Gaslight (1944) [รีวิวแบบเปิดเผยเนื้อหา]
แอบรู้สปอยล์ของหนังมานานแล้วล่ะ จริง ๆ ถ้าคนรู้สำนวนอังกฤษก็คงจะพอเดาเนื้อเรื่องได้เพราะคำว่า gaslighting มันกลายเป็นสำนวนอธิบายถึงการปั่นหัวคนให้สับสน เหมือนเราสะกิดถามเพื่อนว่าเห็นคนยืนตรงนั้นไหม แล้วเพื่อนบอกว่าไม่เห็น เราก็บอกว่าให้ดูดี ๆ มีคนยืนอยู่น่ะแหละ คือปั่นหัวให้เหยื่อสับสนว่าอะไรจริงอะไรเท็จ พอทำบ่อย ๆ ก็จะยิ่งมึนแล้วคิดว่าตัวเองเป็นบ้า ซึ่ง Gaslight มันก็เป็นหนังจิตวิทยาที่ใช้เทคนิคนี้กล่อมจนเหยื่อสับสน ก่อนที่หนังจะเฉลยแรงจูงใจที่แท้จริงของคนร้าย ซึ่งบอกเลยว่าควรค่าแก่การหามารับชมสำหรับแฟนหนังคลาสสิก
หนังเปิดเรื่องด้วยฉากฆาตกรรมจนทำให้ 'พอลล่า' (Ingrid Bergman) ต้องย้ายออกจากบ้านในลอนดอนไปยังอิตาลี่ จนเมื่อผ่านไป 10 ปี เธอได้แต่งงานกับ 'เกรกอรี่' (Charles Boyer) และย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังเดิมที่ซึ่งเธอเริ่มพบความผิดปกติในตัวเอง ทั้งอาการหลงลืม, ได้ยินเสียงแปลกๆ และรู้สึกถึงความผิดปกติในบ้าน
หนังมีจุดเด่นอยู่สองส่วนที่ยอดเยี่ยมคือสร้างความคลุมเครือตามแบบฉบับหนัง mystery ลึกลับจับต้นชนปลายยังไม่ถูก(แต่จริง ๆ มันเดาตัวร้ายได้ไม่ยากเลยจากความจงใจของหนัง แค่เราจับทางไม่ถูกว่าทำไมต้องทำแบบนั้นจนกว่าหนังจะเฉลย) และสภาพจิตใจของตัวละครที่ค่อย ๆ สับสนความจริงความลวง ซึ่งการแสดงของ 'อิงกริด เบิร์กแมน' คู่ควรทุกประการกับการชนะรางวัลออสการ์สาขาการแสดงยอดเยี่ยมฝ่ายหญิง ไม่ต้องเทียบเทคนิคการแสดงตามยุคสมัยก็บอกเลยว่าเธอโคตรเจ๋ง ในเรื่องนี้อิงกริดสามารถไต่ระดับจากหญิงสาวสดใสจนกลายเป็นผู้หญิงเศร้าซึมไม่เหลือความมีชีวิตชีวาในตัวเอง เธอแสดงได้เยี่ยมยอดมากจนเราอินไปกับคาแรคเตอร์ของเธอที่เข้าถึงสภาพจิตใจของตัวละคร
ในเชิงแผนจัดการทางจิตวิทยาของตัวร้ายต้องบอกว่าแยบยลมาก ตั้งแต่การเลือกแม่บ้านหูหนวกซึ่งจะไม่ได้ยินเสียงคนเดินบนหลังคา และการเลือกสาวใช้หน้าตาดีมาหลอกล่อเป่าหูให้ต่อต้านนางเอก โดยการจัดฉากให้เหมือนนางเอกเป็นคนเรื่องมากและป่วยทางจิต คือบางทีก็รู้สึกว่าเป็นแผนที่แยบยลและใช้ความอดทนสูงพอสมควรกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ แต่เพราะเหตุนี้แหละที่ทำให้ Gaslight มันโดดเด่นในการเป็นหนัง psychological thriller อันเป็นที่นิยมในยุคสมัย 40's
และเพราะความที่มันเป็นแนวสืบสวนจิตวิทยาจึงมีบางช่วงที่ค่อนข้างเอื่อยพอสมควรเพื่อขับเน้นอาการป่วยของนางเอกและการสร้างความสมจริงน่าเชื่อถือของแผนการตัวร้าย โดยเฉพาะตอนเฉลยที่สามารถจบหนังได้ทันทีตามยุคสมัยแต่หนังยังยืดออกไปอีกนิดนึงเพื่อโชว์บทบาทของอิงกริด คล้าย ๆ เป็นการเฉลยหนังให้เคลียร์ขาดไปเลยว่าตกลงเป็นบ้าหรือไม่เป็นบ้า
ในภาพรวมแล้วเห็นด้วยกับหลาย ๆ คนที่ยกย่อง Gaslight ว่าเป็น pure psychological thriller คือเน้นอาการทางจิตขับเคลื่อนหนังเพียงอย่างเดียว ซึ่งมันยอดเยี่ยมควรค่าแก่การเชียร์ให้คนรุ่นหลังลองหามารับชม (อีกเรื่องที่โคตรเชียร์มาก ๆ คือ The Spiral Staircase ปี 1945 เป็นแนวทริลเลอร์จิตวิทยาเหมือนกัน)
Director: George Cukor (ผกก. My Fair Lady, The Philadelphia Story)
play: Patrick Hamilton
screenplay: John Van Druten, Walter Reisch, John L. Balderston
Genre: crime, drama, mystery, thriller
8.5/10
Search