chắn thép của nước Anh.
Nhưng trong khi Chelsea tỏ ra dễ bị tổn thương trong các tình huống cố định và trong các pha phản công, thì những con số khác về cá nhân Kepa cũng khiến người ta đau đầu.
Mùa trước, Kepa chỉ cản phá 54,5% các cú sút trúng đích, con số thấp nhất trong một mùa giải đối với bất kỳ thủ môn số một của CLB nào ở Premier League kể từ các số liệu được ghi nhận từ mùa 2003-2004.
Trong số 47 bàn thua mà thủ thành người TBN đã để lọt qua mùa trước, thống kê còn cho thấy Kepa đã đứng bất động trong 14 bàn, con số tương đương với 30% số bàn thua mà anh đã để thủng lưới.
Một thống kê từ trang web dữ liệu Opta vào tháng 7 cũng chứng minh Kepa đã để thủng lưới nhiều hơn 11 bàn so với mô hình trung bình của các thủ môn tại Premier League.
Mọi thứ không phải là cơn mưa ảm đạm kéo dài, mà nó thực tế là một con bão tố ngày càng trở nên khó lường. Bởi trong 16 cú sút gần nhất mà thủ thành 25 tuổi này phải đối mặt, anh đã thua đến 11 lần.
Điều lạ lẫm là trong mùa giải đầu tiên ở Stamford Bridge, tỷ lệ cản phá các cú sú trúng đích của Kepa lên tới 67,5%, con số tương dương với 68,2% mà anh từng xác lập được trong hai mùa giải khoác áo Athletic Bilbao tại La Liga.
Người ta chẳng hiểu nổi lý do nào mà thành tích của Kepa lại sụt giảm đến vậy, một số quan điểm về tâm lý cũng như câu chuyện tình buồn của anh được đem ra mổ xẻ để giúp mọi người có cái nhìn tích cực hơn rằng thủ thành người TBN sẽ sớm trở lại, nhưng sự thực thì như chúng ta đã thấy, khi Romano đã tạo nên một trong những dòng tweet chuyển nhượng kinh điển nhất năm chỉ vài phút sau sai lầm tai hại của Kepa.
Chris Sutton, cựu cầu thủ và cũng là một trong những bản hợp đồng thất bại nhất của Chelsea vừa lên tiếng:
"[...]Hồi đó tôi chỉ khiến họ mất 10 triệu bảng. Tôi chuyển đến Stamford Bridge với số tiền rất lớn vào năm 1999. Rồi mọi chuyện không suôn sẻ và 1 năm sau, tôi bị bán cho Celtic với giá 6 triệu bảng. Bạn Bạn cũng có thể gọi tên Fernando Torres với giá 50 triệu Bảng, dù cho bàn thắng của anh trong trận bán kết với Barca được người hâm mộ đánh giá là đã đủ cho những cảm giác của họ. Hay Andriy Shevchenko chẳng hạn, người cũng có giá 30 triệu bảng. Nhưng Kepa chắc chắn là điều gì đó còn trên tất cả trường hợp trên.
Trong bóng đá, bạn luôn luôn có thể làm lại. Như tôi đã làm điều đó tại Celtic. Nên Kepa cũng sẽ tiếp tục chứng minh bản thân, nhưng sẽ phải là ở một CLB khác..."
Dù Chris Sutton nói thế, nhưng thực chất danh xưng của thủ môn đắt giá nhất hành tinh chưa bao giờ là thứ mà Kepa muốn nhận. Đó đơn giản là một tình gấp rút khi thời gian chuyển nhượng dần đến hồi kết, còn Thibaut Courtois liên tục nổi loạn để ra đi. Mức giá thực tế của thủ thành người TBN khi đó chỉ khoảng trên 20 triệu bảng, nhưng phí phá vỡ hợp đồng vô tình biến anh thành một bản hợp đồng khủng, theo kèm đó là những kỳ vọng lớn lao từ người hâm mộ.
Chúng ta cũng có thể nhìn vào những bản hợp đồng như Drinkwater và Bakayoko để biết những ví dụ tương tự về những vụ chuyển nhượng thất bại, những người chỉ được thay thế và thay thế cho đến khi Chelsea tìm thấy một cầu thủ 40 triệu bảng phù hợp hơn với họ.
Hãy nhớ là tất nhiên Chelsea cũng không đơn độc, Man City với bản hợp đồng sai lầm mang tên Mangala trị giá 40 triệu bảng có thể nhanh chóng được thay bằng một trung vệ khác với mức giá tương tự. Manchester United cũng đã thay thế một số trung vệ và tiền vệ công bằng để tìm ra người phù hợp của mình. Hầu hết những cầu thủ bị thay thế khi ở lại câu lạc bộ, thường chuyển sang dạng cho mượn và CLB khác sẽ trang trải một phần tiền lương của họ.
Nhưng Kepa vẫn là một trường hợp khác biệt. Bởi thủ thành người TBN không chỉ nằm ngoài danh sách của những thủ môn xuất sắc nhất thế giới, mà thậm chí anh chàng này còn không phải là một thủ môn giỏi. Kepa là một thủ thành có vấn đề với việc kiểm soát vòng cấm và có những hành vi vung cẳng tay ra sao trong mọi tình huống, những điểm yếu đó đã được các phân tích viên nhắc đi nhắc lại trong suốt cả mùa qua.
Bạn có thể nhìn vào một vụ chuyển nhượng kiểu như Coutinho và nói rằng đó là một sự lãng phí tiền bạc rất lớn khi chi 140 triệu bảng cho một cầu thủ cuối cùng được cho mượn tại CLB khác. Nhưng dù thế nào thì Coutinho vẫn là một cầu thủ giỏi. Cựu sao của Liverpool không thực sự là một cầu thủ bóng đá tồi, mà chỉ là anh không được sử dụng đúng cách.
Nếu bạn đề nghị đổi Countino cho một đội bóng từ mức trung bình trở xuống ở La Liga, dù là với một hay nhiều cầu thủ khác, chắc chắn rằng Barca có thể để anh ấy đi trong tích tắc. Điều này liệu có thể đúng với Kepa? Có đội nào ở Premier League đổi thủ môn số một của họ cho Kepa không? Khá chắc nhiều người sẽ có chung một câu trả lời đấy.
Người ta vẫn luôn không ngừng hỏi vì lý do gì mà Chelsea ký hợp đồng với Drinkwater vào mùa hè năm 2017, khi anh vẫn đang nằm ngoài sự lựa chọn của tuyển Anh. Và cũng thật buồn cười khi biết cầu thủ này vẫn đang ngốn của Chelsea 100,000 bảng mỗi tuần, biến anh trở thành bản hợp đồng đáng buồn nhất Ngoại hạng Anh theo một bảng xếp hạng của ESPN vào năm ngoái.
Kepa hẳn không có những hành vi tương tự như tiền vệ nổi loạn trên, nhưng anh đang biến mình trở thành nỗi thất vọng lớn nhất mà Chelsea lẫn lịch sử chuyển nhượng NHA từng ghi nhận, bằng một pha chuyền bóng thẳng vào chân Mane và cơ số lần khiến các True Blues hy vọng mạnh mẽ để rồi thất vọng bội phần, thứ cảm giác còn tệ hơn cả Drinkwater ngày nào.
liverpool 2003 在 BLV Anh Quân Facebook 的最佳貼文
Có một số luận điểm thường xuất hiện trên mạng xã hội cho rằng việc bán áo đấu của Messi có thể bù đắp phần lớn chi phí cho tiền lương của anh. Nhưng thực tế là không.
Các chuyên gia marketing cho rằng niềm tin vào việc một câu lạc bộ có thể chi trả tiền lương cho Messi nhờ doanh thu bán áo đấu tăng vọt là một điều hoang đường. Liverpool là một trong những câu lạc bộ giữ lại tỷ lệ phần trăm cao nhất từ việc bán áo đấu với 20% mỗi chiếc áo được bán - nhưng ngay cả với tỷ lệ đó, thì một câu lạc bộ bán được một triệu chiếc áo đấu trên năm với giá 60 bảng mỗi chiếc cũng sẽ chỉ kiếm được 12 triệu bảng, chỉ đủ trả một phần bảy mức tiền mà họ cần để chi trả cho Messi.
Vào thời gian trước, Juventus đã bán hơn 500.000 chiếc áo đấu có tên Cristiano Ronaldo sau khi anh ký hợp đồng vào năm 2018, nhưng Tim Crow, một chuyên gia tiếp thị thể thao, nói rằng hầu hết các câu lạc bộ chỉ kiếm được 7,5% số tiền thu được cho mỗi chiếc áo đấu.
Crow còn cho biết thêm:
"Bạn thậm chí sẽ không thể trang trải chi phí trả cho một cầu thủ như vậy từ việc bán áo đấu. Điều này đúng là từng xảy ra một lần ở Real Madrid khi David Beckham ký hợp đồng với họ vào năm 2003, nhưng để tương xứng với mức lương hiện tại của Messi thì thực sự không thể, bạn sẽ phải bán thêm 200.000 chiếc áo mỗi tuần. Một con số phải nói là điên rồ."
liverpool 2003 在 BLV Anh Quân Youtube 的最讚貼文
THE BEST | NHỮNG ĐỘI BÓNG XUẤT SẮC NHẤT LỊCH SỬ PREMIER LEAGUE
LINK SUBSCRIBE : http://bit.ly/anhquanblv
------------------------------
Đừng quên theo dõi BLV Anh Quân trên:
• Youtube: www.youtube.com/c/BLVAnhQuan
• Instagram: www.instagram.com/BLVAnhQuan
Gmail : blvanhquan@gmail.com
----------------------------------------------------------------
© Bản quyền thuộc về BLV Anh Quân
© Do not Reup.
#BLVAnhQuan #TheBest #BestofPremierLeague #Arsenal2003 #Arsenal0304 #ManchesterUnited1999 #Classof92 #EricHarrison #ManUtd1999 #Chelsea2005 #Chelsea0405 #ChelseaMourinho #ManchesterCity2018 #Mancity1718 #PepGuardiola #Liverpool2020 #LiverpoolChampions #Champions #Premierleague #BestteamPremierleague #NgoaiHangAnh #binhluanbongda #tintucbongda
liverpool 2003 在 BLV Anh Quân Youtube 的精選貼文
COVID-19 ẢNH HƯỞNG THẾ NÀO TỚI CÁC ĐỘI BÓNG Ý TẠI CÚP CHÂU ÂU ? | Q&A - BLV ANH QUÂN
LINK SUBSCRIBE : http://bit.ly/anhquanblv
------------------------------
Đừng quên theo dõi BLV Anh Quân trên:
• Youtube: www.youtube.com/c/BLVAnhQuan
• Instagram: www.instagram.com/BLVAnhQuan
Gmail : blvanhquan@gmail.com
----------------------------------------------------------------
© Bản quyền thuộc về BLV Anh Quân
© Do not Reup.
#BLVAnhQuan #SerieA #Covid19 #JuventusInterMilan #JuventusC1 #InterMilan #DerbyItalia #ManchesterUnited #BrunoFernandes #PaulPogba #Pogbacomeback #BrunovPogba #BestteamPremierLeague #Arsenal2004 #Chelsea2005 #ManUtd1999 #Liverpool2019 #Mancity2017 #SalahRamos #Ramostackles #Salahinjury #C1Final2018 #Tottenhamlose #Mourinholose #Mourinhoout #Mouout #HarryKaneinjury #ValverdeRealMadrid #binhluanbongda #tintucbongda