ขอนอกเรื่องนิดนึงค่ะ
แต่เห็นเป็นเรื่องของสุขภาพ เลยอยากเอามาเตือนเพื่อนๆในเพจกัน
หลายๆคนคงชอบดื่มน้ำอัดลม พวก Coke Zero หรือ Pepzi Max หรือเลือกน้ำหวานที่ใช้สารทดแทนความหวานแทน จำพวกแอสปาแตม
ขณะนี้มีผลวิจัยออกมาแล้วว่า สารจำพวกนี้
จะทำให้เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ และโรคสมองเสื่อมได้ 2 เท่ากว่าๆของคนทั่วไปเลยนะ !!!
ซึ่งอ่านสรุปได้จากที่เราแชร์ข้างล่างนี้ หรือ จะเข้าไปอ่านที่เปเปอร์ของผลวิจัยโดยตรงได้เลย
สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเธอคงได้ยินเรื่องงานวิจัยที่บอกว่าเครื่องดื่มที่มีสารทดแทนความหวานแบบสังเคราะห์ เสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบ กับโรคสมองเสื่อมใช่ไหม เห็นหลายเพจออกมาทำ info graphic กันใหญ่
เจ้เองก็เพิ่งได้มาอ่านเปเปอร์วิจัยเต็มๆวันนี้เหมือนกัน ตอนแรกก็ว่าในเพจจะไม่คุยเรื่องสุขภาพหรอกนะ แต่ไหนก็เป็นหมอโรคสมองแล้ว และเปเปอร์วิจัยนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวมากกกกก ทั้งในแง่ของโปรดักส์ และในแง่ของโรคด้วย
ก็เลยเอามาเล่าแบบภาษามนุษย์ปกติ ที่ไม่ใช่หมอให้พวกเธอฟังกัน สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านยาว เอาประโยคสรุปข้างล่างนี้ไปเลยค่ะ
“เครื่องดื่มที่ผสมสารสังเคราะห์ปรุงแต่งความหวาน เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบ (โรคอัมพาตนั่นแหละ) และโรคสมองเสี่อม ในขณะที่เครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลชนิดปกติ หรือ เครื่องดื่มที่หวานอยู่แล้วโดยไม่ใส่น้ำตาล(เช่นน้ำผลไม้ที่คั้นสด แต่หวานๆ) ไม่มีความเสี่ยง”
ส่วนคนที่ชอบอ่านยาวๆ ตามมาค่ะ
1.ทำไมทำงานวิจัย?
คือทีมวิจัยบอกว่า มันเป็นเรื่องมีดดำในวงการแพทย์มานานแล้วนะ งานวิจัยก่อนหน้า บางทีก็บอกว่ามีโทษบ้าง ไม่มีโทษบ้าง สลับไปสลับมา กิจการบางเจ้าถึงขั้นเคลมว่าไร้ความเสี่ยงโรคใดๆ ทางทีมวิจัยเลยคิดว่า เอาล่ะวะ ได้เวลาทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที เก็บเคสเยอะๆ ทำวิจัยด้วยกลวิธีดีๆ จะได้ไขความมืดนี้เสียที เพื่อมวลมนุษยชาติ ทำนองนั้น
2.ทำยังไง?
การวิจัยนี้ทำโดยกระบวนการเป็นการเก็บข้อมูลย้อนหลัง ร่วมกับการเก็บข้อมูลไปข้างหน้าด้วย โดยเอาคนกลุ่มใหญ่มาแบ่งเป็นคนที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคเส้นเลือดสมอง กับอีกลุ่มคือคนที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม แล้วก็นัดมาเจอ ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ติดตามผลไปเรื่อยๆ แล้วก็เก็บข้อมูลไป
โดยช่วงหนึ่งของการทำวิจัย เขาจะให้ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถาม เรื่องเครื่องดื่มที่ดื่มมาเรื่อยๆ (แบบสอบถามนี้เอามาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด) เขาก็มีประเภทของเครื่องดื่มมากมายนั่นแหละ ก็ให้ตอบๆ กรอกๆ กันไป แล้วทีมวิจัยก็เอาคนไข้ จากทั้งสองกลุ่มใหญ่ มาเป็นแบ่ง 3 กลุ่มย่อย ตามพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มพวกนี้
กลุ่มที่ 1 ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในตัว (เช่นน้ำผลไม้)
กลุ่มที่ 2 ดื่มเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลเพิ่ม (ก็น้ำอัดลม)
กลุ่มที่ 3 ดื่มเครื่องดื่มที่ใช้สารสังเคราะห์ทดแทนความหวาน
ดังนั้นตอนนี้เราจะมี 2 กลุ่มใหญ่
คือ กลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
และ กลุ่มเสี่ยงโรคสมองเสื่อม
และในแต่ละกลุ่มใหญ่ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย
ว่ากันไปตามเครื่องดื่มที่ดื่มหลักๆข้างต้น
และใน 3 กลุ่มย่อย ยังแบ่งเป็นกลุ่มยิบๆย่อยๆอีกด้วยว่า ดื่มมาก ดื่มน้อย ดื่มบ่อยและน้อย ดื่มบ่อยและมาก ดื่มมากแต่ไม่บ่อย บลา บลา บลา ช่างมันเถอะ เขาทำเพื่อลด bias และให้ข้อมูลมันมีดีเทลมากขึ้น สำหรับคนที่อยากอ่านทั้งหมด ไปหาลิงก์อ่านได้จ้ะ full paper เข้าไปอ่านได้ ฟะ ฟะ ฟะ ฟรี!!!!
ทีนี้พอแบ่งกลุ่มเสร็จแล้ว ก็จะเริ่มเก็บข้อมูลของผู้เข้าร่วมต่อไป เรื่อยๆอีก 10 ปีเขาคิดว่ายาวพอแล้วแหละ หรือเก็บข้อมูลไปจนกว่าคนไข้เหล่านี้จะเกิดอาการโรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคสมองเสื่อม (ในกรณีที่ไม่ถึง 10 ปีนะ) แล้วเอาข้อมูลมาเปรียบเทียบกันผ่านกระบวนการทางสถิติศาสตร์ หาว่าใครจะได้มง
3. ผลเป็นยังไง?
เละเลยจ้า จะไม่ขอพูดถึงตัวเลขอะไรให้งงมากมาย มาว่าที่ผลเลย มงลงจ้าาาาาา กลุ่มผู้เข้าร่วมที่ดื่มเครื่องดื่มที่ใช้สารสังเคราะห์ทดแทนความหวาน มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง รวมๆแล้ว 2 เท่ากว่าๆ ของคนที่ไม่กิน ในขณะที่กลุ่มที่กินน้ำหวานที่เพิ่มน้ำตาลไปเลย หรือน้ำผลไม้แบบหวาน ไม่เสี่ยงจ้าตกรอบไปจ้า สายสะพายไม่ได้ มงก็ไม่ได้
(ข้อมูลทางเทคนิค hazard ratio ที่ 2-2.47 โดย 95% confidential interval ไม่คร่อม 1 และ P Value < 0.05 ... ไม่กล้าเถียงเลย)
ส่วนโรคสมองเสื่อม มงก็ลงที่เครื่องดื่มผสมสารสังเคราะห์ความหวานเช่นกันด้วยคะแนนความเสี่ยงมากว่า เท่ากว่าๆเกือบสองเท่าเลยจ้า !!!!! เหมือนเดิม กลุ่มที่กินน้ำหวานที่เพิ่มน้ำตาล และกลุ่มน้ำผลไม้แบบหวาน ไม่เสี่ยงจ้า นกจ้า ตกรอบไปจ้า
แต่!!! อย่าเพิ่งดีใจ แล้วไปฉลองด้วยน้ำอัดลมเต็มสูบนะคะ อันนี้นับเฉพาะเรื่องโรคหลอดเลือดสมอง และโรคสมองเสื่อมเท่านั้นนะ ย้ำ แต่สองโรคนี้เท่านั้น ไม่ได้พูดถึงเบาหวาน อ้วน ความดันสูง ตับ ไต อะไรใดๆ อันนั้นว่ากันไปตามเรื่องอีกทีนึง
4. เชื่อได้เหรอ?
คงต้องตอบว่าเชื่อได้นะ เพราะหนึ่งเลย จำนวนผู้เข้าร่วมวิจัยเยอะ สองกลวิธีการทำวิจัยค่อนข้างรัดกุม เป็นมาตรฐาน มีคณะกรรมการตรวจสอบทั้งความถูกต้องและจริยธรรม งานวิจัยไม่ได้รับทุนจากบริษัทห้างร้านเอกชนอะไร และสุดท้าย งานวิจัยได้ตีพิมพ์ลงวารสารโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองแห่งสหรัฐอเมริกา ก็ถือว่าเป็นไบเบิ้ลที่หมอทั้งโลกใช้อ้างอิง
5. #สรุป ให้ฟังชัดๆอีกที
เครื่องดื่มที่มีสารสังเคราะห์ใช้ทดแทนความหวานแทนน้ำตาล เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ประมาณสองเท่า และโรคสมองเสื่อมประมาณเท่ากว่าๆเกือบๆสองเท่า ในขณะที่เครื่องดื่มประเภทมีน้ำตาลหวานในตัวอย่างน้ำผลไม้ และเครื่องดื่มที่อัดน้ำตาลลงไปเลยเช่นน้ำหวาน น้ำอัดลม ไม่เสี่ยงจ้ะ
อนึ่ง(อีกที) ไม่เกี่ยวกับเบาหวาน ความอ้วน ความดันสูง ตับพัง ไตพัง โคเลสเตอรัลอะไรใดๆนะจ๊ะ อันนั้นคนละเรื่องกัน อันนี้พูดถึงแค่โรคหลอดเลือดสมอง และสมองเสื่อมเท่านั้นนะจ๊ะ
6. คำถามยอดฮิต #หญ้าหวาน ด้วยไหม?
ในการวิจัยอันนี้ อย่าลืมว่าเริ่มเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 1991 มา 10 ปี ช่วงนั้นเครื่องดื่มที่ผสมหญ้าหวานยังไม่มี ดังนั้นคิดว่าไม่เกี่ยวกัน แต่ถามว่าเจ้จะกินไหม? …. ไม่อ่ะ หรือพวกเธอจะกิน?
7. งั้นทำยังไงดี?
เลิกเสพติดความหวานสิคะ
กินอะไรที่ไม่หวาน ลดหวานเยอะๆ
ดื่มน้ำเปล่าไงคะ ง่าย จะ ตาย
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
hazard ratio p value 在 Interpreting Hazard Ratios - YouTube 的必吃
This video wil help students and clinicians understand how to interpret hazard ratios. ... <看更多>