Lenovo จากบริษัทไม่มีใครรู้จัก สู่แบรนด์คอมพิวเตอร์ ขายดีสุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
ผู้ที่ครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ PC ได้มากที่สุดในโลกก็คือ “Lenovo” แบรนด์จากประเทศจีน ที่สามารถแซง HP และ Dell จากสหรัฐอเมริกา จนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลกได้เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2013 และยังคงรักษาตำแหน่งอันดับ 1 ได้จนถึงปัจจุบัน
Lenovo ยังถือเป็นบริษัทจีนที่ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทระดับโลกได้เป็นบริษัทแรก ๆ ก่อนบริษัทระดับโลกในยุคปัจจุบันอย่างเช่น Alibaba, Tencent, Huawei และ Xiaomi
แล้ว Lenovo ทำได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก จำนวน PC ที่ส่งมอบทั้งปี 2020 แบรนด์ที่ครองส่วนแบ่งตลาดโลกได้มากที่สุดก็คือ
อันดับ 1 Lenovo จากจีน 24.9%
อันดับ 2 HP จากสหรัฐอเมริกา 21.2%
อันดับ 3 Dell จากสหรัฐอเมริกา 16.4%
อันดับ 4 Apple จากสหรัฐอเมริกา 8.2%
อันดับ 5 Asus จากไต้หวัน 6.0%
คำว่า PC ในความหมายของ Gartner จะแปลว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และแล็ปท็อป
แล้วก่อนจะกลายมาเป็นบริษัทที่ขาย PC ได้มากที่สุดในโลก Lenovo มีจุดเริ่มต้นอย่างไร ?
ย้อนกลับไปในปี 1984 หรือเมื่อ 37 ปีก่อน ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
“Liu Chuanzhi” เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ทำงานวิจัยอยู่ที่สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS)
ตอนนั้น คุณ Liu รู้สึกว่าสิ่งที่คิดค้น มักจะจบลงแค่ในห้องทดลองและไม่ได้ถูกต่อยอดนำไปใช้ประโยชน์กับคนหมู่มาก
คุณ Liu ในวัย 40 ปี จึงขอเงินทุนจาก CAS มาได้ 2 แสนหยวน หรือราว 1 ล้านบาท เพื่อเปิดบริษัทเกี่ยวกับสินค้าเทคโนโลยีเอง
หลังจากได้ทุนมาแล้ว เขาก็ได้รวบรวมทีมงานที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรคอมพิวเตอร์ชาวจีนอีก 10 คนและได้ก่อตั้งบริษัท ในตอนแรกชื่อว่า “Legend”
ในเวลานั้น ถือเป็นจังหวะที่ดี เพราะประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากยุคเหมาเจ๋อตง ที่ระบบเศรษฐกิจถูกวางแผนโดยรัฐและไม่ค้าขายกับต่างประเทศ มาเป็นยุคเติ้งเสี่ยวผิง ที่เริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจ
โดยให้ภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้นและเริ่มค้าขายกับต่างประเทศ
แต่ Legend มีอุปสรรคสำคัญก็คือ ด้วยความที่ทีมงานมีพื้นฐานมาจากการเป็นนักวิจัย การเลือกประเภทสินค้าจึงไม่ค่อยตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งก็ได้ทำให้บริษัทต้องลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง
โดย Legend เริ่มจากการนำเข้าโทรทัศน์สีมาขายแต่ล้มเหลว
จึงเปลี่ยนมาพัฒนานาฬิกาข้อมือดิจิทัล แต่ก็ล้มเหลว
พอเปลี่ยนมาให้บริการตรวจสอบคุณภาพคอมพิวเตอร์ก่อนถึงมือลูกค้า ก็ยังคงล้มเหลว
จนกระทั่ง Legend หันมาลงทุนพัฒนาแผ่นวงจรพิมพ์ หรือ PCB เพื่อให้คอมพิวเตอร์ของ IBM ที่นำเข้ามา ใช้งานเป็นภาษาจีนได้ ซึ่งก็ถือว่าได้ผลตอบรับดี
หลังจากนั้น Legend จึงได้เริ่มนำเข้าคอมพิวเตอร์จากต่างประเทศ แล้วขายระบบภาษาจีนพ่วงด้วย
ทำให้คอมพิวเตอร์ที่บริษัทนำเข้ามา ขายดีมาก ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนแรกที่สำคัญ เพราะ Legend ได้เริ่มเรียนรู้ความต้องการของตลาด จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ
ในเวลาต่อมา Legend จึงต่อยอดกิจการด้วยการไปตั้งบริษัทย่อยที่ฮ่องกง เพื่อผลิตและส่งออก PCB จนกระทั่งในปี 1990 บริษัทก็ได้เริ่มผลิตคอมพิวเตอร์แบรนด์ของตัวเองและสามารถนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้ในปี 1994
ผลิตภัณฑ์แรก ๆ ของ Legend ที่ประสบความสำเร็จคือเมนเฟรมคอมพิวเตอร์
ก่อนที่บริษัทจะเริ่มผลิตคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและแล็ปท็อปตามมา
จนในที่สุด Legend ก็มีรายได้หลักมาจากการขายคอมพิวเตอร์ที่เป็นแบรนด์ของตัวเองและได้กลายเป็นแบรนด์คอมพิวเตอร์ที่มียอดขายมากที่สุดในประเทศจีน ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 43% ในปี 1998
ซึ่งนอกจากการวิจัยพัฒนาคอมพิวเตอร์แล้ว กลยุทธ์ที่ทำให้ Legend ครองตลาดจีนได้ก็คือการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด รวมถึงการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจัดจำหน่าย
หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศแล้ว Legend จึงตั้งเป้าหมายใหญ่ขึ้น
ด้วยการก้าวสู่ตลาดโลก ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ที่ชื่อว่า “Yang Yuanqing”
คุณ Yang เริ่มงานที่ Legend ตั้งแต่ตอนที่บริษัทเปิดรับสมัครพนักงานครั้งแรกเมื่อปี 1988 โดยเริ่มจากตำแหน่งพนักงานขาย ซึ่งก็สร้างผลงานได้โดดเด่น จนไปเข้าตาประธานบริษัทอย่างคุณ Liu
คุณ Yang จึงได้เลื่อนขั้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มธุรกิจ PC ในวัยเพียง 29 ปี
ก่อนที่จะรับตำแหน่ง CEO ในปี 2001 ขณะที่อายุ 37 ปี
เพื่อเตรียมก้าวสู่ตลาดโลก Legend จึงรีแบรนด์ในปี 2003 ด้วยการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Lenovo” ซึ่งมาจากคำว่า “Le” จากชื่อบริษัทเดิม Legend รวมกับคำว่า “Novo” ที่แปลว่า ใหม่ ในภาษาละติน
ต่อมาในปี 2004 บริษัท IBM ได้ประกาศขายธุรกิจคอมพิวเตอร์
ซึ่ง IBM เป็นบริษัทผู้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จากสหรัฐอเมริกา โดยนับเป็นบริษัทแรก ๆ ในโลกที่เริ่มขาย คอมพิวเตอร์จนมีแล็ปท็อป “ThinkPad” ที่โด่งดัง และครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์เป็นอันดับ 3 ของโลกในขณะนั้น เป็นรองจาก Dell และ HP
แต่สาเหตุสำคัญที่ IBM ตัดสินใจขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ เพราะมองว่าเทคโนโลยีเครื่องคอมพิวเตอร์ ถูกคู่แข่งเลียนแบบได้ง่าย แถมยังแข่งกันตัดราคาขาย ทำให้อัตราการทำกำไรต่ำ บริษัทจึงอยากโฟกัสธุรกิจที่สร้างกำไรได้ดี อย่างพวกซอฟต์แวร์และกลุ่มให้บริการ มากกว่า
ที่น่าสนใจก็คือ ทั้งที่ Dell ก็เสนอซื้อเช่นกัน แต่ IBM กลับเลือกขายธุรกิจคอมพิวเตอร์ให้กับ Lenovo ซึ่งในตอนนั้นยังเป็นบริษัทจากประเทศจีนที่แทบไม่มีคนรู้จัก
โดย IBM ให้เหตุผลว่าตอนนั้นรัฐบาลจีนกำลังผลักดันบริษัทจากจีนให้ได้เติบโตในระดับโลก
IBM จึงตอบสนองความต้องการของรัฐบาลจีน เพื่อเปิดโอกาสให้ IBM เข้าไปบุกตลาดจีนได้ง่ายขึ้น
Lenovo ที่อยากขายสินค้าไปทั่วโลก จึงตกลงซื้อธุรกิจคอมพิวเตอร์ของ IBM ในปี 2005 ด้วยมูลค่า 1.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นบริษัทแรก ๆ ของจีน ที่มีดีลการเข้าซื้อกิจการต่างประเทศ
นั่นจึงทำให้ Lenovo ได้โรงงานผลิตคอมพิวเตอร์ของ IBM ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ได้ช่องทางการจัดจำหน่ายและฐานลูกค้าทั่วโลก รวมถึงได้ทีมงานจาก IBM ซึ่งทำให้บริษัทมีพนักงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ที่สำคัญก็คือ ไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่ม “Think” ที่ขายดีที่สุดของ IBM อย่าง ThinkPad ที่เป็นแล็ปท็อป และ ThinkCentre ที่เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ก็จะเปลี่ยนโลโกจาก IBM มาเป็น Lenovo
และนี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Lenovo ซึ่งแต่เดิมแทบไม่มียอดขายในต่างประเทศเลย สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดจากบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก ขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 ของโลก แทนที่ IBM ทันที
นอกจากนี้ การรวมพนักงานนานาชาติของทั้ง 2 บริษัท ทำให้ Lenovo ปรับโครงสร้างกรรมการบริษัทและทีมบริหารให้มีสัดส่วนชาวจีนและอเมริกันเท่า ๆ กัน
อีกมุมที่ Lenovo ให้ความสำคัญไม่แพ้การมีสินค้าขายไปทั่วโลก ก็คือการปรับวัฒนธรรมองค์กร ธรรมาภิบาล รวมถึงมาตรฐานบัญชี ให้มีความเป็นสากล
ยกตัวอย่างเช่น แม้ในตอนนั้นตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงจะกำหนดให้ส่งงบประมาณเพียงปีละ 2 ครั้ง แต่ CFO หญิงผู้วางรากฐานที่สำคัญให้ Lenovo อย่างคุณ Mary Ma เลือกให้บริษัทเปิดเผยงบประมาณปีละ 4 ครั้งเป็นรายไตรมาส ตามมาตรฐานสากล
จากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ Lenovo จึงเปลี่ยนจากบริษัทท้องถิ่น มาเป็นบริษัทข้ามชาติ
ซึ่งถือได้ว่าเป็นบริษัทข้ามชาติแห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศจีน
แต่หลังจากนั้นไม่นาน Lenovo ก็ต้องเจอความท้าทายครั้งใหญ่ เพราะผลจากวิกฤติการเงินโลกในปี 2008 ทำให้ผลประกอบการปี 2009 ของบริษัทพลิกเป็นขาดทุนมากถึง 7.4 พันล้านบาท
ในปี 2009 คุณ Yang ที่ได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็นประธานกรรมการบริษัทในปี 2004 ได้ขอกลับมารับตำแหน่งเป็น CEO อีกครั้งเพื่อนำบริษัทให้กลับมามีกำไร รวมถึงเร่งเพิ่มยอดขายและขยายส่วนแบ่งตลาด ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่คุณ Yang ขอเวลา 4 ปี แล้วค่อยวัดผล
คุณ Yang เริ่มจากการฟื้นฟูตลาดเดิมที่ทำกำไรได้ดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ ฐานลูกค้าเดิมจาก IBM อย่าง PC สำหรับลูกค้าองค์กร และฐานลูกค้าเดิมของ Lenovo อย่างตลาดในประเทศจีน
ขณะเดียวกันก็บุกตลาดใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตแรงและมีจำนวนประชากรมาก อย่างเช่น อินเดีย เพื่อขยายฐานลูกค้าไม่ให้พึ่งพาชาวจีน มากเกินไป
ซึ่งกลยุทธ์เชิงรุกนี้ช่วยเพิ่มรายได้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังต้องแลกกับการทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่ เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และทำการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย
Lenovo จึงได้เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้นนอกเหนือจาก ThinkPad ที่เป็นแล็ปท็อปพรีเมียมราคาสูง อย่างเช่น IdeaPad ที่เป็นแล็ปท็อปราคาเข้าถึงง่าย รวมถึง Yoga ที่ฟังก์ชันการใช้งานเป็นได้ทั้งแล็ปท็อปและแท็บเล็ต
นอกจากนี้ Lenovo ได้เร่งขยายส่วนแบ่งตลาดจากการควบรวมกิจการมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
ปี 2011 Lenovo ซื้อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์เยอรมันที่ชื่อ Medion ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Lenovo ในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทันที และ Lenovo ยังตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท NEC ของญี่ปุ่น ทำให้กลายเป็นบริษัท PC ที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น
ปี 2012 Lenovo ซื้อบริษัทคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่สุดในบราซิลที่ชื่อ CCE ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเจาะตลาดอเมริกาใต้
ปี 2018 Lenovo ซื้อกิจการคอมพิวเตอร์ของ Fujitsu ประเทศญี่ปุ่น
ผลลัพธ์จากแผนงานที่นำทีมโดยคุณ Yang หลังจากวิกฤติการเงินโลก ก็ถือว่าเกินความคาดหมาย
เพราะ Lenovo สามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากประเทศอื่น ๆ และลดสัดส่วนจากจีนลงได้ จาก 46% ในปี 2010 เหลือเพียง 23% ในปัจจุบัน โดยรายได้ของ Lenovo กว่า 80% ยังมาจากธุรกิจคอมพิวเตอร์
ในด้านของส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ Lenovo สามารถชนะ Dell จนขึ้นมาเป็นที่ 2 ของโลกได้เป็นครั้งแรกในปี 2011 ก่อนที่จะแซง HP ขึ้นมาเป็นที่ 1 ของโลกในอีก 2 ปีถัดมา และยังครองอันดับ 1 มาจนถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จของการปลุกปั้นธุรกิจคอมพิวเตอร์ของ Lenovo ก็ได้ทำให้ คุณ Yang ถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน CEO ที่เก่งที่สุดในโลก รวมถึงผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Liu ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “ไฮเทคฮีโรแห่งประเทศจีน”
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
คุณ Liu Chuanzhi ผู้ก่อตั้ง Lenovo มีลูก 2 คน
หนึ่งในนั้นคือลูกสาวที่ชื่อว่า Liu Qing หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “Jean Liu”
หลังจากที่ Jean Liu จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และทำงานที่ Goldman Sachs มา 12 ปี
เธอก็ย้ายมารับตำแหน่งเป็น COO ให้กับบริษัทสตาร์ตอัปของจีนที่ชื่อ Didi Dache
เธอมีบทบาทสำคัญในการควบรวมกิจการระหว่าง Didi Dache กับบริษัทคู่แข่งอย่าง Kuaidi Dache ในปี 2015 ที่เปลี่ยนมาใช้ชื่อใหม่เป็น “Didi Chuxing” แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่และส่งอาหารอันดับ 1 ของจีน
ปัจจุบัน เธอดำรงตำแหน่งประธานบริษัท ซึ่งเป็นผู้นำคนสำคัญของ Didi Chuxing ร่วมกับผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Cheng Wei ที่ดำรงตำแหน่งเป็น CEO และประธานกรรมการ จนถูกจัดอันดับจากนิตยสาร Time ให้เป็น 1 ใน 100 คน ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกเมื่อปี 2017
ซึ่งก็เรียกได้ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.economist.com/business/2013/01/12/from-guard-shack-to-global-giant
-https://www.economist.com/business/2001/09/13/legend-in-the-making
-https://www.ft.com/content/2bb25562-4ae0-11d9-a0ca-00000e2511c8
-https://www.cnbc.com/2016/12/01/china-based-lenovos-ride-to-top-spot-of-pc-business.html
-https://www.marketwatch.com/story/why-ibm-selling-server-unit-to-lenovo-is-bad-news-for-hp-1390500250
-https://www.wsj.com/articles/the-worlds-largest-pc-maker-is-no-longer-a-bargain-11550742853
-https://www.theverge.com/2012/1/3/2677691/ex-ibm-ceo-revisits-selling-pc-business-samuel-palmisano
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lenovo
-https://en.m.wikipedia.org/wiki/Market_share_of_personal_computer_vendors
-https://investor.lenovo.com/en/financial/results.php
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過361萬的網紅Dan Lok,也在其Youtube影片中提到,Want Some Of Dan's Top Rules For Success? Download His Book, F.U. Money For FREE Here: http://jackmasrules.danlok.link Jack Ma has 9 top rules for su...
alibaba wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
เจ้าของสตาร์ตอัปยูนิคอร์น ใหญ่สุดในโลก คือใคร ? /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงบริษัทเทคโนโลยีในจีน หลายคนคงนึกถึง Alibaba หรือ Tencent
แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกบริษัทเทคโนโลยีจากจีนที่กำลังมาแรง
ถึงขนาดที่ก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ตอัปยูนิคอร์น ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้
บริษัทนั้น ก็คือ “ByteDance” เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok
ที่มีมูลค่าประเมินล่าสุดอยู่ที่ 14.0 ล้านล้านบาท
โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของยูนิคอร์นตัวนี้ คือ “จาง อี้หมิง”
แล้วกว่าจะมาเป็นวันนี้ จาง อี้หมิง และ ByteDance ผ่านอะไรมาบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จาง อี้หมิง เกิดในปี ค.ศ. 1983 ที่เมือง Longyan จังหวัด Fujian ประเทศจีน ปัจจุบันมีอายุ 38 ปี
แม้เขาจะเกิดและเติบโตในครอบครัวธรรมดา ฐานะปานกลาง แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือครอบครัวของจาง ค่อนข้างให้อิสระกับเขา ไม่ได้มีกฎเกณฑ์หรือมีระเบียบเคร่งครัด ต่างจากครอบครัวชาวจีนในสมัยนั้น
นอกจากนี้ ทั้งพ่อและแม่ของจางก็ยังสนับสนุนให้เขาลองผิดลองถูกอยู่เสมอ
เรื่องนี้เอง ก็ได้ทำให้เขาเติบโตมาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์
และมีความกล้าที่จะลองอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา
จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2001 เขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Nankai ในสาขา Microelectronics
ต่อมาก็ได้เปลี่ยนมาศึกษาในสาขาวิชา Software Engineer
หลังจากจบการศึกษา จางก็ได้เริ่มธุรกิจของตัวเองเป็นครั้งแรก ร่วมกับรุ่นพี่ที่รู้จักกันจากมหาวิทยาลัย
โดยธุรกิจที่เขาก่อตั้งขึ้นนั้น เป็นธุรกิจที่ทำระบบจัดการข้อมูลและการเข้าถึงสำหรับองค์กร
แต่ในตอนนั้นด้วยความที่ยังไม่มีประสบการณ์ จึงทำให้เขาทำผิดพลาดในหลายเรื่อง
เช่น การวางตำแหน่งทางการตลาดที่ไม่ดี สุดท้ายเขาก็ต้องล้มเลิกกิจการไป ภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว
ในปี ค.ศ. 2006 เขาได้เข้าทำงานกับสตาร์ตอัป Kuxun ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ที่ให้บริการสำหรับการจองตั๋ว เช่น เครื่องบิน โรงแรม และรถไฟ คล้าย ๆ กับ Agoda, Booking, Traveloka
ในช่วงที่เขาได้เข้ามาทำงานที่นี่ บริษัทยังถือว่ามีขนาดเล็กและมีพนักงานเพียงไม่กี่คน
เล็กในระดับที่เขา เป็นพนักงาน Software Engineer คนแรกขององค์กร
หลังจากผ่านไปได้เพียง 2 ปี Kuxun ที่ตอนแรกเป็นเพียงสตาร์ตอัปขนาดเล็ก
ก็ได้เติบโตขึ้นกลายเป็นบริษัทที่มีพนักงานกว่า 40 คน
และด้วยความสามารถที่โดดเด่นของจาง ทำให้เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค
แต่แน่นอนว่าตำแหน่งหัวหน้าย่อมต้องมีเรื่องการบริหารเข้ามาเกี่ยวข้อง
ด้วยความที่เขารู้สึกว่าตนเองยังไม่เก่งเรื่องการบริหารและทำได้ไม่ค่อยดี
เขาจึงอยากพัฒนาและต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารมากกว่านี้
เขาจึงมีเป้าหมายว่าต้องการเรียนรู้วิธีการบริหารจากบริษัทระดับโลก
ซึ่งนั่นก็นำไปสู่การเดินทางออกนอกประเทศบ้านเกิดในปี ค.ศ. 2008 เพื่อไปร่วมงานกับ Microsoft
แต่จางก็ทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เพราะเขารู้สึกว่าบริษัทแห่งนี้ มีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดเกินไป
หลังจากลองผิดลองถูกและสะสมประสบการณ์มาพอสมควร
เขาก็ได้ตัดสินใจลาออกจาก Microsoft เพื่อกลับไปลองก่อตั้งบริษัทของตนเองอีกครั้ง
ชื่อว่า “99fang” แพลตฟอร์มที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
หลังจากก่อตั้งได้เพียง 6 เดือน 99fang ก็สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้
จนแพลตฟอร์มของเขาเติบโตจนมีผู้ใช้งานมากถึง 1.5 ล้านบัญชี
และได้ก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอสังหาริมทรัพย์ของจีนอันดับต้น ๆ ในเวลานั้นเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน เขาเริ่มเห็นว่าผู้คนมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนมากขึ้น
ทำให้เขามองว่าการใช้อินเทอร์เน็ตบนสมาร์ตโฟนจะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต
เขาจึงมองไปที่ตลาดที่ใหญ่กว่าตลาดในประเทศจีน นั่นก็คือ “ตลาดโลก”
จาง อี้หมิง ในวัย 29 ปี จึงได้ตัดสินใจจ้างผู้บริหารมารับไม้ต่อในการบริหาร 99fang
เพื่อที่เขาจะได้มาโฟกัสในธุรกิจใหม่ ในตอนนั้นเขาจึงก่อตั้ง “ByteDance” ขึ้นมา
โดยครั้งนี้เขาต้องการสร้าง แพลตฟอร์มโซเชียลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เป็นหลัก
แม้จะมีไอเดียที่ดี แต่ในตอนนั้นแทบไม่มีใครเชื่อมั่น และให้เงินสนับสนุนกับเขาเลย
ถึงขนาดว่าในช่วงเริ่มต้น ByteDance ถูกปฏิเสธจาก Venture Capital หรือผู้ให้เงินระดมทุนกว่า 30 ครั้ง
ก็จะมีแต่ Susquehanna International Group ซึ่งเป็นบริษัทด้านการค้าและเทคโนโลยีระดับโลก
ที่ได้ให้เงินสนับสนุนกับจางราว 155 ล้านบาท
หลังจากที่ได้เงินสนับสนุนมา ในปีเดียวกันบริษัท ByteDance ได้เปิดตัว Toutiao ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม
ที่ให้บริการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ซึ่งจุดเด่นของ Toutiao คือจะนำเสนอเนื้อหาตามความชอบ
โดยใช้ AI ในการวิเคราะห์ หลังจากเปิดตัวได้ 2 ปีมีผู้ใช้งานสูงถึง 13 ล้านบัญชีต่อวัน
จุดนี้เอง ก็ได้เริ่มทำให้เหล่าบริษัทขนาดใหญ่เริ่มให้ความสนใจและให้เงินสนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง SoftBank รวมถึง Sequoia Capital ที่เคยปฏิเสธจางไปในครั้งแรก
ก็ได้กลับมาให้เงินสนับสนุนมากถึง 3,200 ล้านบาทในปี ค.ศ. 2014
ต่อมา จางยังได้สังเกตเห็นว่าผู้คนมีแนวโน้มที่จะดูคลิปวิดีโอสั้นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นั่นจึงเป็นไอเดียที่ทำให้ในปี ค.ศ. 2016 ByteDance ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นในจีน
ชื่อว่า “Douyin” หรือในเวอร์ชันสากลที่เรารู้จักกันคือ “TikTok” นั่นเอง
TikTok เป็นแพลตฟอร์มสำหรับสร้างและรับชมวิดีโอสั้น ซึ่งจะมีฟีเชอร์เสริมที่สามารถใส่เพลงประกอบได้
โดยในตอนแรกจะมีความยาวของวิดีโอเพียง 15 วินาทีเท่านั้น แต่ในภายหลังได้เพิ่มให้วิดีโอสามารถมีความยาวได้ถึง 3 นาที
และแน่นอนว่า TikTok ก็มีระบบแนะนำวิดีโอที่เราชอบหรืออาจจะสนใจ โดยการใช้ AI
ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท ซึ่ง TikTok ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
เร็วในระดับที่หลังจากเปิดให้บริการได้เพียง 1 ปี TikTok มียอดผู้ใช้งานทั่วโลกสูงถึง 54 ล้านบัญชี
และเติบโตต่อเนื่อง จนปัจจุบันยอดผู้ใช้งานของ TikTok ได้กลายเป็น 732 ล้านบัญชีทั่วโลก
แล้วที่ผ่านมา ByteDance มีผลประกอบการเป็นอย่างไร ?
ปี 2018 มีรายได้ 230,000 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 650,000 ล้านบาท
ปี 2020 มีรายได้ 1,200,000 ล้านบาท
รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด
และปัจจุบัน ByteDance ได้กลายเป็นบริษัทเนื้อหอม ที่มีแต่ผู้เข้ามาให้เงินระดมทุนมหาศาล
จนล่าสุดบริษัท ถูกประเมินมูลค่าอยู่ที่ 14.0 ล้านล้านบาท
และด้วยมูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นนี้เอง จึงทำให้ตัวเจ้าของอย่างจาง มีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท
ขึ้นแท่นเป็นคนที่รวยที่สุดอันดับ 9 ของจีน และอันดับ 39 ของโลก
แล้วถ้าถามว่าเคล็ดลับความสำเร็จของจาง อี้หมิง คืออะไร ?
เราก็น่าจะนำมาสรุปแบ่งได้เป็น 2 ข้อ นั่นก็คือ
1. เขากล้าที่จะคิดในสิ่งใหม่ ๆ และลงมือทำอย่างจริงจัง
เหมือนตอนที่เขาตัดสินใจจ้างผู้บริหารใหม่มาดูแล “99fang” ทั้ง ๆ ที่บริษัทกำลังไปได้ดี
เพื่อจะมาทำตามความฝัน โดยการก่อตั้ง “ByteDance”
ที่ในตอนแรกแทบไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะทำได้
2. เขายอมรับข้อเสียของตัวเอง เพื่อที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
เหมือนกับในช่วงที่เขาลาออกจาก Kuxun เพื่อที่จะเข้าไปเรียนรู้การบริหารในบริษัทที่ใหญ่กว่าอย่าง Microsoft และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา จาง อี้หมิง เพิ่งประกาศว่าจะลงจากตำแหน่ง CEO ของ ByteDance โดยให้เหตุผลว่า “เขายังคงขาดทักษะบางอย่าง ในการเป็นผู้บริหารที่ดี”
แม้ว่าวันนี้ จาง อี้หมิง จะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง
แต่เขายังคงถ่อมตน ไม่หลงตัวเอง คอยมองหาข้อผิดพลาดเพื่อที่จะแก้ไขและเรียนรู้อยู่เสมอ
ด้วยแนวคิดนี้ เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม ByteDance ภายใต้การบริหาร
ของจาง อี้หมิง ได้ก้าวขึ้นมาเป็น ยูนิคอร์นที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Zhang_Yiming
-https://www.youtube.com/watch?v=kqxbO067y4g
-https://en.wikipedia.org/wiki/ByteDance
-https://www.businessinsider.com/bytedance-cofounder-zhang-yiming-steps-down-as-ceo-report-2021-5
-https://forbesthailand.com/news/global/zhang-yiming-เจ้าของแอปฮิต-tiktok-บริจาค-10.html
-https://www.forbes.com/profile/zhang-yiming/?sh=686eec81993c
-https://www.businessofapps.com/data/tik-tok-statistics/
-https://en.wikipedia.org/wiki/Toutiao
-https://en.wikipedia.org/wiki/TikTok
-https://www.longtunman.com/31622
-https://2.flexiple.com/founders/zhang-yiming
-https://asia.nikkei.com/Business/36Kr-KrASIA/TikTok-creator-ByteDance-hits-425bn-valuation-on-gray-market#:~:text=BEIJING%20%2D%2D%20The%20valuation%20of,stakes%20for%20sale%20in%20ByteDance.
alibaba wiki 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳解答
สรุปเรื่อง รัฐบาลจีน ทุบนายทุน ทำให้หุ้นเทคจีนลงแรง ในตอนนี้ /โดย ลงทุนแมน
รัฐ จัดระเบียบ ทุน น่าจะเป็นคำอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจีนตอนนี้ได้เห็นภาพที่สุด
รัฐ คือ ทางการจีน
ทุน คือ บริษัทเทคโนโลยีจีนยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย
เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่สุดในรอบหลายปีของตลาดทุนจีน
ใครโดนไปแล้วบ้าง แล้วใครกำลังจะโดนอีก
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ใครติดตามข่าวจะเห็นเรื่อง การจัดการการผูกขาดทางการค้ากับบริษัทเทคโนโลยีจีนยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย โดยเริ่มต้นจาก
- เครือ Alibaba ที่หยุดการ IPO ของ Ant Group เจ้าของ FinTech ที่ใหญ่สุดในโลก จากแจ็ก หม่า ที่เป็นคนพูดเยอะกลายเป็นต้องเงียบไม่ออกสื่อ
และอีกหลายบริษัท ในหลายกลุ่มทุน
- Meituan Dianping แอปพลิเคชัน Food Delivery อันดับ 1 ของจีน
- Tencent Music แอปพลิเคชันฟังเพลงอันดับ 1 ของจีน โดนรัฐบาลจีนปรับเรื่องผูกขาดลิขสิทธิ์ธุรกิจเพลง
- Didi Chuxing แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่อันดับ 1 ของจีน ที่เพิ่ง IPO ที่ตลาดหุ้น Nasdaq โดนรัฐบาลจีนสั่งลบแอปพลิเคชันออกจาก App Store และ Play Store ห้ามมีผู้ใช้งานใหม่ โดยรัฐบาลจีนบอกว่ากังวลต่อความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญของจีน
และล่าสุดคือธุรกิจกวดวิชา ซึ่งรัฐบาลจีนมองว่าจะกลายเป็นปัญหาของจีนในอนาคตได้ เพราะตอนนี้เด็กจีนเรียนหนักเกินไป ภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ที่จ่ายให้ธุรกิจกวดวิชาเหล่านี้ ก็สูงเกินไป หรือมองอีกนัยหนึ่งก็คือ ธุรกิจ AST (After School Tutoring) หรือกวดวิชาในจีนเหล่านี้ กำลังใหญ่และทรงอิทธิพลเกินไป
ทำให้ล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศให้ธุรกิจกวดวิชาที่สอนเนื้อหาเหมือนในห้องเรียน ต้องเป็นธุรกิจที่ไม่แสวงหาผลกำไร และผู้ทำธุรกิจเดิมหรือผู้จะทำธุรกิจใหม่จะไม่สามารถระดมทุนในตลาดทุนได้
การที่รัฐเข้ามาควบคุม ผ่านการออกกฎที่กระทบกับการทำธุรกิจของบริษัทเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อความกังวลของนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก สังเกตได้จากการเร่งเทขายหุ้นเทคโนโลยีจีน ทั้งในตลาดสหรัฐอเมริกา ตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดหุ้นจีน
เมื่อเป็นแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทันที คือ การปรับตัวลงของราคาหุ้นที่เกี่ยวข้อง
บริษัทเทคโนโลยีจีน มูลค่าหายไปเฉลี่ย 40% จากจุดสูงสุด
แต่ดูเหมือนว่า หุ้นที่ถูกกระทบหนักที่สุด ก็คือหุ้นกลุ่ม Education Technology ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้บางรายปรับตัวลง 90% จากจุดสูงสุด
ทำไมรัฐบาลจีนถึงมองว่า ธุรกิจกวดวิชา เป็นธุรกิจที่ควรจัดระเบียบ ?
จากการสำรวจ ภาระค่าใช้จ่าย 3 อันดับสำคัญของคนจีนในยุคนี้ คือ ค่ารักษาพยาบาล ค่าการศึกษาลูก และ ค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัย ดังนั้นจึงตีความได้ไม่ยากว่า นี่คือ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ทางการจีนต้องเข้ามาจัดการ
รู้หรือไม่ว่า ธุรกิจกวดวิชาในจีน ถูกประเมินว่ามีมูลค่ากว่า 3.7 ล้านล้านบาท
คนจีนมีความเชื่อว่า การศึกษาสามารถเปลี่ยนชีวิตได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่า ทำไมพ่อแม่ชาวจีน ถึงให้ความสำคัญ และยอมทุ่มเทค่าใช้จ่ายเพื่อให้ลูกเข้าถึงการศึกษาที่ดีที่สุด
จากผลสำรวจของคนจีนในเมืองใหญ่ พบว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสำหรับการเรียนกวดวิชาของลูก จะอยู่ที่คนละ 40,000-50,000 บาทต่อเดือน
ภาระค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนจีนไม่อยากมีลูก และประเด็นนี้กำลังส่งผลต่อเรื่องปัญหาประชากรของจีน โดยมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2030 ประชากรจีนจะเริ่มหดตัวลง พร้อม ๆกับสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวเหล่านี้ สิ่งที่รัฐบาลจีนทำ นอกเหนือจากนโยบายคลายกำเนิดที่ประกาศไปก่อนหน้า คือการพยายามลดภาระค่าใช้จ่ายของการมีลูก และทำให้คนกลับมาอยากมีลูกเพิ่มขึ้น
และล่าสุดรัฐบาลจีนได้ออกนโยบาย Double Reduction Policy (双减) คือ นโยบายที่มุ่งเน้นการลดปริมาณการบ้าน และลดชั่วโมงเรียนพิเศษ ของเด็กจีน จึงถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาและหวังลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของคนจีน
สาระสำคัญของนโยบายนี้ คือการลดความเครียดของเด็ก ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ โดยนโยบายนี้ครอบคลุมสำหรับการเรียนกวดวิชาของระดับชั้น K9 ลงมา หรือเทียบเท่า ม.3 ในไทย ซึ่งเป็นระบบการศึกษาภาคบังคับของจีน
นโยบายนี้จะบังคับให้ธุรกิจ AST ในจีน เปลี่ยนมาเป็น บริษัทที่ไม่เเสวงหาผลกำไร รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลจีน จะไม่ให้มีบริษัทติวเตอร์เปิดใหม่ที่มีการสอนซ้ำกับหลักสูตรภาคบังคับของโรงเรียนปกติ และห้ามธุรกิจกวดวิชาเหล่านี้เข้าระดมทุน ห้ามทำโฆษณาเชิญชวนขายคอร์สเรียน และห้ามโรงเรียนกวดวิชาสอนในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ วันหยุดเทศกาล และช่วงปิดเทอม
นอกจากธุรกิจการศึกษาของจีนที่โดนจัดการไปแล้ว รู้หรือไม่ว่า อีกหนึ่งภาคธุรกิจที่เป็นเป้าหมายต่อไปของจีน คือ ธุรกิจที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เพราะค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องค่อนข้างสูง จากการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการเก็งกำไร
ทำให้ทางการจีน ออกมาตรการลดความร้อนแรง ทั้งปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การออกกฎควบคุมแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังในจีน อย่าง Lianjia ที่ทำแพลตฟอร์ม นายหน้า ซื้อ ขาย เช่า ที่อยู่อาศัยครบวงจร
ในประเทศจีน Lianjia ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในจีน คิดเป็นสัดส่วน 52% และที่ผ่านมาเพิ่งโดนทางการจีน สั่งปรับในประเด็นการผูกขาดตลาด นั่นก็คือ หากจะประกาศขาย เช่า ที่อยู่อาศัยใน Lianjia แล้วห้ามไปประกาศในแพลตฟอร์มอื่น จากมาตรการเหล่านี้ทำให้หุ้น KE Holdings ก็ปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุดแล้วเกือบ 70%
จากการสังเกต จะเห็นว่า การเข้ามาควบคุมของรัฐบาลจีนส่วนใหญ่ จะเกิดขึ้นในธุรกิจแพลตฟอร์มที่มีขนาดใหญ่ และมีการผูกขาด จนทำให้เกิดการแข่งขันในธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งส่งผลทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทั้งในการทำมาหากิน และการใช้ชีวิตของประชาชนตามมา
อย่างไรก็ดี การเข้ามาควบคุมโดยใช้นโยบายต่าง ๆ เหล่านี้ ที่รัฐบาลมุ่งหวังจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในระยะยาว จะตอบโจทย์ได้จริงหรือไม่ ? สิ่งเหล่านี้ถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
หนึ่งในตัวอย่าง ที่พอจะสะท้อนได้ จากสื่อจีนที่ไปสัมภาษณ์ผู้ปกครอง หลังนโยบาย Double Reduction ได้ประกาศบังคับใช้ โรงเรียนกวดวิชาหลายโรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอน พบว่าพ่อแม่ส่วนหนึ่ง มองว่าไม่ได้แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพราะตอนนี้ต้องดิ้นรนไปหาติวเตอร์ส่วนตัวมาสอนลูกแทน ซึ่งราคาต่อชั่วโมงของติวเตอร์เหล่านี้ ตอนนี้สูงถึงชั่วโมงละ 2,000-4,000 บาท เรียกว่าปรับตัวสูงขึ้นมาก จนแพงกว่าการจ่ายค่าคอร์สออนไลน์ให้กับบรรดาธุรกิจ AST หลายเท่าตัว
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจีนหลังจากนี้ คงต้องรอติดตามในระยะยาวว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างที่ทางการจีนหวังไว้ได้หรือไม่
แต่สิ่งที่สะท้อนทันทีในระยะสั้น คือ การเทขายของหุ้นเทคโนโลยีจีน ที่สร้างแรงกระเพื่อมไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก
โดยถ้าประเมินจากดัชนีหุ้นเทคโนโลยีจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ (NASDAQ Golden Dragon China Index) ถ้านับจากจุดสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มูลค่าของหุ้นกลุ่มนี้ได้หายไปแล้วกว่า 24.6 ล้านล้านบาท คิดเป็นการปรับตัวลดลงมากว่า 45% แล้วนั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://qz.com/2037818/china-is-extending-its-regulatory-storm-from-tech-to-education/
-https://www.reuters.com/world/china/chinese-parents-fret-after-government-bans-for-profit-tutoring-firms-2021-07-26/
-https://urldefense.com/v3/__http:/www.clsa.com/*ev/*Aw0H8G4Or2zL_czaDrP_dwgPGkSUPbLwJvu2NikZeg__;Ly8!!G1i-!f-6a-s5L1WM_qIToEXScAIcFWc5paEjE6_UeoaWDJGtzRUkKTPbNnB0lXhrQB43NzBgqgDAbUg$
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lianjia
-https://www.straitstimes.com/business/companies-markets/china-stocks-in-us-suffer-biggest-two-day-wipeout-since-2008
-https://www.reuters.com/business/finance/exclusive-china-planning-new-crackdown-private-tutoring-sector-sources-2021-05-12/
alibaba wiki 在 Dan Lok Youtube 的最讚貼文
Want Some Of Dan's Top Rules For Success? Download His Book, F.U. Money For FREE Here: http://jackmasrules.danlok.link
Jack Ma has 9 top rules for success. In this video, Dan Lok reveals some of the thinking and secrets behind how Jack Ma has become successful and the mindset that he has that has played a huge role in his success. Watch this video to discover Jack Ma's top 9 rules for success.
? SUBSCRIBE TO DAN'S YOUTUBE CHANNEL NOW ?
https://www.youtube.com/danlok?sub_confirmation=1
Check out these Top Trending Playlists -
1.) Boss In The Bentley: https://www.youtube.com/playlist?list=PLEmTTOfet46OWsrbWGPnPW8mvDtjge_6-
2.) Sales Tips That Get People To Buy - https://www.youtube.com/watch?v=E6Csz_hvXzw&list=PLEmTTOfet46PvAsPpWByNgUWZ5dLJd_I4
3.) Dan Lok’s Best Secrets - https://www.youtube.com/watch?v=FZNmFJUuTRs&list=PLEmTTOfet46N3NIYsBQ9wku8UBNhtT9QQ
Dan Lok is a Chinese-Canadian business magnate and global educator. Mr. Lok is leading a global education movement spanning across 120+ countries where Mr. Lok has taught millions of men and women to develop high income skills, unlock true financial confidence and master their financial destinies.
Beyond his success in business, Mr. Lok was also a two times TEDx opening speaker. An international best-selling author of over a dozen books. And the host of The Dan Lok Show – a series featuring billionaire tycoons and millionaire entrepreneurs.
Today, Mr. Lok continues to be featured in hundreds of media channels and publications every year and is widely seen as one of the top business leaders by millions around the world.
★☆★ CONNECT WITH DAN ON SOCIAL MEDIA ★☆★
Podcast: http://thedanlokshow.danlok.link
Instagram: http://instagram.danlok.link
YouTube: http://youtube.danlok.link
Linkedin: http://mylinkedin.danlok.link
#DanLok #JackMa #Success
Please understand that by watching Dan’s videos or enrolling in his programs you’ll get results close to what he’s been able to do (or do anything for that matter).
He’s been in business for over 20 years and his results are not typical.
Most people who watch his videos or enroll in his programs get the “how to” but never take action with the information. Dan is only sharing what has worked for him and his students.
Your results are dependent on many factors… including but not limited to your ability to work hard, commit yourself, and do whatever it takes.
Entering any business is going to involve a level of risk as well as massive commitment and action. If you're not willing to accept that, please DO NOT WATCH DAN’S VIDEOS OR SIGN UP FOR ONE OF HIS PROGRAMS.
Image source here:
https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Flickr_-_World_Economic_Forum_-_Jack_Ma_Yun_-_Annual_Meeting_of_the_New_Champions_Tianjin_2008_(1).jpg
Description: TIANJIN/CHINA, 28SEPT08 - Jack Ma Yun, Chairman and Chief Executive Officer, Alibaba Group, speaks during The Future of the Global Economy: The View from China plenary session at the World Economic Forum Annual Meeting of the New Champions in Tianjin, China 28 September 2008. Copyright World Economic Forum (www.weforum.org)/Photo by Natalie Behring
Date: 28 September 2008, 14:10
Source: Jack Ma Yun - Annual Meeting of the New Champions Tianjin 2008
Author: World Economic Forum from Cologny, Switzerland
This video is about Jack Ma's Top 9 Rules For Success
https://youtu.be/BeACT80tsX8
https://youtu.be/BeACT80tsX8
alibaba wiki 在 狼爸爸的工作室 Youtube 的最佳貼文
说起软银帝国(Softbank), 大家一定会想起孙正义, 然而说起孙正义, 我想这是一个大家既熟悉又陌生的名字, 熟悉的是, 总在互联网各个角落看见过他的名字, 陌生的是, 他从哪里来, 他将要往哪里去, 这位身高只有1米5的日本首富究竟想干嘛?
参考资料:
软银官网
https://www.softbank.jp
维基百科 软银集团
https://zh.wikipedia.org/wiki/軟銀集團
软件银行集团
https://baike.baidu.com/item/软件银行集团/468738?fromtitle=软银&fromid=6548454
软银主页
https://www.softbank.jp/en/corp/
阿里巴巴四大股东
https://www.investopedia.com/articles/investing/111114/top-five-alibaba-shareholders.asp
或进一步增持英伟达 软银的科技野“芯”有多大?
https://www.jianshu.com/p/44ecbee2af29
软银孙正义:赶上这么一个好时代,睡觉的时间都觉得浪费
https://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzI2NjQ4MTQ2Mw==&mid=2247485059&idx=1&sn=7d7ce9c1807f445ccb211e604a28cd18&chksm=ea8c3cdbddfbb5cd15100a689e33215762e8d1f3125da2431e9e8b7d38882cfddd06aca3ebf9&scene=21#wechat_redirect
孙正义简介
https://wiki.mbalib.com/wiki/孙正义
软银孙正义(续):我不是靠运气,靠的是实力!
https://mp.weixin.qq.com/s?__biz=MzI2NjQ4MTQ2Mw==&mid=2247485062&idx=1&sn=d3ad40833aa4d24d29fe47e629acb9b7&chksm=ea8c3cdeddfbb5c88f250e0c841e401f3bcea863fd166d07157146f07ed96e1616b4fa83d8e0&scene=21#wechat_redirect
全球最大pe基金软银愿景基金研究报告.pdf
https://doc.mbalib.com/view/7266cc4a8784ce8526f2f6bed93699ff.html
未来不是10年、20年,而是一看就是上100年
http://www.vc-news.com.cn/?p=1162
软银2017年报
https://cdn.softbank.jp/en/corp/set/data/irinfo/financials/annual_reports/pdf/2017/softbank_annual_report_2017_001.pdf
#软银 #孙正义
alibaba wiki 在 漫遊百科2015 第五集龍嘉輝:希臘神話與星宿;鄧棠波 的必吃
2015-07-25地球以外的宇宙,既浩瀚又神秘。數千年來,人類不斷努力探究, 卻無法完全掌握,唯有對它加上點點遐思,絲絲想像。 ... <看更多>